ฟอร์ดจับมือคอร์นนิ่ง เปิดตัวเทคโนโลยีกระจกหน้ารถแบบไฮบริด “กอลิล่า กลาส” เป็นรายแรกในอุตสาหกรรมรถยนต์ ด้วยจุดเด่นมีความแข็งแกร่ง ทนทาน ยากต่อการเกิดรอยขีดข่วน และมีน้ำหนักเบา ประเดิมใช้ในฟอร์ด จีที ซูเปอร์คาร์ ใหม่
จุดเริ่มต้นของแนวคิดสำหรับเทคโนโลยีที่มีน้ำหนักเบา กำลังจะกลายเป็นความจริงแล้ว สำหรับลูกค้าฟอร์ด จีที หลังการเปิดตัวเทคโนโลยีกระจกหน้ารถแบบไฮบริด กอลิล่ากลาส จากคอร์นนิ่งในรถยนต์ ฟอร์ด จีที ใหม่ ซึ่งเป็นกระจกหน้ารถที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน และยากต่อการเกิดรอยขีดข่วน นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบากว่ากระจกหน้ารถแบบทั่วไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
กระจกหน้ารถแบบใหม่นี้ได้รับการพัฒนาโดยฟอร์ดและคอร์นนิ่ง ผู้นำที่มีชื่อเสียงด้านวัสดุศาสตร์ซึ่งเคยเปิดตัวกระจกกอลิล่ากลาส ที่มีน้ำหนักเบาและมีความทนทานในตลาดสินค้าผู้บริโภคกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์มาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2550 ทั้งนี้ กระจกหน้ารถแบบไฮบริด กอลิล่า กลาส นี้จะถูกนำมาใช้ในส่วนของกระจกหน้ารถและฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลังของรถยนต์ฟอร์ด จีที ใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมการขับขี่ เพิ่มการประหยัดน้ำมัน และลดความเสี่ยงกรณีกระจกหน้ารถแตก
สำหรับกระจกลามิเนตหน้ารถยนต์แบบดั้งเดิมนั้น ประกอบด้วยกระจกธรรมดา 2 ชั้นประกบกันด้วยกาวแบบใสที่ใช้เม็ดพลาสติกในการยึดติดกันระหว่างชั้น ซึ่งนำมาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาโดย เฮนรี่ ฟอร์ด และเทคโนโลยีดังกล่าวได้นำมาใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์มามากกว่าหนึ่งศตวรรษ
กระจกไฮบริดแบบใหม่นี้มีโครงสร้างหลายชั้น โดยบานกระจกชั้นในสุดใช้เทคโนโลยีแบบไฮบริดที่สร้างขึ้นจากวัสดุคุณภาพชั้นเยี่ยมสำหรับรถยนต์ ส่วนชั้นกลางจะสร้างจากเม็ดพลาสติกที่สามารถดูดซับเสียงได้เป็นอย่างดี และบานกระจกชั้นนอกเป็นกระจกทั่วไป ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ คือ กระจกหน้ารถและฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลังที่ทำให้รถยนต์มีน้ำหนักเบากว่ารถในกลุ่มคู่แข่งทั่วไปถึง 32 เปอร์เซนต์
หน้าต่างที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีกระจกรถแบบไฮบริด กอลิล่า กลาส นี้ทำให้กระจกบางลง 25-50 เปอร์เซ็นต์ หรือเทียบเท่า และแข็งแรงกว่ากระจกรถลามิเนตแบบดั้งเดิม โดยทั่วไปกระจกรถยนต์ลามิเนตแบบดั้งเดิม จะมีความหนาตั้งแต่ 4-6 มิลลิเมตร ในขณะที่กระจกหน้ารถแบบไฮบริด กอลิล่า จะมีความหนาเพียง 3-4 มิลลิเมตรเท่านั้น ความสำเร็จในการลดขนาดความหนาของกระจกครั้งนี้ ทำให้สามารถลดน้ำหนักกระจกในแต่ละบานได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งกระจกนี้ยังมีความแข็งแรงทนทานกว่า เนื่องด้วยกระบวนการผลิตที่ล้ำสมัยที่ช่วยลดสิ่งเจือปน เพิ่มความแข็งแรงทางเคมี และการหลอมขอบกระจกที่เป็นเอกลักษณ์ตามโครงสร้างกระจกลามิเนตชั้นเยี่ยม เทคโนโลยีใหม่นี้ยังผ่านการทดสอบที่หลากหลาย ทั้งการขับขี่บนสภาพถนนที่ขรุขระไม่ราบเรียบ ทดสอบด้วยก้อนหิน และยังมีความทนทานต่อการกระแทก พุ่งชน กรณีรถพลิกคว่ำ และวิ่งในอุโมงค์ลมอีกด้วย
