ขณะที่หลายคนกำลังรอการเปิดตัวของ นิสสัน เอ็กซ์-เทรล รุ่นใหม่ ในไทยช่วงปลายปีนี้... แต่ทีมงาน เอเอสทีวี ผู้จัดการมอเตอริ่ง โชคดีได้รับเชิญจากนิสสัน ประเทศไทย ไปสัมผัสคันจริง พร้อมทดสอบขับที่เมือง ฟูกูโอกะ ประเทศญี่ปุ่น พร้อมกับผู้สื่อข่าวไทยและต่างประเทศ
จริงแล้ว นิสสัน เอ็กซ์-เทรล รุ่นปี 2014 ได้เปิดตัวในงาน Frankfurt Motor Show 2013 และเริ่มทยอยเปิดตัวในตลาดโลกไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เอเชีย และเร็ว ๆ นี้ในอาเซียน สำหรับบ้านเราคาดว่าจะจำหน่ายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี แต่รถที่มาจำหน่ายยังไม่สรุปว่าจะผลิตเมืองไทยหรือนำเข้าจากอินโดนีเซีย เหมือนเจเนอเรอชัน 1 และ 2 ประเด็นนี้คงต้องรอความชัดเจนจากนิสสัน ประเทศไทย อีกครั้งหนึ่ง
ในรุ่นใหม่ของเอ็กซ์-เทรล ถูกตั้งเป้าในการเจาะตลาด เอสยูวี ซึ่งก็หนีไม่พ้นคู่แข่งหน้าเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ซีอาร์-วี มาสด้า ซีเอ็กซ์ -5 ฮุนได ทูซอน รวมถึง เชฟโรเลต แคปติวา (กรณีถ้านิสสัน เอา 7 ที่นั่งมาขายด้วย) และถือเป็นเจเนอเรอชัน 3 ซึ่งถูกสร้างบนพื้นฐานตัวถัง หรือแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า CMF (Common Module Family ) อันเป็นผลผลิตจากความร่วมมือระหว่างนิสสันและเรโนลต์ เพื่อจำหน่ายยัง 190 ประเทศทั่วโลก
จึงไม่แปลกที่เอ็กซ์-เทรลใหม่จะได้รับการปรับปรุงในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าโดยเน้นความสะดวกสบายในการขับ รูปลักษณ์ที่สวยสะดุดตา และสมรรถนะที่ตอบสนองการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง แต่ยังคงลุยได้ในระดับหนึ่งตามแบบฉบับเอสยูวีที่พัฒนาบนพื้นฐานของรถเก๋ง
สำหรับงานออกแบบนิสสันเผยว่าได้รับอิทธิพลและเส้นสายจากงานดีไซน์ที่ผ่านตากันมาแล้วกับผลผลิตอย่าง Murano และ Juke จากเท่าที่เดินสำรวจดูบอกได้เลยว่า รูปลักษณ์โดยรวมมีความสดใหม่ แปลกจากรุ่นเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะความเหลี่ยมที่อาจดูเชยเปลี่ยนเป็นความโค้งมนอย่างมีมิติในทุกมุมมอง ทันสมัยด้วยไฟหน้ารูปเหลี่ยมที่เชิดขึ้นดูสวยดี แถมยังเพิ่มความสปอร์ตด้วยเทคโนโลยี LED และมี Daylight LED ให้ดูหรูหราอีกด้วย กระจังหน้าดูโฉบเฉี่ยว ด้านข้างมีเส้นสายดูแกร่งตามแบบฉบับรถครอสโอเวอร์ ซุ้มล้อทรงบึกบึนและใหญ่โต เพื่อรองรับล้อแม็กและยางขนาดใหญ่ 17 นิ้ว หรือกว่านั้นในตลาดบางประเทศ ด้านท้ายสะดุดตากับไฟท้ายรูปห้าเหลี่ยมรับกับเส้นสายด้านหลังเป็นอย่างดี
นอกจากนั้น มิติตัวถังมีความยาวจากรุ่นเดิมเป็น 4,640 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นอีก 76 มิลลิเมตร เป็น 2,705 มิลลิเมตร ซึ่งนิสสันบอกว่าจะต่อภาพรวมในแง่ความกว้างขวางของห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนท้ายของตัวรถ และกว้างขึ้นอีก 30 มิลลิเมตร เป็น 1,820 มิลลิเมตร สูง 1,715 มิลลิเมตร
แม้ภาพรวมของตัวรถจะดูใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิม แต่ทว่า เอ็กซ์-เทรล ใหม่กลับมีน้ำหนักเบาขึ้น 90 กิโลกรัม และโครงสร้างตัวถังมีความทนทานต่อแรงบิดมากขึ้นอีก 30 % อันเป็นผลมาจากการใช้เหล็กกล้าที่มีความทนทานสูง หรือ Ultra Strenght Steel มากถึง 49 % ของส่วนประกอบบนตัวถัง
