ประสานเสียงอุตฯ ยานยนต์ไทยยังแข็งแกร่ง สมาคมอุตฯ ยานยนต์มองภาพรวมยังคงธุรกิจและการลงทุนเช่นเดิม แค่บางรายที่มีปัญหาภายในองค์กรเท่านั้น เชื่อสถานการณ์จะกลับมาฟื้นตัวในครึ่งปีหลัง เผยโครงสร้างภาษีใหม่จะเร่งผลักดันให้คนตัดสินใจซื้อรถก่อนปรับราคาในปีหน้า เตรียมจี้รัฐบาลเร่งสปีดสร้างศูนย์ทดสอบ เบื้องต้นมูลค่าลงทุนไม่ควรต่ำกว่า 2,000 ล้านบาท ขณะที่กรังด์ปรีซ์ฯ ย้ำงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ยกไทยสู่ 1 ใน 5 เวทีระดับโลก
นายธนวัตน์ คุ้มสิน นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า การปรับลดธุรกิจในประเทศไทยของเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม(GM) เป็นเรื่องปัญหาภายในขององค์กร และไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งชี้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย เพราะขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณการลดขนาดธุรกิจ จากผู้ประกอบการรถยนต์รายอื่นๆ แต่อย่างใด แม้ตลาดปัจจุบันจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากผลกระทบของปัญหาเศรษฐกิจมากกว่า
“แน่นอนในสถานการณ์ขณะนี้ แต่ล่ะบริษัทฯ ต้องการปรับตัวรับมือให้สามารถฝ่าการชะลอตัวของตลาดไปให้ได้ แต่ไม่ใช่การถอนลงทุนแต่อย่างใด เพราะภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังแข็งแกร่ง และเชื่อว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากความมั่นคงทางการเมือง และเงินอัดฉีดจากภาครัฐที่จะเริ่มเห็นผลชัดเจน ทำให้เศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น และโดยเฉพาะโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปีหน้า จะทำให้คนที่ชะลอการซื้อรถใหม่ กลับมาตัดสินใจซื้อรถก่อนมีการปรับราคาใหม่”
ทั้งนี้โครงสร้างภาษีใหม่จะเอื้อให้กับรถยนต์ที่มีค่าการปล่อยมลพิษ หรือคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ นั่นย่อมหมายถึงจะมีรถที่ผ่านมาตรฐาน แต่ต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีที่นำมาใช้ และอีกส่วนรถที่ไม่ผ่านมาตรฐานจะต้องยอมเสียภาษีเพิ่ม ดังนั้นเชื่อว่าจะทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่มีการปรับราคาขึ้น ซึ่งตรงนี้จะเป็นแรงผลักดันให้คนตัดสินใจซื้อรถในช่วงปลายปี ก่อนจะปรับราคาตามโครงสร้างภาษีใหม่ และการปรับภาษีใหม่โดยอิงเรื่องสิ่งแวดล้อม นับเป็นแนวโน้มของตลาดรถยนต์ในทั่วโลก จึงเป็นการปรับอุตสาหกรรมการผลิตรถของไทยให้สอดคล้อง เหมาะสมกับการเป็นฐานผลิตส่งออกรถทั่วโลก เหตุนี้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่จึงมีความสำคัญกับทิศทางในอนาค และสมาคมอุตฯ ยานยนต์ไทยจะจัดสัมมนาทำความเข้าใจเรื่องนี้ ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2015 ที่จะถึงนี้
นายธนวัตน์เปิดเผยว่า สมาคมอุตฯ ยานยนต์ไทยยังคงมองเป้าหมายการผลิตรถ 3 ล้านคันต่อปี ในช่วงปี 2560 แต่สิ่งที่จะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไทยจำเป็นต้องเร่งสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์แห่งชาติ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย สามารถพัฒนาการผลิตได้มาตรฐานสากล รวมถึงส่งเสริมให้มีการพัฒนาออกแบบและวิจัยในไทย เช่นเดียวกับไต้หวันที่ไม่การผลิตรถในประเทศ แต่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ระดับโลก
