ปิกอัพที่ทำตลาดในไทยต่างแห่ปรับโฉมกันถ้วนหน้า ไม่ว่าจะโมเดลเชนจ์หรือไมเนอร์เชนจ์ แม้แต่ปิกอัพจากแดนภารตะ “ทาทา” ยังต้องขยับสู้ ด้วยการส่งรุ่นย่อยใหม่ “ซีนอน 150 เอ็นเอ็กซ์-พลอร์” (XENON 150NX-PLORE) มาเป็นอีกทางเลือก แต่จะสามารถเบียดแทรกอยู่บนเวทีได้หรือไม่? ไปสำรวจและลองสัมผัสสมรรถนะกันดู...
ทาทา ซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์ ไม่ใช่เพิ่งเผยโฉมเป็นครั้งแรกปีนี้ เพราะมีการแนะนำมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 แต่เพิ่งมาวางจำหน่ายเป็นทางการเมื่อช่วงประมาณเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยรูปลักษณ์หน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปจากรุ่นย่อยอื่นๆ เพียงแต่เพิ่มรุ่นย่อยใหม่เป็นรุ่นพรีเมียมของไลน์ผลิตภัณฑ์ซีนอน หรือจะว่าก็ไปประมาณรุ่น “ไวลด์แทรค” ของปิกอัพฟอร์ด เรนเจอร์ หรือ “นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา สปอร์ตเทค” ที่เพิ่งวางตลาดล่าสุด
เหตุนี้จึงไม่แปลกที่ราคาของทาทา ซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์จะตั้งไว้สูงสุดของปิกอัพทาทา ซีนอน แต่หากเทียบกับรถประเภทเดียวกันที่เป็นปิกอัพ ดับเบิลแค็บ หรือรุ่น 4 ประตู ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ นับว่ามีราคาต่ำสุดในตลาด หรือต่างกันค่อนข้างมาก โดยมีช่องห่างของราคาตั้งแต่กว่า 1-3 แสนบาท...
เพราะซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์ วางราคาไว้เพียง 734,9000 บาทเท่านั้น และแม้จะเป็นรถเหมือนกันแต่ลูกค้าเป้าหมายเป็นคนล่ะกลุ่ม ของทาทาจะเป็นคนที่ใช้งานในไร่-นา หรือสวนจริงๆ ตลอดจนกลุ่มเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และข้าราชการตำรวจ-ทหารตามป่าเขา ไม่ใช่คนเมืองที่ชอบลุย หรือเกษตรกรเงินล้านแน่ๆ
แน่นอนการวางตำแหน่งให้เป็นรุ่นท็อปไลน์ของทาทา ซีนอน ย่อมต้องมีความแตกต่างจากรุ่นย่อยๆ แม้จะไม่ได้ปรับรูปลักษณ์หน้าตาใหม่ แต่ได้มีการตกแต่งรอบคันเพิ่มความดุดันมากขึ้น และติดตั้ง Daytime Running Light ในกรอบไฟตัดหมอกหน้า ไฟเลี้ยวบนกระจกมองข้าง และไฟเบรกดวงที่ 3 อย่างไรก็ตามจะตกแต่งรอบคันทั้งทีน่าจะติดตั้งบันไดข้างเพื่อให้ขึ้นรถได้ง่ายๆ เพราะมันจำเป็นกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือปิกอัพยกสูงทั่วๆ ไป
ส่วนภายในได้มีการออกแบบในรายละเอียด รวมถึงเบาะที่นั่งใหม่โทนสีดำ แต่ยังดูเป็นปิกอัพในยุคเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา(รวมถึงการออกแบบภายนอกด้วย) และหากเทียบกับปิกอัพในตลาดรุ่นอื่นๆ ที่แทบไม่แตกต่างจากรถยนต์นั่ง หรือเก๋งแล้ว จึงนับว่ายังห่างกันอยู่มากทีเดียว นั่นรวมถึงเรื่องคุณภาพวัสดุและความเนี๊ยบของการผลิตด้วย(ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย แจ้งว่ารถทดสอบนี่เป็นรุ่นพรีโปรดักชั่น รุ่นผลิตเพื่อจำหน่ายจริงจะปรับให้ดีกว่านี้)...