กิจกรรมการทดสอบเริ่มต้นที่หน้าโรงแรมอาร์ก โฮเต็ล หลังจากผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศรับฟังการบรรยายแนะนำผลิตภัณฑ์พร้อมเส้นทางขับขี่ ที่พวกเราควรจะทราบก่อนเดินทาง.... รถทั้งหมด 10 คัน จึงเริ่มทยอยออกจากโรงแรมในรูปแบบคาราวาน โดยคันของเรามีผู้สื่อข่าวไทยร่วมชะตากรรมไปด้วย 3 คน บวกกับเจ้าหน้าที่ของนิสสัน ประเทศไทย อีก 1 คน รวมเป็น 4 คน ในรถเอ็กซ์-เทรล ใหม่ รุ่น 2.0 เอส
แน่นอนการทดสอบรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ขับรถบนถนนในประเทศญี่ปุ่น แทนที่จะเป็นการขับในแทร็กเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา และความตื่นเต้นก็เพิ่มขึ้นเมื่อรถคันของเราหลุดจากขบวนเนื่องจากเป็นคันสุดท้าย บวกกับเส้นทางในระยะแรกเป็นตรอกซอกซอย และมีหลายไฟแดง จึงไม่สามารถขับตามขบวนได้ทัน
หลังจากนั้นทั้ง 4 ชีวิต นั่งไม่ติด ทุกคนหยิบ Route Map พร้อมดูระบบนำทางที่ทางนิสสัน มอเตอร์เซตไว้หน้าจอควบคู่กันไป ทำให้เราขับตามทันขบวนได้เหมือนเดิม ด้วยความร่วมมือ ตั้งใจอย่างขะมักเขม้น ของพวกเรา 4 คนในรถ แต่ในช่วงระหว่างวุ่นอยู่กับการ เรียนรู้เส้นทาง ..ในฐานะขับคนแรกรู้สึกได้ว่า เอ็กซ์-เทรล คันนี้ ขับง่ายคล่องแคล่ว แม้จะอยู่ในตรอกซอกซอย เลี้ยวซ้าย-ขวา (เนื่องจากสับสนเส้นทางอยู่) อัตราเร่งมาทันใจ ไม่อืดอย่างที่คิด บวกกับพวงมาลัยไม่หนัก ไม่เบามาก ส่งผลให้การขับรถคันใหญ่ในเมืองดูง่ายไปเลยทีเดียว
จุดหมายปลายทางของเราคือสนามแข่งรถ Auto Polis International Racing Course รวมระยะทางเกือบ 130 กิโลเมตร และมีจุดให้เราหยุดพักเพื่อเปลี่ยนสลับคนขับถึง 4 จุด โดยเส้นทางแรกเราจะวิ่งอยู่บนทางด่วนเพื่อไปยัง Oita ซึ่งเป็นจุดพักแรก แม้จะวิ่งอยู่บนทางด่วนก็ไม่สามารถทำความเร็วได้ เนื่องจากทีมงานชาวญี่ปุ่นบอกไว้ว่า ห้ามใช้ความเร็วเกิน 100 กิโลเมตร /ชั่วโมง แต่ก็มีบ้างช่วงที่ต้องกดคันเร่งเพื่อตามขบวนให้ทัน เลยต้องแหกกฎนิดหน่อยซึ่งก็ต้องบอกว่า เอ็กซ์เทรล ใหม่ สามารถทำได้ดี รถวิ่งนิ่ง ไม่ยวบยาบ เกาะถนนดี การขับขี่ค่อนข้างสบาย ๆ แม้จะใช้ความเร็วสูง ก็ตาม ที่สำคัญความที่เป็นรถ เอสยูวี จึงทำให้ทัศนวิสัยในการมองค่อนข้างดี บวกกับเบาะนั่งโอบกระชับ นั่งสบาย ไม่อึดอัด และเงียบ
หลังจากเปลี่ยนมือให้ผู้สื่อข่าวคนอื่นขับบ้าง ก็มีเวลาสำรวจภายในรถบ้าง อย่างแรกต้องยอมรับว่าภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบายขึ้น โดยเฉพาะมีการเพิ่มฐานล้อให้ยาวขึ้น 76 มิลลิเมตร จึงพื้นที่วางขาเยอะ นั่งสบายเมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน แถมยังมีการปรับเปลี่ยนเบาะนั่งให้รับกับสรีระมากขึ้นด้วย กล่องอเนกประสงค์บริเวณคอนโซลกลางสามารถวางไอแพด หรือแท็บเล็ต ขนาด 10 นิ้วได้ และเมื่อพับเบาะทั้งหมดจะมีพื้นที่กว่า 1,900 ลิตร สามารถบรรทุกของได้แบบจุใจเลยทีเดียว ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังเป็นรูปแบบใหม่ ทำเป็น 2 ชั้น ด้านล่างรับน้ำหนักสูงสุด 75 กก. ด้านบนรับน้ำหนักสูงสุด 10 กก.
