ถือว่าเป็นการกลับมาสู่ตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือกที่ไวเกิดคาด เพราะหลังจากเปิดตัวขายในปี 2010 ในตอนนี้ทางเชฟโรเลตจัดการเผยโฉมใหม่ของ “โวลต์” (Volt) รถยนต์แบบ E-REV หรือ Extended Range Electric Vehicle ออกมาแล้ว ในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2015 และพร้อมวางขายในปลายปีเดียวกันนี้

Volt ถือเป็นผลผลิตที่ GM พัฒนาขึ้นมา เพื่อเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก ด้วยการนำเสนออีกแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้าแบบขยายระยะทางขับเคลื่อน หรือที่มีหลักการทำงานคล้ายกับระบบไฮบริดในแบบ Series โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน และอาศัยกระแสไฟฟ้าจากการใช้ เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นตัวผลิต นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า E-REV
นอกจากจะแปะชื่อเชฟโรเลตขายแล้ว รถยนต์รุ่นนี้ยังขายผ่านทางแบรนด์ในเครือจีเอ็มอย่าง โฮลเด้นในออสเตรเลียด้วย รวมถีงการเปลี่ยนชื่อและหน้าตาแบบพอประมาณเพื่อขายในยุโรป ด้วยชื่อวอกซ์ฮอล์/โอเปิล แอมเพอรา พร้อมกับกวาดยอดขายรวมๆ กันแล้วเฉียด 70,000 คัน

ประเด็นที่ทำให้ Volt ได้รับการตอบรับที่ดีคือ รถยนต์รุ่นนี้ยังไม่ใช่ Pure EV หรือรถยนต์ไฟฟ้าแท้ๆ ที่ต้องชาร์จไฟอย่างเดียว แต่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในช่วยรับงาน ในการปั่นกระแสไฟฟ้ามาส่งให้กับมอเตอร์อย่างต่อเนื่อง แต่ก็สามารถวิ่งในโหมด EV ที่ไม่ต้องอาศัยเครื่องยนต์ได้ด้วย ซึ่งมีพื้นฐานการทำงานคล้ายพวก Hybrid แบบ Plug-in เพียงแต่มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สลับบทบาทกัน
สำหรับรุ่นใหม่แม้ทาง GM จะบอกว่าเป็น All-New แต่ในแง่พื้นฐานทางวิศวกรนั้น Volt ยังใช้พื้นตัวถังรุ่นเดิมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใช้กับรถยนต์ประเภทนี้โดยเฉพาะ พร้อมกับระบบ E-REV ที่วางตัวในแบบตัว T เพียงแต่ในแง่ของโครงสร้างตัวถังมีการออกแบบและปรับปรุงใหม่เพื่อความสดใหม่ เช่นเดียวกับรายละเอียดภายในห้องโดยสาร ที่ดูสวยสดและทันสมัยขึ้น ขณะที่ตัวถังยังเป็นแบบฟาสต์แบ็ค 5 ประตูเหมือนเดิม

ส่วนอีกไฮไลต์ของตัวรถ คือการเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนของระบบ Voltec โดยทาง GM บอกว่าแค่อาศัยกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว สามารถแล่นทำระยะทางได้ถึง 400 ไมล์ หรือ 646 กิโลเมตร และมากกว่า 1,000 ไมล์ หรือ 1,600 กว่ากิโลเมตร ในกรณีที่อาศัยเชื้อเพลิงทั้งระบบรวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิง
นั่นแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในทุกส่วนตัวถังรถ ที่จะต้องมีน้ำหนักเบาลง รูปทรงที่ลู่ลม และระบบจัดการ และควบคุมการทำงานของระบบ E-REV เพื่อให้ตัวรถใช้ไฟฟ้าและกินน้ำมันน้อยลง โดยในการเคลมว่าตัวมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวเป็นรุ่นใหม่ มีอัตราการกินไฟฟ้าลดลง 12% โดยที่ตัวรถเบาขึ้นจากรุ่นเดิม 45 กิโลกรัม ขณะที่อัตราเร่งในช่วง 0-30 ไมล์/ชั่วโมงดีขึ้นจากเดิม 19%

ส่วนแบตเตอรี่แม้จำนวนเซลล์จะลดลงมาอยู่ที่ 192 เซลล์ แต่ก็มีประสิทธิภาพในการเก็บประจุมากกว่ารุ่นเดิม โดยมีกำลังอยู่ที่ 18.4 kWh และเครื่องยนต์ต้องทำหน้าที่ชาร์จไฟในกรณีที่ไฟหมดแบตเตอรี่ เป็นขุมพลังเบนซินแบบใหม่ 1,500 ซีซี เฉพาะในส่วนความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์จะอยู่ที่ 41 ไมล์/แกลลอน หรือ 16.6 กิโลเมตร/ลิตร
GM ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของ Volt ใหม่ออกมาในตอนนี้ ซึ่งใครที่ต้องการทราบอาจจะต้องอดใจรอกันอีกสักนิด ส่วนกำหนดการทำตลาดจะเริ่มขึ้นในปลายปีนี้ โดยที่ยังไม่เปิดเผยราคาออกมา...