ถึงอย่างนั้นทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้มีความพยายามที่จะตอบสนองลูกค้าให้มากที่สุด และหากเทียบกับรุ่นย่อยอื่นๆ (ที่เคยลองขับก่อนหน้านี้) นับว่าปรับดีขึ้นพอสมควร พร้อมกับใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ-เอ็มพี3 พร้อมช่อง USB, หน้าจอแบบ Touch Screen และระบบนำทาง หรือเนวิเกเตอร์ ขณะที่ระบบความปลอดภัยให้มาตามมาตรฐานของรถทุกวันนี้ ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อค (ABS) และระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเลคทรอนิกส์(EBD) เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นใน ทาทา ซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เห็นจะเป็นขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล DICOR ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบแปรผันพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ปรับปรุงใหม่ให้มีขุมพลัง 150 แรงม้า เพิ่มจากเดิม 10 แรงม้า โดยแรงบิดสูงสุดยังอยู่ที่ 320 นิวตัน-เมตร แต่ลดรอบให้มาตั้งแต่ 1,500-3,000 รอบต่อนาที (รุ่นเดิมเริ่มที่ 1,700) ผสานกับชุดเกียร์ใหม่ GBS-76 MK-II แบบ 5 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อม Shift-on-the fly
ในการลองขับมีทั้งเส้นทางเรียบจากกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี และรูปแบบออฟโรดพิสูจน์สมรรถนะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สนามทดสอบกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นชั่นแนลอำเภอบ่อพลอย โดยช่วงแรกของการขับแบบออนโรด บอกเลยความรู้สึกของการขับและบรรยากาศในห้องโดยสารเหมือนกับปิกอัพเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ส่วนแป้นคลัตช์และเบรกค่อนข้างยกสูง คลัตช์เวลาเหยียบมีระยะฟรีเยอะ เช่นเดียวกับเบรกที่ลึกเช่นกัน หากขับในเมืองเมื่อยขาแน่ๆ ส่วนอัตราเร่งไม่ถึงกับอืดแต่ก็ไม่ได้จี๊ดจ๊าด ความเร็วไต่ขึ้นไปได้เรื่อยๆ แต่เมื่อเลย 120 กม./ชม. มีเริ่มต้องเค้นหรือลุ้นช่วยแล้ว
เมื่อถึงสนามออฟโรดที่อำเภอบ่อพลอย สถานีนี้เองที่ทาทา ซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์ เรียกเสียงชื่นชมจากสื่อมวลชนที่มาลองขับได้ เห็นได้จากสถานีที่ต้องขับขึ้น-ลงเนินชันประมาณ 45องศา ระยะทางประมาณ 50 เมตร ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Shift-on-the flyไม่ต้องหยุดรถบนความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. และสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็นแบบ 4 ล้อง่ายๆ กับปุ่มด้านข้างพวงมาลัยด้านขวามือเท่านั้น
จากนั้นขับขี่แบบปล่อยวอล์คกิงสปีด หรือเพียงประครองรถ ไม่ต้องเติมคันเร่งรักษารอบเดินเบา ปล่อยให้ขุมพลังและแรงบิดที่มาตั้งแต่รอบต่ำ ผสานกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยกันทำงานฉุดรถไต่ขึ้นเนินสูงชัน หรือลงเนินแบบไม่ต้องแตะเบรกได้สบายๆ รวมถึงการผ่านอุปสรรคต่างๆ เป็นไปได้อย่างเนียนๆ ไม่ว่าจะเป็นข้ามทางน้ำไหล หรือบ่อโคลนก็ไม่เป็นปัญหา ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปช่วยลดการหมุนฟรีของล้อ และเสริมกำลังขับเคลื่อนให้ผ่านทุกอุปสรรคได้ง่ายๆ นั่นเอง
สรุป... จากการลองขับ ทาทา ซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์ ทางเรียบไม่โดดเด่น แต่กลับมาเรียกเสียงชื่นชมได้ในเรื่องการใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และความพยายามที่จะปรับปรุง-เพิ่มอุปกรณ์เพื่อลูกค้าให้ดีขึ้น แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับคู่แข่งได้ แต่ราคาที่ต่ำกว่าพอสมควรก็อาจทำให้ลืมๆ ไปได้บ้าง ส่วนจะเปิดใจกลุ่มเป้าหมายที่เป็นชาวไร่ชาวนาให้ยอมรับได้หรือไม่? คงต้องรอดูสักระยะ...