นอกจากนี้ เอ็กซ์-เทรล ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เช่น จอสีแสดงผลขนาด 5 นิ้ว บริเวณมาตรวัดความเร็ว ,ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบหน้าและหลัง,วิทยุเครื่องเสียงพร้อมช่องต่อ USB, Bluetooth และAUX ระบบโทรศัพท์แฮนด์ฟรี ,กล้องมองหลัง
เส้นทางช่วงที่ 2-3 เป็นถนนนอกเมือง รถไม่เยอะเท่าไร ผ่านอุโมงค์ที่ตัดทะลุภูเขา 2-3 แห่ง ลัดเลาะไปตามแนวทิวเขา ผ่านทะเลสาบ และที่สำคัญทุกคนในรถเริ่มเรียนรู้ระบบนำทางหน้าจอกันบ้างแล้ว รวมถึงแผนที่ของญี่ปุ่น ทำให้ขับสบายมากขึ้น แบบไม่ต้องกังวล โดยเฉพาะผู้โดยสารแถวสองแอบมีหลับ ..จนถึงจุดหมายปลายทางสนามแข่งรถ Auto Polis
แน่นอนรถที่เราได้ทดลองขับเป็นสเปกญี่ปุ่น และเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมามากพอสมควร รถเลยเก่านิด ๆ โดยมากับเครื่องยนต์รหัส MR20DD บล็อกเบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี 147 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 21.1 กก.ม. ที่ 4,100 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ เอกซ์ทรอนิค ซีวีที ( XTRONIC CVT ) โดยมีอัตราบริโภคเชื้อเพลิงอยู่ที่ 16.4 กิโลเมตร ล้ำสมัยด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อิเล็กทรอนิกส์ Aออลโหมด 4X4 i สะดวกกับการเลือกระบบผ่านปุ่มบนคอนโซลกลาง สามารถใช้ระบบขับเคลื่อนได้ 3 โหมด คือ 2 ล้อ, อัตโนมัติ และล็อกเพื่อขับเคลื่อน 4 ล้อ เน้นการลุย โดยทั่วไปใช้โหมดอัตโนมัติ ซึ่งระบบจะเลือกถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์แบ่งสู่ล้อหน้า-หลังตามความเหมาะสมของสภาพเส้นทาง ถ้าเส้นทางเรียบไม่ลื่นก็จะส่งสู่ล้อคู่หน้าเป็นหลัก
แต่รถที่ขายอยู่ในตลาดโลกขณะนี้มีทั้งเครื่อง 1,600 ซีซี 130 แรงม้า และแรงบิดถึง 32.6 กก.-ม. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง -Xtronic หรือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และมีขายทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และ 4 ล้อ ส่วนอีกรุ่นเป็นเทอร์โบเบนซิน 4 สูบ 1,600 ซีซี 163 แรงม้า รวมถึงรุ่นเทอร์โบดีเซล ด้วย สำหรับเมืองไทยยังไม่มีคำตอบจากผู้บริหาร ว่าจะเป็นเครื่องใด แต่คงหนีไม่พ้นเครื่อง เบนซิน 2,000 ซีซี และ 2,500 ซีซี ซึ่งคงต้องติดตามกันอีกที
ด้านความปลอดภัย เอ็กซ์-เทรล ใหม่ จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นระบบแจ้งเตือนหากมีรถยนต์แล่นอยู่ในมุมอับ หรือ Blind Spot Alert ระบบแจ้งเตือนเมื่อแล่นออกนอกช่องทางหรือ Lane Departure Warning Froward Emergency Braking ซึ่งจะมีการตรวจสอบสภาพเส้นทางด้านหน้า และมีการทำงาน 3 ระดับ คือ แจ้งเตือนด้วยเสียงเพื่อให้ผู้ขับขี่รับทราบ ตามด้ายการเบรกอัตโนมัติหากผู้ขับยังไม่ตอบสนองต่อการแจ้งเตือน และถ้าผู้ขับยังไม่กดแป้นเบรกด้วยน้ำหนักที่มากพอ ระบบก็จะสั่งให้เบรกเพื่อไม่ให้เกิดการชน
