ในจังหวะเดียวกับที่คู่ปรับสำคัญอย่าง BMW 3 Series ครบรอบ 40 ปีในการทำตลาดพร้อมกับการ เผยโฉมรุ่นปรับโฉมหรือไมเนอร์เชนจ์ออกมา ทางด้านเล็กซัสไม่พลาดที่จะปรับทัพตาม และส่งผลผลิตใหม่ของตระกูล IS ลงไปชิงความเด่น
สำหรับรุ่นที่ทำตลาดอยู่นี้ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของ IS ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2013 และถือว่าเป็นการ ปรับโฉมที่ค่อนข้างเร็วมาก โดยทางเล็กซัสเผยว่ารายละเอียดและข้อมูลของ IS ไมเนอร์เชนจ์นี้เป็นสเป็กที่วางขายในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งอาจจะต่างจากตลาดโลกในแง่ของเครื่องยนต์ ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอก และภายในไม่ต่างกันในจุดหลักๆ
การปรับโฉมครั้งนี้มีขึ้นรอบคันแบบสังเกตได้ชัดเจน เพราะมีทั้งไฟหน้าแบบใหม่ กระจังหน้ายังเป็น ลายเดิม แต่มีการเปลี่ยนลวดลายบนกระจัง พร้อมล้อแม็กลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ขณะที่ด้านท้ายไม่ได้เปลี่ยนอะไรในจุดหลัก ๆ เช่น กันชนท้าย หรือไฟท้าย
จุดหลักของการเปลี่ยนคือ การเพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบในรหัส IS200t ซึ่งจะเข้ามาแทนที่รุ่น IS250 ที่ใช้เครื่องยนต์วี6 2,500 ซีซี โดยขุมพลังเทอร์โบรีดกำลังออกมาได้ 240 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่ 1,650-4,400 รอบ/นาที ส่วนอีกรุ่นคือ IS300 มากับเครื่องยนต์วี6 3,000 ซีซีที่มีกำลัง 255 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. ที่ 2,000-4,800 รอบ/นาที และปิดท้ายกับรุ่น IS350 ที่เครื่ืองยนต์วี6 3,000 ซีซี ถูกขยับความเร้าใจเป็น 306 แรงม้า เลือกขับเคลืือนได้ทั้งแบบล้อหลัง และ 4 ล้อตลอดเวลาผ่านทางเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
การทำลาดจะเริ่มในสหรัฐอเมริกาช่วงเดือนหน้า จากนั้นก็จะเริ่มทยอยทำตลาดแห่งอื่นๆ ทั่วโลก
สำหรับรุ่นที่ทำตลาดอยู่นี้ถือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 3 ของ IS ซึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2013 และถือว่าเป็นการ ปรับโฉมที่ค่อนข้างเร็วมาก โดยทางเล็กซัสเผยว่ารายละเอียดและข้อมูลของ IS ไมเนอร์เชนจ์นี้เป็นสเป็กที่วางขายในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งอาจจะต่างจากตลาดโลกในแง่ของเครื่องยนต์ ขณะที่รูปลักษณ์ภายนอก และภายในไม่ต่างกันในจุดหลักๆ
การปรับโฉมครั้งนี้มีขึ้นรอบคันแบบสังเกตได้ชัดเจน เพราะมีทั้งไฟหน้าแบบใหม่ กระจังหน้ายังเป็น ลายเดิม แต่มีการเปลี่ยนลวดลายบนกระจัง พร้อมล้อแม็กลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว ขณะที่ด้านท้ายไม่ได้เปลี่ยนอะไรในจุดหลัก ๆ เช่น กันชนท้าย หรือไฟท้าย
จุดหลักของการเปลี่ยนคือ การเพิ่มทางเลือกใหม่ด้วยเครื่องยนต์ 4 สูบ 2,000 ซีซี เทอร์โบในรหัส IS200t ซึ่งจะเข้ามาแทนที่รุ่น IS250 ที่ใช้เครื่องยนต์วี6 2,500 ซีซี โดยขุมพลังเทอร์โบรีดกำลังออกมาได้ 240 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 35.6 กก.-ม. ที่ 1,650-4,400 รอบ/นาที ส่วนอีกรุ่นคือ IS300 มากับเครื่องยนต์วี6 3,000 ซีซีที่มีกำลัง 255 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 32.6 กก.-ม. ที่ 2,000-4,800 รอบ/นาที และปิดท้ายกับรุ่น IS350 ที่เครื่ืองยนต์วี6 3,000 ซีซี ถูกขยับความเร้าใจเป็น 306 แรงม้า เลือกขับเคลืือนได้ทั้งแบบล้อหลัง และ 4 ล้อตลอดเวลาผ่านทางเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
การทำลาดจะเริ่มในสหรัฐอเมริกาช่วงเดือนหน้า จากนั้นก็จะเริ่มทยอยทำตลาดแห่งอื่นๆ ทั่วโลก