“นอกเหนือจากการนำเทคโนโลยีกระจกหน้ารถแบบไฮบริด กอลิล่าใหม่ มาใช้สำหรับกระจกภายนอกของฟอร์ดจีที แล้ว เรายังได้ผสมผสานกระจกแบบพิเศษสำหรับใช้เป็นบานหน้าต่างกั้นระหว่างห้องผู้โดยสารและห้องเครื่องยนต์ ไว้ด้วยเช่นกัน” พอล ลินเดน วิศวกรผู้ดูแลรูปลักษณ์ภายนอกของฟอร์ด กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ออกแบบคิดค้นกระจกพิเศษมาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจง และทำให้รถยนต์มีน้ำหนักเบาขึ้นได้มากที่สุดอีกด้วย”
น้ำหนักที่เบาขึ้นของกระจกหน้ารถ ฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลัง และหน้าต่างบานกั้นของรถยนต์ฟอร์ด ทีจี นี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเร่งเครื่องยนต์ การประหยัดน้ำมัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเบรกได้ดียิ่งขึ้นด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ประโยชน์ที่ได้รับจากการลดศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงของรถยนต์ ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวของรถให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
การใช้เทคโนโลยีกระจกแบบไฮบริดของฟอร์ดนี้ ช่วยตอกย้ำเป้าหมายที่ยากของบริษัทในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน และเทคโนโลยีที่มีน้ำหนักเบานี้ จะช่วยมอบความสะดวกสบายต่อลูกค้าฟอร์ดทุกคนในอนาคตต่อไป โดยผู้สนใจสามารถคลิกไปดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีกระจกไฮบริด กอลิล่า กลาส แบบใหม่นี้ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=UENtstzpHU8
จุดเริ่มต้นของแนวคิดสำหรับเทคโนโลยีที่มีน้ำหนักเบา กำลังจะกลายเป็นความจริงแล้ว สำหรับลูกค้าฟอร์ด จีที หลังการเปิดตัวเทคโนโลยีกระจกหน้ารถแบบไฮบริด กอลิล่ากลาส จากคอร์นนิ่งในรถยนต์ ฟอร์ด จีที ใหม่ ซึ่งเป็นกระจกหน้ารถที่มีความแข็งแกร่ง ทนทาน และยากต่อการเกิดรอยขีดข่วน นอกจากนี้ยังมีน้ำหนักเบากว่ากระจกหน้ารถแบบทั่วไปกว่า 30 เปอร์เซ็นต์
กระจกหน้ารถแบบใหม่นี้ได้รับการพัฒนาโดยฟอร์ดและคอร์นนิ่ง ผู้นำที่มีชื่อเสียงด้านวัสดุศาสตร์ซึ่งเคยเปิดตัวกระจกกอลิล่ากลาส ที่มีน้ำหนักเบาและมีความทนทานในตลาดสินค้าผู้บริโภคกลุ่มอิเล็กทรอนิคส์มาแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2550 ทั้งนี้ กระจกหน้ารถแบบไฮบริด กอลิล่า กลาส นี้จะถูกนำมาใช้ในส่วนของกระจกหน้ารถและฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลังของรถยนต์ฟอร์ด จีที ใหม่ เพื่อช่วยเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมการขับขี่ เพิ่มการประหยัดน้ำมัน และลดความเสี่ยงกรณีกระจกหน้ารถแตก
สำหรับกระจกลามิเนตหน้ารถยนต์แบบดั้งเดิมนั้น ประกอบด้วยกระจกธรรมดา 2 ชั้นประกบกันด้วยกาวแบบใสที่ใช้เม็ดพลาสติกในการยึดติดกันระหว่างชั้น ซึ่งนำมาใช้เป็นครั้งแรกในประเทศสหรัฐอเมริกาโดย เฮนรี่ ฟอร์ด และเทคโนโลยีดังกล่าวได้นำมาใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์มามากกว่าหนึ่งศตวรรษ