สำหรับระบบขับเคลื่อนและระบบแชสชีส์ของ เอ็กซ์-เทรล ใหม่ มีการปรัปปรุงและพัฒนาให้ทันสมัย ทั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่สามารถกระจายแรงบิดให้สอดคล้องกับสภาพเส้นทาง และระบบช่วงล่างที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานในด้านความอ่อนนุ่มของโช้กอัป หรือ Adaptive Ride Control เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเส้นทางโดยอัตโนมัติ
ถึงบรรทัดนี้ก็ต้องขอบอกว่า เอ็กซ์-เทรล ใหม่ ได้มีการปรับปรุงในหลายด้าน อาทิ รูปลักษณ์ที่สวยขึ้น ไม่ใช่ตัวถังเหลี่ยมเหมือนรุ่นเดิม สมรรถนะที่ตอบสนองการใช้ทั้งในเมืองนอกเมือง โดยเฉพาะการขับขี่ง่าย คล่องตัว รวมถึงความกว้างขวางในห้องผู้โดยสาร น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการรถประเภทนี้ได้ดี
แต่อย่างที่กล่าวข้างต้น รถคันที่เราได้สัมผัสเป็นสเป็กญี่ปุ่น ถนนหนทางของบ้านเขาก็ดีกว่าบ้านเรา ทำให้ประทับใจในการขับขี่ ...แต่สำหรับรถที่จะมาขายเมืองไทยจะแตกต่าง หรือปรับแต่ง มากน้อยขนาดไหน คงต้องรอดูปลายปี ว่าเวอร์ชันไทยจะออกมาอย่างไร ราคาน่าสนใจไหม และเราจะกลับมารายงานอีกครั้งหนึ่ง
ความเป็นมา
เอ็กซ์-เทรล รุ่นที่ 1
นิสสัน เอ็กซ์-เทรล รุ่นแรก ถือกำเนิดครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2544 ที่ญี่ปุ่น รถรุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นบนตัวถัง FF-MS Platform Nissan Primera P12 ร่วมกับ Nissan Sunny Neo และ Nissan Almera เครื่องยนต์เป็นเบนซิน 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร ยังมีเทอร์โบในรุ่น 2.0 ลิตร และประสบความสำเร็จในตลาดทั่วโลก สำหรับไทย เอ็กซ์-เทรลเข้ามาเปิดตลาดเมื่อปี พ.ศ.2548 โดยนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย แต่เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินในไทยสูงมากเลย ทำให้ความนิยมเอสยูวีลดน้อยลงไปด้วย ส่งผลให้เอ็กซ์-เทรล รุ่นแรกไม่ประสบความสำเร็จในตลาดไทย
เอ็กซ์-เทรล รุ่นที่ 2
รุ่นที่ 2 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ.2550 ถูกสร้างขึ้นบนตัวถัง C-Platform ร่วมกับ Nissan LaFesta Nissan Qashqai และNissan Rogue เผยโฉมครั้งแรกในงาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ ปี 2007 และที่สำคัญรุ่น 2 ยังประสบความสำเร็จในตลาดโลกเหมือนเดิม โดยมียอดขายสูงถึง 140,000 คัน เฉพาะในญี่ปุ่นมียอดขายกว่า 27,000 คัน และครองตำแหน่งรถเอสยูวีที่ขายดีในญี่ปุ่น 2 ปีติดต่อกัน ในไทยเอ็กซ์-เทรล เปิดตัวอีกครั้งในปี พ.ศ.2552 และยังคงนำเข้าจากอินโดนีเซีย โดยนำเข้ารุ่น 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งรุ่น 2 ก็ไม่แตกต่างจากรุ่นแรก คือลูกค้ายังไม่มีการตอบรับมากมาย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะรูปทรงที่เป็นเหลี่ยมมากไปเลยไม่ถูกใจคนไทยสักเท่าไร
