มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น และมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้เฉลิมฉลองการผลิตรถยนต์ทุกรุ่น ครบ 4,000,000 คัน ในประเทศไทย ยืนยัน ไทยเป็นฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดสำหรับตลาดโลก
เทะสึโระ อาอิคาวะ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวแสดงความยินดีว่า ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ ต่อรัฐบาลไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ได้ให้ความร่วมมือ และสนับสนุนแก่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยังคงมีความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยไม่เพียงแต่มีศักยภาพสูงในด้านการเติบโตของตลาดรถยนต์ภายในประเทศ แต่ยังเป็นฐานการผลิตเพื่อตลาดระดับโลก ภายใต้แผนงานระยะยาวและนโยบายที่แน่นอน ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวไปข้างหน้า
“หากมองย้อนกลับไป นับจากปี พ.ศ. 2504 ที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้เริ่มธุรกิจในประเทศไทย เราได้บรรลุยอดการผลิตครบ 1 ล้านคันแรกในปี พ.ศ. 2546 จากนั้นเราได้บรรลุยอดการผลิต ครบล้านที่สองและสาม ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 และเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ตามลำดับ มาถึงปัจจุบันเราใช้เวลาน้อยกว่า 3 ปี ในการเดินทางมาถึงยอดการผลิตครบล้านที่สี่ในครั้งนี้ ยอดการส่งออกรถยนต์จากโรงงานแหลมฉบังจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนประมาณ 2.8 ล้านคัน ส่งออกไปยังประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศ นับว่าโรงงานแหลมฉบังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์สอย่างแท้จริง
โมะริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นับเป็นความบังเอิญที่น่ายินดี ที่เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน วันเดียวกันนี้ในปีก่อนมิตซูบิชิได้จัดพิธีเปิดตัวรถยนต์ไทรทันใหม่ เป็นครั้งแรกของโลก ในประเทศไทย ภายในเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ยังได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีกหนึ่งรุ่น นั่นคือปาเจโร สปอร์ตใหม่ และหากย้อนกลับไปในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิในไทยได้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ต่อเนื่องกันทุกปีรวม 4 รุ่น ประกอบด้วยรุ่นมิราจ, แอททราจ, ไทรทัน และปาเจโร สปอร์ต สะท้อนให้เห็นถึงการก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นอกจากภาครัฐ และพันธมิตรทางธุรกิจทุกท่านแล้ว ผมขอกล่าวขอบคุณไปยัง ลูกค้าคนสำคัญของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วโลก ที่ได้ตัดสินใจเลือกซื้อรถที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย ซึ่งทุกคันที่ท่านเลือกซื้อ ได้นับรวมกันจนมาถึงยอดการผลิตครบ 4 ล้านคันในวันนี้”
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มการผลิตที่โรงงานแห่งที่หนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง เมื่อปี พ.ศ. 2535 และเริ่มสายการผลิตในโรงงานแห่งที่สองในปี พ.ศ. 2539 ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะเน้นการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน พร้อมกันนั้น บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนการผลิตรถยนต์โปรดัก แชมเปี้ยนของรัฐบาล เพื่อสร้างให้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตและส่งออกรถกระบะของโลก รถกระบะไทรทันจึงได้รับการผลิตจากโรงงานแหลมฉบังต่อเนื่องมาถึงสามเจนเนอเรชั่น และส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศทั่วโลก และประสบความสำเร็จในการจำหน่ายอย่างยิ่งใหญ่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการโปรดักแชมเปี้ยนรุ่นที่สองของไทย หรือโครงการ อีโค คาร์ จึงได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งที่สามขึ้น และเริ่มการผลิตรถยนต์อีโค คาร์ในปี พ.ศ. 2555
บริษัทฯ มียอดการส่งออกปีละประมาณ 300,000 คัน ด้วยการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามิตซูบิชิ ทั่วโลก ต่อรถยนต์ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย การเติบโต และพัฒนาการเหล่านี้ ได้นำพาให้ MMTh และประเทศไทย เป็นฐานการผลิตและส่งออกที่ใหญ่ที่สุด และสำคัญยิ่งต่อมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น
ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดการผลิตปีละ 420,000 คัน แบ่งเป็นยอดการผลิตรถพีพีวี จำนวน 75,000 คันจากโรงงานแห่งที่หนึ่ง รถกระบะไทรทัน 184,000 คัน จากโรงงานแห่งที่สอง และรถยนต์อีโค คาร์ 165,000 คัน จากโรงงานแห่งที่สาม นอกจากนี้ ยังมีโรงงานในเครือ คือ MMTh Engine หรือ MEC ที่ทำการผลิตเครื่องยนต์ปีละ 502,000 เครื่อง เพื่อการประกอบรถยนต์ในประเทศไทย และการส่งออก