ทาทา ซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์ ไม่ใช่เพิ่งเผยโฉมเป็นครั้งแรกปีนี้ เพราะมีการแนะนำมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2014 แต่เพิ่งมาวางจำหน่ายเป็นทางการเมื่อช่วงประมาณเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยรูปลักษณ์หน้าตาไม่ได้เปลี่ยนไปจากรุ่นย่อยอื่นๆ เพียงแต่เพิ่มรุ่นย่อยใหม่เป็นรุ่นพรีเมียมของไลน์ผลิตภัณฑ์ซีนอน หรือจะว่าก็ไปประมาณรุ่น “ไวลด์แทรค” ของปิกอัพฟอร์ด เรนเจอร์ หรือ “นิสสัน เอ็นพี300 นาวารา สปอร์ตเทค” ที่เพิ่งวางตลาดล่าสุด
เหตุนี้จึงไม่แปลกที่ราคาของทาทา ซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์จะตั้งไว้สูงสุดของปิกอัพทาทา ซีนอน แต่หากเทียบกับรถประเภทเดียวกันที่เป็นปิกอัพ ดับเบิลแค็บ หรือรุ่น 4 ประตู ระบบขับเคลื่อนแบบ 4 ล้อ นับว่ามีราคาต่ำสุดในตลาด หรือต่างกันค่อนข้างมาก โดยมีช่องห่างของราคาตั้งแต่กว่า 1-3 แสนบาท...
เพราะซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์ วางราคาไว้เพียง 734,9000 บาทเท่านั้น และแม้จะเป็นรถเหมือนกันแต่ลูกค้าเป้าหมายเป็นคนล่ะกลุ่ม ของทาทาจะเป็นคนที่ใช้งานในไร่-นา หรือสวนจริงๆ ตลอดจนกลุ่มเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และข้าราชการตำรวจ-ทหารตามป่าเขา ไม่ใช่คนเมืองที่ชอบลุย หรือเกษตรกรเงินล้านแน่ๆ
แน่นอนการวางตำแหน่งให้เป็นรุ่นท็อปไลน์ของทาทา ซีนอน ย่อมต้องมีความแตกต่างจากรุ่นย่อยๆ แม้จะไม่ได้ปรับรูปลักษณ์หน้าตาใหม่ แต่ได้มีการตกแต่งรอบคันเพิ่มความดุดันมากขึ้น และติดตั้ง Daytime Running Light ในกรอบไฟตัดหมอกหน้า ไฟเลี้ยวบนกระจกมองข้าง และไฟเบรกดวงที่ 3 อย่างไรก็ตามจะตกแต่งรอบคันทั้งทีน่าจะติดตั้งบันไดข้างเพื่อให้ขึ้นรถได้ง่ายๆ เพราะมันจำเป็นกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ หรือปิกอัพยกสูงทั่วๆ ไป
ส่วนภายในได้มีการออกแบบในรายละเอียด รวมถึงเบาะที่นั่งใหม่โทนสีดำ แต่ยังดูเป็นปิกอัพในยุคเมื่อกว่า 10 ปีที่ผ่านมา(รวมถึงการออกแบบภายนอกด้วย) และหากเทียบกับปิกอัพในตลาดรุ่นอื่นๆ ที่แทบไม่แตกต่างจากรถยนต์นั่ง หรือเก๋งแล้ว จึงนับว่ายังห่างกันอยู่มากทีเดียว นั่นรวมถึงเรื่องคุณภาพวัสดุและความเนี๊ยบของการผลิตด้วย(ทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย แจ้งว่ารถทดสอบนี่เป็นรุ่นพรีโปรดักชั่น รุ่นผลิตเพื่อจำหน่ายจริงจะปรับให้ดีกว่านี้)...