จริงแล้ว นิสสัน เอ็กซ์-เทรล รุ่นปี 2014 ได้เปิดตัวในงาน Frankfurt Motor Show 2013 และเริ่มทยอยเปิดตัวในตลาดโลกไม่ว่าจะเป็นอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น เอเชีย และเร็ว ๆ นี้ในอาเซียน สำหรับบ้านเราคาดว่าจะจำหน่ายได้ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี แต่รถที่มาจำหน่ายยังไม่สรุปว่าจะผลิตเมืองไทยหรือนำเข้าจากอินโดนีเซีย เหมือนเจเนอเรอชัน 1 และ 2 ประเด็นนี้คงต้องรอความชัดเจนจากนิสสัน ประเทศไทย อีกครั้งหนึ่ง
ในรุ่นใหม่ของเอ็กซ์-เทรล ถูกตั้งเป้าในการเจาะตลาด เอสยูวี ซึ่งก็หนีไม่พ้นคู่แข่งหน้าเดิม ๆ ไม่ว่าจะเป็น ฮอนด้า ซีอาร์-วี มาสด้า ซีเอ็กซ์ -5 ฮุนได ทูซอน รวมถึง เชฟโรเลต แคปติวา (กรณีถ้านิสสัน เอา 7 ที่นั่งมาขายด้วย) และถือเป็นเจเนอเรอชัน 3 ซึ่งถูกสร้างบนพื้นฐานตัวถัง หรือแพลตฟอร์มใหม่ที่เรียกว่า CMF (Common Module Family ) อันเป็นผลผลิตจากความร่วมมือระหว่างนิสสันและเรโนลต์ เพื่อจำหน่ายยัง 190 ประเทศทั่วโลก
จึงไม่แปลกที่เอ็กซ์-เทรลใหม่จะได้รับการปรับปรุงในด้านต่าง ๆ เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าโดยเน้นความสะดวกสบายในการขับ รูปลักษณ์ที่สวยสะดุดตา และสมรรถนะที่ตอบสนองการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง แต่ยังคงลุยได้ในระดับหนึ่งตามแบบฉบับเอสยูวีที่พัฒนาบนพื้นฐานของรถเก๋ง
สำหรับงานออกแบบนิสสันเผยว่าได้รับอิทธิพลและเส้นสายจากงานดีไซน์ที่ผ่านตากันมาแล้วกับผลผลิตอย่าง Murano และ Juke จากเท่าที่เดินสำรวจดูบอกได้เลยว่า รูปลักษณ์โดยรวมมีความสดใหม่ แปลกจากรุ่นเดิมอย่างสิ้นเชิง โดยเฉพาะความเหลี่ยมที่อาจดูเชยเปลี่ยนเป็นความโค้งมนอย่างมีมิติในทุกมุมมอง ทันสมัยด้วยไฟหน้ารูปเหลี่ยมที่เชิดขึ้นดูสวยดี แถมยังเพิ่มความสปอร์ตด้วยเทคโนโลยี LED และมี Daylight LED ให้ดูหรูหราอีกด้วย กระจังหน้าดูโฉบเฉี่ยว ด้านข้างมีเส้นสายดูแกร่งตามแบบฉบับรถครอสโอเวอร์ ซุ้มล้อทรงบึกบึนและใหญ่โต เพื่อรองรับล้อแม็กและยางขนาดใหญ่ 17 นิ้ว หรือกว่านั้นในตลาดบางประเทศ ด้านท้ายสะดุดตากับไฟท้ายรูปห้าเหลี่ยมรับกับเส้นสายด้านหลังเป็นอย่างดี
นอกจากนั้น มิติตัวถังมีความยาวจากรุ่นเดิมเป็น 4,640 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อเพิ่มขึ้นอีก 76 มิลลิเมตร เป็น 2,705 มิลลิเมตร ซึ่งนิสสันบอกว่าจะต่อภาพรวมในแง่ความกว้างขวางของห้องโดยสาร โดยเฉพาะพื้นที่ส่วนท้ายของตัวรถ และกว้างขึ้นอีก 30 มิลลิเมตร เป็น 1,820 มิลลิเมตร สูง 1,715 มิลลิเมตร
แม้ภาพรวมของตัวรถจะดูใหญ่ขึ้นจากรุ่นเดิม แต่ทว่า เอ็กซ์-เทรล ใหม่กลับมีน้ำหนักเบาขึ้น 90 กิโลกรัม และโครงสร้างตัวถังมีความทนทานต่อแรงบิดมากขึ้นอีก 30 % อันเป็นผลมาจากการใช้เหล็กกล้าที่มีความทนทานสูง หรือ Ultra Strenght Steel มากถึง 49 % ของส่วนประกอบบนตัวถัง