“ปัจจุบันรัฐบาลกำลังอนุมัติให้การสนับสนุนศูนย์ทดสอบ โดยมีวงเงินงบประมาณเริ่มต้น 400 ล้านบาท แต่หากจะให้มีความพร้อมแข็งขันได้อย่างแท้จริงจะต้องเร่งสร้างศูนย์ทดสอบที่หลากหลายชนิด เบื้องต้นจะต้องใช้งบประมาณกว่า 1,500-2,000 ล้านบาท ภายในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีจากนี้ ซึ่งเป็นวาระที่ทางสมาคมอุตฯ ยานยนต์ไทยจะผลักดันกับรัฐบาลอย่างเร่งด่วน เพราะเรื่องนี้มีความล่าช้ามานานหลายปีแล้ว”
นายปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยผ่านสถานการณ์มามากมาย การชะลอตัวของตลาดในช่วงที่ผ่านมาและปัจจุบัน เชื่อมั่นจะสามารถผ่านพ้นไปได้ เพราะไทยมีพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และจะเห็นได้จากงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ที่จัดมาต่อเนื่องจะเป็นครั้งที่ 36 ในระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 5 เมษายน 2558 นี้ ที่อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี
“จริงๆ เราเป็นงานมอเตอร์โชว์เดียวของประเทศ และได้ถูกบรรจุอยู่ในปฏิทินงานแสดงรถยนต์ระดับโลกของ OICA ที่สำคัญแม้ไทยจะไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตรถยนต์ หรือมีการพัฒนาและออกแบบวิจัยรถทั้งคัน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นประเทศผู้ประกอบรถยนต์ แต่บริษัทรถยังให้ความสำคัญและหลายรายเจาะจงเลือกงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ เพื่อใช้สำหรับเปิดนวัตกรรมรุ่นใหม่โดยเฉพาะ จนปัจจุบันมีอันดับ 1 ใน 5 งานแสดงรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก หรือระดับ A-Plus นั่นแสดงให้เห็นความสำเร็จของอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทย”
นายจาตุรนต์ โมลมิศร์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทรถต่างให้ความสำคัญกับงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ มีการลงทุนใช้โครงสร้างและคอนเซปต์แบบเดียวกับงานระดับโลกอื่นๆ หลายบริษัทลงทุนก่อสร้างเฉลี่ยมากกว่า 50-80 ล้านบาท ซึ่งปีนี้มีบริษัทรถยนต์และจักรยานยนต์เข้าร่วม 17 ราย รวมมูลค่าก่อสร้างและตกแต่ง รวมถึงกิจกรรมต่างๆ กว่า 10,000 ล้านบาท
นายธนวัตน์ คุ้มสิน นายกสมาคมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย เปิดเผยว่า การปรับลดธุรกิจในประเทศไทยของเจนเนอรัล มอเตอร์ส หรือจีเอ็ม(GM) เป็นเรื่องปัญหาภายในขององค์กร และไม่ได้เป็นสัญญาณบ่งชี้ภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย เพราะขณะนี้ยังไม่พบสัญญาณการลดขนาดธุรกิจ จากผู้ประกอบการรถยนต์รายอื่นๆ แต่อย่างใด แม้ตลาดปัจจุบันจะยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจากผลกระทบของปัญหาเศรษฐกิจมากกว่า
“แน่นอนในสถานการณ์ขณะนี้ แต่ล่ะบริษัทฯ ต้องการปรับตัวรับมือให้สามารถฝ่าการชะลอตัวของตลาดไปให้ได้ แต่ไม่ใช่การถอนลงทุนแต่อย่างใด เพราะภาพรวมอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยยังแข็งแกร่ง และเชื่อว่าตลาดจะกลับมาฟื้นตัวได้ในช่วงครึ่งปีหลัง จากความมั่นคงทางการเมือง และเงินอัดฉีดจากภาครัฐที่จะเริ่มเห็นผลชัดเจน ทำให้เศรษฐกิจน่าจะปรับตัวดีขึ้น และโดยเฉพาะโครงสร้างภาษีสรรพสามิตรถยนต์ใหม่ที่จะเริ่มบังคับใช้ในปีหน้า จะทำให้คนที่ชะลอการซื้อรถใหม่ กลับมาตัดสินใจซื้อรถก่อนมีการปรับราคาใหม่”