ถึงอย่างนั้นทาทา มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้มีความพยายามที่จะตอบสนองลูกค้าให้มากที่สุด และหากเทียบกับรุ่นย่อยอื่นๆ (ที่เคยลองขับก่อนหน้านี้) นับว่าปรับดีขึ้นพอสมควร พร้อมกับใส่อุปกรณ์อำนวยความสะดวกสบายเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นวิทยุ-เอ็มพี3 พร้อมช่อง USB, หน้าจอแบบ Touch Screen และระบบนำทาง หรือเนวิเกเตอร์ ขณะที่ระบบความปลอดภัยให้มาตามมาตรฐานของรถทุกวันนี้ ทั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบป้องกันล้อล็อค (ABS) และระบบกระจายแรงเบรกแบบอิเลคทรอนิกส์(EBD) เป็นต้น
การเปลี่ยนแปลงที่โดดเด่นใน ทาทา ซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์ ขับเคลื่อน 4 ล้อ เห็นจะเป็นขุมพลังเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล DICOR ขนาด 2.2 ลิตร เทอร์โบแปรผันพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ที่ปรับปรุงใหม่ให้มีขุมพลัง 150 แรงม้า เพิ่มจากเดิม 10 แรงม้า โดยแรงบิดสูงสุดยังอยู่ที่ 320 นิวตัน-เมตร แต่ลดรอบให้มาตั้งแต่ 1,500-3,000 รอบต่อนาที (รุ่นเดิมเริ่มที่ 1,700) ผสานกับชุดเกียร์ใหม่ GBS-76 MK-II แบบ 5 สปีด และระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ พร้อม Shift-on-the fly
ในการลองขับมีทั้งเส้นทางเรียบจากกรุงเทพฯ-กาญจนบุรี และรูปแบบออฟโรดพิสูจน์สมรรถนะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่สนามทดสอบกรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นชั่นแนลอำเภอบ่อพลอย โดยช่วงแรกของการขับแบบออนโรด บอกเลยความรู้สึกของการขับและบรรยากาศในห้องโดยสารเหมือนกับปิกอัพเมื่อกว่า 10 ปีก่อน ส่วนแป้นคลัตช์และเบรกค่อนข้างยกสูง คลัตช์เวลาเหยียบมีระยะฟรีเยอะ เช่นเดียวกับเบรกที่ลึกเช่นกัน หากขับในเมืองเมื่อยขาแน่ๆ ส่วนอัตราเร่งไม่ถึงกับอืดแต่ก็ไม่ได้จี๊ดจ๊าด ความเร็วไต่ขึ้นไปได้เรื่อยๆ แต่เมื่อเลย 120 กม./ชม. มีเริ่มต้องเค้นหรือลุ้นช่วยแล้ว
เมื่อถึงสนามออฟโรดที่อำเภอบ่อพลอย สถานีนี้เองที่ทาทา ซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์ เรียกเสียงชื่นชมจากสื่อมวลชนที่มาลองขับได้ เห็นได้จากสถานีที่ต้องขับขึ้น-ลงเนินชันประมาณ 45องศา ระยะทางประมาณ 50 เมตร ซึ่งการเปลี่ยนมาใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Shift-on-the flyไม่ต้องหยุดรถบนความเร็วไม่เกิน 80 กม./ชม. และสามารถเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน 2 ล้อ เป็นแบบ 4 ล้อง่ายๆ กับปุ่มด้านข้างพวงมาลัยด้านขวามือเท่านั้น
จากนั้นขับขี่แบบปล่อยวอล์คกิงสปีด หรือเพียงประครองรถ ไม่ต้องเติมคันเร่งรักษารอบเดินเบา ปล่อยให้ขุมพลังและแรงบิดที่มาตั้งแต่รอบต่ำ ผสานกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ช่วยกันทำงานฉุดรถไต่ขึ้นเนินสูงชัน หรือลงเนินแบบไม่ต้องแตะเบรกได้สบายๆ รวมถึงการผ่านอุปสรรคต่างๆ เป็นไปได้อย่างเนียนๆ ไม่ว่าจะเป็นข้ามทางน้ำไหล หรือบ่อโคลนก็ไม่เป็นปัญหา ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากระบบเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปช่วยลดการหมุนฟรีของล้อ และเสริมกำลังขับเคลื่อนให้ผ่านทุกอุปสรรคได้ง่ายๆ นั่นเอง
สรุป... จากการลองขับ ทาทา ซีนอน 150เอ็นเอ็กซ์-พลอร์ ทางเรียบไม่โดดเด่น แต่กลับมาเรียกเสียงชื่นชมได้ในเรื่องการใช้งานระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ และความพยายามที่จะปรับปรุง-เพิ่มอุปกรณ์เพื่อลูกค้าให้ดีขึ้น แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับคู่แข่งได้ แต่ราคาที่ต่ำกว่าพอสมควรก็อาจทำให้ลืมๆ ไปได้บ้าง ส่วนจะเปิดใจกลุ่มเป้าหมายที่เป็นชาวไร่ชาวนาให้ยอมรับได้หรือไม่? คงต้องรอดูสักระยะ...