กิจกรรมการทดสอบเริ่มต้นที่หน้าโรงแรมอาร์ก โฮเต็ล หลังจากผู้สื่อข่าวทั้งไทยและต่างประเทศรับฟังการบรรยายแนะนำผลิตภัณฑ์พร้อมเส้นทางขับขี่ ที่พวกเราควรจะทราบก่อนเดินทาง.... รถทั้งหมด 10 คัน จึงเริ่มทยอยออกจากโรงแรมในรูปแบบคาราวาน โดยคันของเรามีผู้สื่อข่าวไทยร่วมชะตากรรมไปด้วย 3 คน บวกกับเจ้าหน้าที่ของนิสสัน ประเทศไทย อีก 1 คน รวมเป็น 4 คน ในรถเอ็กซ์-เทรล ใหม่ รุ่น 2.0 เอส
แน่นอนการทดสอบรู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อย เพราะเป็นครั้งแรกที่ได้ขับรถบนถนนในประเทศญี่ปุ่น แทนที่จะเป็นการขับในแทร็กเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา และความตื่นเต้นก็เพิ่มขึ้นเมื่อรถคันของเราหลุดจากขบวนเนื่องจากเป็นคันสุดท้าย บวกกับเส้นทางในระยะแรกเป็นตรอกซอกซอย และมีหลายไฟแดง จึงไม่สามารถขับตามขบวนได้ทัน
หลังจากนั้นทั้ง 4 ชีวิต นั่งไม่ติด ทุกคนหยิบ Route Map พร้อมดูระบบนำทางที่ทางนิสสัน มอเตอร์เซตไว้หน้าจอควบคู่กันไป ทำให้เราขับตามทันขบวนได้เหมือนเดิม ด้วยความร่วมมือ ตั้งใจอย่างขะมักเขม้น ของพวกเรา 4 คนในรถ แต่ในช่วงระหว่างวุ่นอยู่กับการ เรียนรู้เส้นทาง ..ในฐานะขับคนแรกรู้สึกได้ว่า เอ็กซ์-เทรล คันนี้ ขับง่ายคล่องแคล่ว แม้จะอยู่ในตรอกซอกซอย เลี้ยวซ้าย-ขวา (เนื่องจากสับสนเส้นทางอยู่) อัตราเร่งมาทันใจ ไม่อืดอย่างที่คิด บวกกับพวงมาลัยไม่หนัก ไม่เบามาก ส่งผลให้การขับรถคันใหญ่ในเมืองดูง่ายไปเลยทีเดียว
จุดหมายปลายทางของเราคือสนามแข่งรถ Auto Polis International Racing Course รวมระยะทางเกือบ 130 กิโลเมตร และมีจุดให้เราหยุดพักเพื่อเปลี่ยนสลับคนขับถึง 4 จุด โดยเส้นทางแรกเราจะวิ่งอยู่บนทางด่วนเพื่อไปยัง Oita ซึ่งเป็นจุดพักแรก แม้จะวิ่งอยู่บนทางด่วนก็ไม่สามารถทำความเร็วได้ เนื่องจากทีมงานชาวญี่ปุ่นบอกไว้ว่า ห้ามใช้ความเร็วเกิน 100 กิโลเมตร /ชั่วโมง แต่ก็มีบ้างช่วงที่ต้องกดคันเร่งเพื่อตามขบวนให้ทัน เลยต้องแหกกฎนิดหน่อยซึ่งก็ต้องบอกว่า เอ็กซ์เทรล ใหม่ สามารถทำได้ดี รถวิ่งนิ่ง ไม่ยวบยาบ เกาะถนนดี การขับขี่ค่อนข้างสบาย ๆ แม้จะใช้ความเร็วสูง ก็ตาม ที่สำคัญความที่เป็นรถ เอสยูวี จึงทำให้ทัศนวิสัยในการมองค่อนข้างดี บวกกับเบาะนั่งโอบกระชับ นั่งสบาย ไม่อึดอัด และเงียบ
หลังจากเปลี่ยนมือให้ผู้สื่อข่าวคนอื่นขับบ้าง ก็มีเวลาสำรวจภายในรถบ้าง อย่างแรกต้องยอมรับว่าภายในห้องโดยสารกว้างขวางและสะดวกสบายขึ้น โดยเฉพาะมีการเพิ่มฐานล้อให้ยาวขึ้น 76 มิลลิเมตร จึงพื้นที่วางขาเยอะ นั่งสบายเมื่อเทียบกับรุ่นปัจจุบัน แถมยังมีการปรับเปลี่ยนเบาะนั่งให้รับกับสรีระมากขึ้นด้วย กล่องอเนกประสงค์บริเวณคอนโซลกลางสามารถวางไอแพด หรือแท็บเล็ต ขนาด 10 นิ้วได้ และเมื่อพับเบาะทั้งหมดจะมีพื้นที่กว่า 1,900 ลิตร สามารถบรรทุกของได้แบบจุใจเลยทีเดียว ห้องเก็บสัมภาระด้านหลังเป็นรูปแบบใหม่ ทำเป็น 2 ชั้น ด้านล่างรับน้ำหนักสูงสุด 75 กก. ด้านบนรับน้ำหนักสูงสุด 10 กก.