เทะสึโระ อาอิคาวะ ประธาน และประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวแสดงความยินดีว่า ผมขอแสดงความขอบคุณอย่างจริงใจ ต่อรัฐบาลไทย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ที่ได้ให้ความร่วมมือ และสนับสนุนแก่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มาอย่างต่อเนื่อง มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ยังคงมีความเชื่อมั่นว่าประเทศไทยไม่เพียงแต่มีศักยภาพสูงในด้านการเติบโตของตลาดรถยนต์ภายในประเทศ แต่ยังเป็นฐานการผลิตเพื่อตลาดระดับโลก ภายใต้แผนงานระยะยาวและนโยบายที่แน่นอน ในการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยให้ก้าวไปข้างหน้า
“หากมองย้อนกลับไป นับจากปี พ.ศ. 2504 ที่มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้เริ่มธุรกิจในประเทศไทย เราได้บรรลุยอดการผลิตครบ 1 ล้านคันแรกในปี พ.ศ. 2546 จากนั้นเราได้บรรลุยอดการผลิต ครบล้านที่สองและสาม ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2553 และเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556 ตามลำดับ มาถึงปัจจุบันเราใช้เวลาน้อยกว่า 3 ปี ในการเดินทางมาถึงยอดการผลิตครบล้านที่สี่ในครั้งนี้ ยอดการส่งออกรถยนต์จากโรงงานแหลมฉบังจนถึงปัจจุบัน มีจำนวนประมาณ 2.8 ล้านคัน ส่งออกไปยังประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศ นับว่าโรงงานแหลมฉบังเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดของมิตซูบิชิ มอเตอร์สอย่างแท้จริง
โมะริคาซุ ชกคิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นับเป็นความบังเอิญที่น่ายินดี ที่เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน วันเดียวกันนี้ในปีก่อนมิตซูบิชิได้จัดพิธีเปิดตัวรถยนต์ไทรทันใหม่ เป็นครั้งแรกของโลก ในประเทศไทย ภายในเวลา 1 ปีที่ผ่านมา ยังได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่อีกหนึ่งรุ่น นั่นคือปาเจโร สปอร์ตใหม่ และหากย้อนกลับไปในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา มิตซูบิชิในไทยได้มีการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ต่อเนื่องกันทุกปีรวม 4 รุ่น ประกอบด้วยรุ่นมิราจ, แอททราจ, ไทรทัน และปาเจโร สปอร์ต สะท้อนให้เห็นถึงการก้าวไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย นอกจากภาครัฐ และพันธมิตรทางธุรกิจทุกท่านแล้ว ผมขอกล่าวขอบคุณไปยัง ลูกค้าคนสำคัญของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ทั่วโลก ที่ได้ตัดสินใจเลือกซื้อรถที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย ซึ่งทุกคันที่ท่านเลือกซื้อ ได้นับรวมกันจนมาถึงยอดการผลิตครบ 4 ล้านคันในวันนี้”
บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เริ่มการผลิตที่โรงงานแห่งที่หนึ่งในนิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง เมื่อปี พ.ศ. 2535 และเริ่มสายการผลิตในโรงงานแห่งที่สองในปี พ.ศ. 2539 ด้วยวัตถุประสงค์ที่จะเน้นการผลิตรถกระบะขนาด 1 ตัน พร้อมกันนั้น บริษัทฯ ได้เข้าร่วมโครงการสนับสนุนการผลิตรถยนต์โปรดัก แชมเปี้ยนของรัฐบาล เพื่อสร้างให้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตและส่งออกรถกระบะของโลก รถกระบะไทรทันจึงได้รับการผลิตจากโรงงานแหลมฉบังต่อเนื่องมาถึงสามเจนเนอเรชั่น และส่งออกไปจำหน่ายยังประเทศต่างๆ กว่า 150 ประเทศทั่วโลก และประสบความสำเร็จในการจำหน่ายอย่างยิ่งใหญ่ ต่อมาในปี พ.ศ. 2550 มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ได้ตัดสินใจเข้าร่วมโครงการโปรดักแชมเปี้ยนรุ่นที่สองของไทย หรือโครงการ อีโค คาร์ จึงได้ลงทุนก่อสร้างโรงงานแห่งที่สามขึ้น และเริ่มการผลิตรถยนต์อีโค คาร์ในปี พ.ศ. 2555
บริษัทฯ มียอดการส่งออกปีละประมาณ 300,000 คัน ด้วยการตอบรับที่ดีจากลูกค้ามิตซูบิชิ ทั่วโลก ต่อรถยนต์ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย การเติบโต และพัฒนาการเหล่านี้ ได้นำพาให้ MMTh และประเทศไทย เป็นฐานการผลิตและส่งออกที่ใหญ่ที่สุด และสำคัญยิ่งต่อมิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น
ปัจจุบัน มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย มียอดการผลิตปีละ 420,000 คัน แบ่งเป็นยอดการผลิตรถพีพีวี จำนวน 75,000 คันจากโรงงานแห่งที่หนึ่ง รถกระบะไทรทัน 184,000 คัน จากโรงงานแห่งที่สอง และรถยนต์อีโค คาร์ 165,000 คัน จากโรงงานแห่งที่สาม นอกจากนี้ ยังมีโรงงานในเครือ คือ MMTh Engine หรือ MEC ที่ทำการผลิตเครื่องยนต์ปีละ 502,000 เครื่อง เพื่อการประกอบรถยนต์ในประเทศไทย และการส่งออก