Volt ถือเป็นผลผลิตที่ GM พัฒนาขึ้นมา เพื่อเดินหน้าลุยตลาดรถยนต์พลังงานทางเลือก ด้วยการนำเสนออีกแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้าแบบขยายระยะทางขับเคลื่อน หรือที่มีหลักการทำงานคล้ายกับระบบไฮบริดในแบบ Series โดยใช้มอเตอร์ไฟฟ้าเป็นตัวขับเคลื่อน และอาศัยกระแสไฟฟ้าจากการใช้ เครื่องยนต์สันดาปภายในเป็นตัวผลิต นั่นจึงเป็นที่มาของคำว่า E-REV
นอกจากจะแปะชื่อเชฟโรเลตขายแล้ว รถยนต์รุ่นนี้ยังขายผ่านทางแบรนด์ในเครือจีเอ็มอย่าง โฮลเด้นในออสเตรเลียด้วย รวมถีงการเปลี่ยนชื่อและหน้าตาแบบพอประมาณเพื่อขายในยุโรป ด้วยชื่อวอกซ์ฮอล์/โอเปิล แอมเพอรา พร้อมกับกวาดยอดขายรวมๆ กันแล้วเฉียด 70,000 คัน
ประเด็นที่ทำให้ Volt ได้รับการตอบรับที่ดีคือ รถยนต์รุ่นนี้ยังไม่ใช่ Pure EV หรือรถยนต์ไฟฟ้าแท้ๆ ที่ต้องชาร์จไฟอย่างเดียว แต่มีเครื่องยนต์สันดาปภายในช่วยรับงาน ในการปั่นกระแสไฟฟ้ามาส่งให้กับมอเตอร์อย่างต่อเนื่อง แต่ก็สามารถวิ่งในโหมด EV ที่ไม่ต้องอาศัยเครื่องยนต์ได้ด้วย ซึ่งมีพื้นฐานการทำงานคล้ายพวก Hybrid แบบ Plug-in เพียงแต่มอเตอร์ไฟฟ้าและเครื่องยนต์สลับบทบาทกัน
สำหรับรุ่นใหม่แม้ทาง GM จะบอกว่าเป็น All-New แต่ในแง่พื้นฐานทางวิศวกรนั้น Volt ยังใช้พื้นตัวถังรุ่นเดิมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใช้กับรถยนต์ประเภทนี้โดยเฉพาะ พร้อมกับระบบ E-REV ที่วางตัวในแบบตัว T เพียงแต่ในแง่ของโครงสร้างตัวถังมีการออกแบบและปรับปรุงใหม่เพื่อความสดใหม่ เช่นเดียวกับรายละเอียดภายในห้องโดยสาร ที่ดูสวยสดและทันสมัยขึ้น ขณะที่ตัวถังยังเป็นแบบฟาสต์แบ็ค 5 ประตูเหมือนเดิม
ส่วนอีกไฮไลต์ของตัวรถ คือการเพิ่มขีดความสามารถในการขับเคลื่อนของระบบ Voltec โดยทาง GM บอกว่าแค่อาศัยกระแสไฟฟ้าในแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียว สามารถแล่นทำระยะทางได้ถึง 400 ไมล์ หรือ 646 กิโลเมตร และมากกว่า 1,000 ไมล์ หรือ 1,600 กว่ากิโลเมตร ในกรณีที่อาศัยเชื้อเพลิงทั้งระบบรวมถึงน้ำมันเชื้อเพลิง
นั่นแสดงให้เห็นถึงการปรับปรุงในทุกส่วนตัวถังรถ ที่จะต้องมีน้ำหนักเบาลง รูปทรงที่ลู่ลม และระบบจัดการ และควบคุมการทำงานของระบบ E-REV เพื่อให้ตัวรถใช้ไฟฟ้าและกินน้ำมันน้อยลง โดยในการเคลมว่าตัวมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัวเป็นรุ่นใหม่ มีอัตราการกินไฟฟ้าลดลง 12% โดยที่ตัวรถเบาขึ้นจากรุ่นเดิม 45 กิโลกรัม ขณะที่อัตราเร่งในช่วง 0-30 ไมล์/ชั่วโมงดีขึ้นจากเดิม 19%
ส่วนแบตเตอรี่แม้จำนวนเซลล์จะลดลงมาอยู่ที่ 192 เซลล์ แต่ก็มีประสิทธิภาพในการเก็บประจุมากกว่ารุ่นเดิม โดยมีกำลังอยู่ที่ 18.4 kWh และเครื่องยนต์ต้องทำหน้าที่ชาร์จไฟในกรณีที่ไฟหมดแบตเตอรี่ เป็นขุมพลังเบนซินแบบใหม่ 1,500 ซีซี เฉพาะในส่วนความสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์จะอยู่ที่ 41 ไมล์/แกลลอน หรือ 16.6 กิโลเมตร/ลิตร
GM ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดของ Volt ใหม่ออกมาในตอนนี้ ซึ่งใครที่ต้องการทราบอาจจะต้องอดใจรอกันอีกสักนิด ส่วนกำหนดการทำตลาดจะเริ่มขึ้นในปลายปีนี้ โดยที่ยังไม่เปิดเผยราคาออกมา...