นอกจากนี้ เอ็กซ์-เทรล ยังมาพร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน เช่น จอสีแสดงผลขนาด 5 นิ้ว บริเวณมาตรวัดความเร็ว ,ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบหน้าและหลัง,วิทยุเครื่องเสียงพร้อมช่องต่อ USB, Bluetooth และAUX ระบบโทรศัพท์แฮนด์ฟรี ,กล้องมองหลัง
เส้นทางช่วงที่ 2-3 เป็นถนนนอกเมือง รถไม่เยอะเท่าไร ผ่านอุโมงค์ที่ตัดทะลุภูเขา 2-3 แห่ง ลัดเลาะไปตามแนวทิวเขา ผ่านทะเลสาบ และที่สำคัญทุกคนในรถเริ่มเรียนรู้ระบบนำทางหน้าจอกันบ้างแล้ว รวมถึงแผนที่ของญี่ปุ่น ทำให้ขับสบายมากขึ้น แบบไม่ต้องกังวล โดยเฉพาะผู้โดยสารแถวสองแอบมีหลับ ..จนถึงจุดหมายปลายทางสนามแข่งรถ Auto Polis
แน่นอนรถที่เราได้ทดลองขับเป็นสเปกญี่ปุ่น และเป็นรถที่ผ่านการใช้งานมามากพอสมควร รถเลยเก่านิด ๆ โดยมากับเครื่องยนต์รหัส MR20DD บล็อกเบนซิน 4 สูบ 2,000 ซีซี 147 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 21.1 กก.ม. ที่ 4,100 รอบ/นาที ทำงานร่วมกับระบบเกียร์อัตโนมัติ เอกซ์ทรอนิค ซีวีที ( XTRONIC CVT ) โดยมีอัตราบริโภคเชื้อเพลิงอยู่ที่ 16.4 กิโลเมตร ล้ำสมัยด้วยระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ อิเล็กทรอนิกส์ Aออลโหมด 4X4 i สะดวกกับการเลือกระบบผ่านปุ่มบนคอนโซลกลาง สามารถใช้ระบบขับเคลื่อนได้ 3 โหมด คือ 2 ล้อ, อัตโนมัติ และล็อกเพื่อขับเคลื่อน 4 ล้อ เน้นการลุย โดยทั่วไปใช้โหมดอัตโนมัติ ซึ่งระบบจะเลือกถ่ายทอดกำลังของเครื่องยนต์แบ่งสู่ล้อหน้า-หลังตามความเหมาะสมของสภาพเส้นทาง ถ้าเส้นทางเรียบไม่ลื่นก็จะส่งสู่ล้อคู่หน้าเป็นหลัก
แต่รถที่ขายอยู่ในตลาดโลกขณะนี้มีทั้งเครื่อง 1,600 ซีซี 130 แรงม้า และแรงบิดถึง 32.6 กก.-ม. จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่อง -Xtronic หรือเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ และมีขายทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และ 4 ล้อ ส่วนอีกรุ่นเป็นเทอร์โบเบนซิน 4 สูบ 1,600 ซีซี 163 แรงม้า รวมถึงรุ่นเทอร์โบดีเซล ด้วย สำหรับเมืองไทยยังไม่มีคำตอบจากผู้บริหาร ว่าจะเป็นเครื่องใด แต่คงหนีไม่พ้นเครื่อง เบนซิน 2,000 ซีซี และ 2,500 ซีซี ซึ่งคงต้องติดตามกันอีกที
ด้านความปลอดภัย เอ็กซ์-เทรล ใหม่ จัดเต็ม ไม่ว่าจะเป็นระบบแจ้งเตือนหากมีรถยนต์แล่นอยู่ในมุมอับ หรือ Blind Spot Alert ระบบแจ้งเตือนเมื่อแล่นออกนอกช่องทางหรือ Lane Departure Warning Froward Emergency Braking ซึ่งจะมีการตรวจสอบสภาพเส้นทางด้านหน้า และมีการทำงาน 3 ระดับ คือ แจ้งเตือนด้วยเสียงเพื่อให้ผู้ขับขี่รับทราบ ตามด้ายการเบรกอัตโนมัติหากผู้ขับยังไม่ตอบสนองต่อการแจ้งเตือน และถ้าผู้ขับยังไม่กดแป้นเบรกด้วยน้ำหนักที่มากพอ ระบบก็จะสั่งให้เบรกเพื่อไม่ให้เกิดการชน
