วินเซนต์ อัน ผู้จัดการทั่วไป ฝ่ายพัฒนาตลาดยานยนต์เพื่ออุตสาหกรรม และรักษาการณ์แทนผู้อำนวยการกลุ่มยานยนต์เพื่ออุตสาหกรรม บริษัท ฮุนได เฮฟวี่อินดัสทรีส์ จำกัด เผยประเทศไทยถือเป็นตลาดรถฟอร์คลิฟท์ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีความต้องการในการใช้รถใหม่สูงถึง 7,000 คันต่อปี รองลงมาคือ อินโดนีเซีย และเวียดนามที่มียอดขายขยายตัวถึง 20% เนื่องจากมีนักลงทุนต่างประเทศเข้าไปลงทุนมากขึ้น ทำให้มีการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 57 นี้ไทยประสบกับปัญหาด้านการเมืองและภัยธรรมชาติ ทำให้ยอดขายเติบโตเพียง 12% แต่อย่างไรก็ตามยอดขายก็ยังคงสูงกว่าเวียดนามถึง 3 เท่า
“เรายังเชื่อมั่นในตลาดไทยและเชื่อในบริษัท ที แอลเอส กรุ๊ป เซาธ์อีสท์ เอเชีย จำกัด (TLS Group) ที่มีประสบการณ์ในธุรกิจรถฟอร์คลิฟท์มากว่า 10 ปีและทำยอดขายเป็นที่น่าพอใจ” วินเซนต์ อัน กล่าว
กมลวัฒน์วีรศุภกาญจน์ รองประธานส่วนงานธุรกิจยานยนต์เพื่ออุตสาหกรรม บริษัท ที แอลเอสกรุ๊ป เซาธ์อีสท์ เอเชีย จำกัด เปิดเผยว่าตั้งแต่เดือนมกราคมจนถึงเดือนกันยายน 2557 บริษัทสามารถทำยอดขายได้กว่า 130 คัน คิดเป็นมูลค่า 130 ล้านบาท มีลูกค้ารายใหญ่ เช่น การท่าเรือแห่งประเทศไทย ไทยซัมมิทและปูนอินทรี คาดว่าทั้งปี2557 จะสามารถทำยอดขายได้ถึง 150 คันตามเป้าหมายทางการตลาด เนื่องจากเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งนี้ในปี 2558 ที่ไทยจะเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนนั้น คาดการณ์ว่าจะสามารถเพิ่มยอดขายรถฟอร์คลิฟท์ให้เพิ่มขึ้นอีก 30% เป็น 180-200 คัน คิดเป็นมูลค่า 180-200 ล้านบาท
ในปี 2558“ฮุนได” มีแผนที่จะทำตลาดในประเทศไทยให้เข้มข้นขึ้นโดยเน้นเจาะ 3 อุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ อาหาร ยานยนต์ และโลจิสติกส์รวมถึงมีแผนเปิดตัว “ฮุนได ฟอร์คลิฟท์ ซีรีย์9” เพิ่มนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่โดยใช้ระบบ CPU ประมวลผลการทำงาน เพื่อให้ผู้ใช้งานทำงานได้ง่ายขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มากขึ้น โดยไตรมาสแรกของปีบริษัทเตรียมความพร้อมเปิดศูนย์บริการเพิ่มอีก 2 สาขาคือ พระนครศรีอยุธยา และสมุทรสาคร จากเดิมที่มีอยู่4 สาขาคือ ระยอง ชลบุรี สิงห์บุรี และกรุงเทพมหานคร รวมถึงการสร้างศูนย์ฝึกอบรมที่ศูนย์บริการ จ. ระยอง บนพื้นที่ 22 ไร่ งบลงทุน 70 ล้านบาท คาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือนพฤษภาคม 2558