ทั้งนี้โครงสร้างภาษีใหม่จะเอื้อให้กับรถยนต์ที่มีค่าการปล่อยมลพิษ หรือคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำ นั่นย่อมหมายถึงจะมีรถที่ผ่านมาตรฐาน แต่ต้องมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีที่นำมาใช้ และอีกส่วนรถที่ไม่ผ่านมาตรฐานจะต้องยอมเสียภาษีเพิ่ม ดังนั้นเชื่อว่าจะทำให้รถยนต์ส่วนใหญ่มีการปรับราคาขึ้น ซึ่งตรงนี้จะเป็นแรงผลักดันให้คนตัดสินใจซื้อรถในช่วงปลายปี ก่อนจะปรับราคาตามโครงสร้างภาษีใหม่ และการปรับภาษีใหม่โดยอิงเรื่องสิ่งแวดล้อม นับเป็นแนวโน้มของตลาดรถยนต์ในทั่วโลก จึงเป็นการปรับอุตสาหกรรมการผลิตรถของไทยให้สอดคล้อง เหมาะสมกับการเป็นฐานผลิตส่งออกรถทั่วโลก เหตุนี้โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่จึงมีความสำคัญกับทิศทางในอนาค และสมาคมอุตฯ ยานยนต์ไทยจะจัดสัมมนาทำความเข้าใจเรื่องนี้ ในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2015 ที่จะถึงนี้
นายธนวัตน์เปิดเผยว่า สมาคมอุตฯ ยานยนต์ไทยยังคงมองเป้าหมายการผลิตรถ 3 ล้านคันต่อปี ในช่วงปี 2560 แต่สิ่งที่จะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยแข็งแกร่งอย่างแท้จริง ไทยจำเป็นต้องเร่งสร้างศูนย์ทดสอบยานยนต์แห่งชาติ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ไทย สามารถพัฒนาการผลิตได้มาตรฐานสากล รวมถึงส่งเสริมให้มีการพัฒนาออกแบบและวิจัยในไทย เช่นเดียวกับไต้หวันที่ไม่การผลิตรถในประเทศ แต่เป็นผู้ผลิตชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์ระดับโลก
“ปัจจุบันรัฐบาลกำลังอนุมัติให้การสนับสนุนศูนย์ทดสอบ โดยมีวงเงินงบประมาณเริ่มต้น 400 ล้านบาท แต่หากจะให้มีความพร้อมแข็งขันได้อย่างแท้จริงจะต้องเร่งสร้างศูนย์ทดสอบที่หลากหลายชนิด เบื้องต้นจะต้องใช้งบประมาณกว่า 1,500-2,000 ล้านบาท ภายในช่วงระยะเวลา 2-3 ปีจากนี้ ซึ่งเป็นวาระที่ทางสมาคมอุตฯ ยานยนต์ไทยจะผลักดันกับรัฐบาลอย่างเร่งด่วน เพราะเรื่องนี้มีความล่าช้ามานานหลายปีแล้ว”
นายปราจิน เอี่ยมลำเนา ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าที่บริหาร บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด(มหาชน) ในฐานะผู้จัดงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยผ่านสถานการณ์มามากมาย การชะลอตัวของตลาดในช่วงที่ผ่านมาและปัจจุบัน เชื่อมั่นจะสามารถผ่านพ้นไปได้ เพราะไทยมีพื้นฐานของอุตสาหกรรมที่แข็งแกร่ง และจะเห็นได้จากงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ ที่จัดมาต่อเนื่องจะเป็นครั้งที่ 36 ในระหว่างวันที่ 25 มีนาคม - 5 เมษายน 2558 นี้ ที่อาคารชาลเลนเจอร์ เมืองทองธานี
“จริงๆ เราเป็นงานมอเตอร์โชว์เดียวของประเทศ และได้ถูกบรรจุอยู่ในปฏิทินงานแสดงรถยนต์ระดับโลกของ OICA ที่สำคัญแม้ไทยจะไม่ใช่ประเทศผู้ผลิตรถยนต์ หรือมีการพัฒนาและออกแบบวิจัยรถทั้งคัน เพราะส่วนใหญ่จะเป็นประเทศผู้ประกอบรถยนต์ แต่บริษัทรถยังให้ความสำคัญและหลายรายเจาะจงเลือกงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ เพื่อใช้สำหรับเปิดนวัตกรรมรุ่นใหม่โดยเฉพาะ จนปัจจุบันมีอันดับ 1 ใน 5 งานแสดงรถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก หรือระดับ A-Plus นั่นแสดงให้เห็นความสำเร็จของอุตสาหกรรมรถยนต์ในไทย”
นายจาตุรนต์ โมลมิศร์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทรถต่างให้ความสำคัญกับงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ มีการลงทุนใช้โครงสร้างและคอนเซปต์แบบเดียวกับงานระดับโลกอื่นๆ หลายบริษัทลงทุนก่อสร้างเฉลี่ยมากกว่า 50-80 ล้านบาท ซึ่งปีนี้มีบริษัทรถยนต์และจักรยานยนต์เข้าร่วม 17 ราย รวมมูลค่าก่อสร้างและตกแต่ง รวมถึงกิจกรรมต่างๆ กว่า 10,000 ล้านบาท