สำหรับระบบขับเคลื่อนและระบบแชสชีส์ของ เอ็กซ์-เทรล ใหม่ มีการปรัปปรุงและพัฒนาให้ทันสมัย ทั้งระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่สามารถกระจายแรงบิดให้สอดคล้องกับสภาพเส้นทาง และระบบช่วงล่างที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานในด้านความอ่อนนุ่มของโช้กอัป หรือ Adaptive Ride Control เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเส้นทางโดยอัตโนมัติ
ถึงบรรทัดนี้ก็ต้องขอบอกว่า เอ็กซ์-เทรล ใหม่ ได้มีการปรับปรุงในหลายด้าน อาทิ รูปลักษณ์ที่สวยขึ้น ไม่ใช่ตัวถังเหลี่ยมเหมือนรุ่นเดิม สมรรถนะที่ตอบสนองการใช้ทั้งในเมืองนอกเมือง โดยเฉพาะการขับขี่ง่าย คล่องตัว รวมถึงความกว้างขวางในห้องผู้โดยสาร น่าจะตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าที่ต้องการรถประเภทนี้ได้ดี
แต่อย่างที่กล่าวข้างต้น รถคันที่เราได้สัมผัสเป็นสเป็กญี่ปุ่น ถนนหนทางของบ้านเขาก็ดีกว่าบ้านเรา ทำให้ประทับใจในการขับขี่ ...แต่สำหรับรถที่จะมาขายเมืองไทยจะแตกต่าง หรือปรับแต่ง มากน้อยขนาดไหน คงต้องรอดูปลายปี ว่าเวอร์ชันไทยจะออกมาอย่างไร ราคาน่าสนใจไหม และเราจะกลับมารายงานอีกครั้งหนึ่ง
ความเป็นมา
เอ็กซ์-เทรล รุ่นที่ 1
นิสสัน เอ็กซ์-เทรล รุ่นแรก ถือกำเนิดครั้งแรกในโลกเมื่อปี พ.ศ. 2544 ที่ญี่ปุ่น รถรุ่นนี้ถูกพัฒนาขึ้นบนตัวถัง FF-MS Platform Nissan Primera P12 ร่วมกับ Nissan Sunny Neo และ Nissan Almera เครื่องยนต์เป็นเบนซิน 2.0 ลิตร และ 2.5 ลิตร ยังมีเทอร์โบในรุ่น 2.0 ลิตร และประสบความสำเร็จในตลาดทั่วโลก สำหรับไทย เอ็กซ์-เทรลเข้ามาเปิดตลาดเมื่อปี พ.ศ.2548 โดยนำเข้าจากประเทศอินโดนีเซีย แต่เนื่องจากราคาน้ำมันเบนซินในไทยสูงมากเลย ทำให้ความนิยมเอสยูวีลดน้อยลงไปด้วย ส่งผลให้เอ็กซ์-เทรล รุ่นแรกไม่ประสบความสำเร็จในตลาดไทย
เอ็กซ์-เทรล รุ่นที่ 2
รุ่นที่ 2 เริ่มผลิตเมื่อปี พ.ศ.2550 ถูกสร้างขึ้นบนตัวถัง C-Platform ร่วมกับ Nissan LaFesta Nissan Qashqai และNissan Rogue เผยโฉมครั้งแรกในงาน เจนีวา มอเตอร์โชว์ ปี 2007 และที่สำคัญรุ่น 2 ยังประสบความสำเร็จในตลาดโลกเหมือนเดิม โดยมียอดขายสูงถึง 140,000 คัน เฉพาะในญี่ปุ่นมียอดขายกว่า 27,000 คัน และครองตำแหน่งรถเอสยูวีที่ขายดีในญี่ปุ่น 2 ปีติดต่อกัน ในไทยเอ็กซ์-เทรล เปิดตัวอีกครั้งในปี พ.ศ.2552 และยังคงนำเข้าจากอินโดนีเซีย โดยนำเข้ารุ่น 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า ซึ่งรุ่น 2 ก็ไม่แตกต่างจากรุ่นแรก คือลูกค้ายังไม่มีการตอบรับมากมาย ทั้งนี้อาจเป็นเพราะรูปทรงที่เป็นเหลี่ยมมากไปเลยไม่ถูกใจคนไทยสักเท่าไร