กระจกไฮบริดแบบใหม่นี้มีโครงสร้างหลายชั้น โดยบานกระจกชั้นในสุดใช้เทคโนโลยีแบบไฮบริดที่สร้างขึ้นจากวัสดุคุณภาพชั้นเยี่ยมสำหรับรถยนต์ ส่วนชั้นกลางจะสร้างจากเม็ดพลาสติกที่สามารถดูดซับเสียงได้เป็นอย่างดี และบานกระจกชั้นนอกเป็นกระจกทั่วไป ซึ่งผลลัพธ์ที่ได้ คือ กระจกหน้ารถและฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลังที่ทำให้รถยนต์มีน้ำหนักเบากว่ารถในกลุ่มคู่แข่งทั่วไปถึง 32 เปอร์เซนต์
หน้าต่างที่สร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีกระจกรถแบบไฮบริด กอลิล่า กลาส นี้ทำให้กระจกบางลง 25-50 เปอร์เซ็นต์ หรือเทียบเท่า และแข็งแรงกว่ากระจกรถลามิเนตแบบดั้งเดิม โดยทั่วไปกระจกรถยนต์ลามิเนตแบบดั้งเดิม จะมีความหนาตั้งแต่ 4-6 มิลลิเมตร ในขณะที่กระจกหน้ารถแบบไฮบริด กอลิล่า จะมีความหนาเพียง 3-4 มิลลิเมตรเท่านั้น ความสำเร็จในการลดขนาดความหนาของกระจกครั้งนี้ ทำให้สามารถลดน้ำหนักกระจกในแต่ละบานได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งกระจกนี้ยังมีความแข็งแรงทนทานกว่า เนื่องด้วยกระบวนการผลิตที่ล้ำสมัยที่ช่วยลดสิ่งเจือปน เพิ่มความแข็งแรงทางเคมี และการหลอมขอบกระจกที่เป็นเอกลักษณ์ตามโครงสร้างกระจกลามิเนตชั้นเยี่ยม เทคโนโลยีใหม่นี้ยังผ่านการทดสอบที่หลากหลาย ทั้งการขับขี่บนสภาพถนนที่ขรุขระไม่ราบเรียบ ทดสอบด้วยก้อนหิน และยังมีความทนทานต่อการกระแทก พุ่งชน กรณีรถพลิกคว่ำ และวิ่งในอุโมงค์ลมอีกด้วย
“นอกเหนือจากการนำเทคโนโลยีกระจกหน้ารถแบบไฮบริด กอลิล่าใหม่ มาใช้สำหรับกระจกภายนอกของฟอร์ดจีที แล้ว เรายังได้ผสมผสานกระจกแบบพิเศษสำหรับใช้เป็นบานหน้าต่างกั้นระหว่างห้องผู้โดยสารและห้องเครื่องยนต์ ไว้ด้วยเช่นกัน” พอล ลินเดน วิศวกรผู้ดูแลรูปลักษณ์ภายนอกของฟอร์ด กล่าว “เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้ออกแบบคิดค้นกระจกพิเศษมาใช้เพื่อตอบโจทย์ความต้องการที่เฉพาะเจาะจง และทำให้รถยนต์มีน้ำหนักเบาขึ้นได้มากที่สุดอีกด้วย”
น้ำหนักที่เบาขึ้นของกระจกหน้ารถ ฝาครอบเครื่องยนต์ด้านหลัง และหน้าต่างบานกั้นของรถยนต์ฟอร์ด ทีจี นี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการเร่งเครื่องยนต์ การประหยัดน้ำมัน และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของเบรกได้ดียิ่งขึ้นด้วย และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ประโยชน์ที่ได้รับจากการลดศูนย์กลางแรงโน้มถ่วงของรถยนต์ ที่ช่วยเพิ่มความคล่องตัวของรถให้ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
การใช้เทคโนโลยีกระจกแบบไฮบริดของฟอร์ดนี้ ช่วยตอกย้ำเป้าหมายที่ยากของบริษัทในการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อน และเทคโนโลยีที่มีน้ำหนักเบานี้ จะช่วยมอบความสะดวกสบายต่อลูกค้าฟอร์ดทุกคนในอนาคตต่อไป โดยผู้สนใจสามารถคลิกไปดูเพิ่มเติมเกี่ยวกับเทคโนโลยีกระจกไฮบริด กอลิล่า กลาส แบบใหม่นี้ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=UENtstzpHU8