มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เปิดตัว “มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ : ให้คุณมากกว่าที่คิด” โดดเด่นด้วยดีไซน์ใหม่ที่สปอร์ตยิ่งขึ้น พร้อมระบบเสริมความปลอดภัยอัจฉริยะที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถอีโค คาร์ และประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร* [1] ตั้งราคาขายที่ 383,000 – 567,000 บาท โดยรับจองในงาน มอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 32 ระหว่างวันที่ 1-13 ธันวาคม นี้ ที่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี และที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิ 223 แห่งทั่วประเทศตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป และมีกำหนดส่งมอบลูกค้าตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นไป
มร. โมะริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศเปิดตัว “มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ รุ่นปี 2016” ในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 32: Thailand International Motor Expo 2015 ณ อิมแพ็ค เมืองทองธานี พร้อมเปิดรับจองในงานและที่โชว์รูมรถยนต์มิตซูบิชิ 223 แห่ง ทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยมีกำหนดส่งมอบรถให้กับลูกค้าตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป
สำหรับ มิตซูบิชิ “มิราจ” ใหม่ เป็นรถยนต์ขนาดเล็กประหยัดพลังงานรุ่นแรกในสายผลิตภัณฑ์ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ภายใต้โครงการโกลบอล สมอลล์ ที่ถูกผลิตขึ้น ณ โรงงานใหม่แห่งที่ 3 ของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี และเปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกของโลกในประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2555 ในฐานะรถยนต์อีโค คาร์ โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมารถรุ่นดังกล่าวมียอดขายในกว่า 93 ประเทศทั่วโลกแล้วกว่า 320,000 คัน ในจำนวนดังกล่าวเป็นยอดขายภายในประเทศไทยกว่า 83,000 คัน
สำหรับมิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ รุ่นปี 2016 มาพร้อมแนวคิด “ให้คุณมากกว่าที่คิด” ด้วย 3 คุณสมบัติหลัก ; “Stylish” – โดดเด่นด้วยการออกแบบภายนอกและภายในใหม่ตามแนวคิด “Spicy Small” และเพิ่มสีมาตรฐานใหม่ 3 สี คือ สีแดง (Red Wine) สีส้ม (Sunrise Orange) สีเทาไทเทเนียม (Titanium Grey); “Smart Safety” – ครบครันด้วยระบบเสริมความปลอดภัยอัจฉริยะที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกในรถอีโค คาร์ ; และ “Saving” –ประหยัดน้ำมันสูงสุดถึง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร* [1] เหนือกว่ารถในระดับเดียวกัน (ในรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน) และปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำสุดเพียง 98 กรัม ต่อกิโลเมตร* [2]
ทั้งนี้ มิตซูบิชิ มิราจ ใหม่ รุ่นปี 2016 ถือว่ามีคุณสมบัติซึ่งผ่านข้อกำหนดทางเทคนิคของรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล หรือ อีโค คาร์ รุ่นที่ 2 ที่ระบุว่าจะต้องมีอัตราการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงไม่เกิน 4.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร และมีมาตรฐานมลพิษระดับ EURO 5 ตลอดจนมีปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไม่เกิน 100 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร รวมทั้งมีคุณสมบัติในการป้องกันผู้โดยสารกรณีที่เกิดอุบัติเหตุการชนด้านหน้าและด้านข้างของตัวรถ และติดตั้งระบบความปลอดภัยเชิงป้องกันก่อนเกิดเหตุ (Active Safety)
[1]จากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการตาม Combine Mode ที่ระบุไว้ในข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg.101 Rev. 02 ในรุ่น GLX CVT
[2]จากผลการทดสอบในห้องปฏิบัติการที่วัดตามหลักเกณฑ์ที่ระบุในข้อกำหนดทางเทคนิค UNECE Reg.101 Rev. 02 ในรุ่น GLX CVT
(ข่าวประชาสัมพันธ์)