ข่าวในประเทศ-ไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์เผยผลการดำเนินงานปี 2556 ฟันกำไร354 ล้านบาท เล็งลงทุนปีม้า 500 ล้านบาท ขยายธุรกิจและปรับปรุงเครื่องจักร พร้อมผนึกกำลังพันธมิตรญี่ปุ่น ลุยประกอบตัวถังห้องโดยสารรถอุตสาหกรรมหนัก หวังใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกในอนาคต
สมพงษ์ เผอิญโชค กรรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานประจำปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 3,375 ล้านบาท แบ่งออกเป็นรายได้จากการรับจ้างประกอบตัวถังรถยนต์และพ่นสี และรับจ้างอื่นๆ ประมาณ 29% เป็นจำนวน985 ล้านบาท รายได้จากการผลิตชิ้นส่วนและผลิตแม่พิมพ์และอุปกรณ์จับยึด ประมาณ 60% รวม 2,046 ล้านบาท และรายได้จากการขายรถและบริการหลังการขายและรายได้อื่นๆ ประมาณ 11% เป็นจำนวน 345 ล้านบาท โดยรายได้ทั้งหมดมีผลกำไรสุทธิ 354 ล้านบาท
ขณะที่แผนการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทมีแผนงานขยายรถยนต์ TR Transformer ใหม่ โดยมีเป้าหมายในการแต่งตั้ง Dealer เพิ่มขึ้น 10 แห่ง ในภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคตะวันออก และภาคใต้ ได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, อุดรธานี, ระยอง, สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต เป็นต้น โดยตั้งเป้ายอดขายเริ่มต้นในปีนี้ประมาณ 300 คัน และคาดว่าจะมีโอกาสขายไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ในอนาคต เมื่อตลาด AEC ได้เปิดขึ้นในปี 2558
“งบประมาณการลงทุนในปีนี้ คาดว่าจะมีแผนการลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะใช้ไปในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อขยายธุรกิจและการปรับปรุงเครื่องจักรต่างๆ ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น และล่าสุดในส่วนของขยายธุรกิจ ด้านการผลิตชิ้นส่วนตัวถังและประกอบห้องโดยสารสำหรับรถขุดตักและอุตสาหกรรมเครื่องจักรอุตสาหกรรมและการเกษตร ได้จัดตั้งบริษัท KYOWA - THAIRUNG เป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท KYOWA ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตห้องโดยสารสำหรับรถขุดตัก และเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายจะผลิตและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกต่อไป ซึ่งในระยะแรกจะใช้โรงงานไทยรุ่งฯ ในการผลิตชิ้นส่วนและประกอบตัวถังก่อนและจะสร้างโรงงานขึ้นใหม่ในอนาคต” สมพงษ์ กล่าวและว่า
“สำหรับปี 2557 คาดว่าตลาดรถยนต์ในประเทศจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นเพียงระยะสั้น ซึ่งหากมองภาพในระยะยาวแล้วอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยยังคงมีความโดดเด่น และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดใน ASEAN ของผู้ผลิตต่างประเทศ เพราะตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเองมีขนาดถึง 1.2 ล้านคันต่อปี และจะขยายตัวต่อไปในอนาคต อีกทั้งการเปิดการค้าเสรีประชาคมอาเซียน (AEC) ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้รถยนต์ในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น จึงเป็นเป้าหมายที่ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก จะพยายามเข้ามาขายและผลิตรถยนต์ในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจีน, เกาหลี และยุโรป โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจในอนาคตว่าจะสามารถมีการเติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างแน่นอน”
สมพงษ์ เผอิญโชค กรรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทไทยรุ่งยูเนี่ยนคาร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานประจำปี 2556 บริษัทฯ มีรายได้ทั้งสิ้น 3,375 ล้านบาท แบ่งออกเป็นรายได้จากการรับจ้างประกอบตัวถังรถยนต์และพ่นสี และรับจ้างอื่นๆ ประมาณ 29% เป็นจำนวน985 ล้านบาท รายได้จากการผลิตชิ้นส่วนและผลิตแม่พิมพ์และอุปกรณ์จับยึด ประมาณ 60% รวม 2,046 ล้านบาท และรายได้จากการขายรถและบริการหลังการขายและรายได้อื่นๆ ประมาณ 11% เป็นจำนวน 345 ล้านบาท โดยรายได้ทั้งหมดมีผลกำไรสุทธิ 354 ล้านบาท
ขณะที่แผนการดำเนินงานในปี 2557 บริษัทมีแผนงานขยายรถยนต์ TR Transformer ใหม่ โดยมีเป้าหมายในการแต่งตั้ง Dealer เพิ่มขึ้น 10 แห่ง ในภาคเหนือ, ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, ภาคตะวันออก และภาคใต้ ได้แก่ เชียงใหม่, เชียงราย, ขอนแก่น, อุบลราชธานี, อุดรธานี, ระยอง, สุราษฎร์ธานี และภูเก็ต เป็นต้น โดยตั้งเป้ายอดขายเริ่มต้นในปีนี้ประมาณ 300 คัน และคาดว่าจะมีโอกาสขายไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ในอนาคต เมื่อตลาด AEC ได้เปิดขึ้นในปี 2558
“งบประมาณการลงทุนในปีนี้ คาดว่าจะมีแผนการลงทุนประมาณ 500 ล้านบาท โดยจะใช้ไปในการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนเพื่อขยายธุรกิจและการปรับปรุงเครื่องจักรต่างๆ ให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น และล่าสุดในส่วนของขยายธุรกิจ ด้านการผลิตชิ้นส่วนตัวถังและประกอบห้องโดยสารสำหรับรถขุดตักและอุตสาหกรรมเครื่องจักรอุตสาหกรรมและการเกษตร ได้จัดตั้งบริษัท KYOWA - THAIRUNG เป็นบริษัทร่วมทุนกับ บริษัท KYOWA ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตห้องโดยสารสำหรับรถขุดตัก และเครื่องจักรกลอุตสาหกรรมชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น โดยมีเป้าหมายจะผลิตและใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเพื่อการส่งออกต่อไป ซึ่งในระยะแรกจะใช้โรงงานไทยรุ่งฯ ในการผลิตชิ้นส่วนและประกอบตัวถังก่อนและจะสร้างโรงงานขึ้นใหม่ในอนาคต” สมพงษ์ กล่าวและว่า
“สำหรับปี 2557 คาดว่าตลาดรถยนต์ในประเทศจะชะลอตัวลงบ้าง แต่ก็เชื่อว่าจะเป็นเพียงระยะสั้น ซึ่งหากมองภาพในระยะยาวแล้วอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทยยังคงมีความโดดเด่น และเป็นฐานการผลิตที่สำคัญที่สุดใน ASEAN ของผู้ผลิตต่างประเทศ เพราะตลาดรถยนต์ในประเทศไทยเองมีขนาดถึง 1.2 ล้านคันต่อปี และจะขยายตัวต่อไปในอนาคต อีกทั้งการเปิดการค้าเสรีประชาคมอาเซียน (AEC) ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดความต้องการใช้รถยนต์ในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น จึงเป็นเป้าหมายที่ผู้ผลิตรถยนต์ทั่วโลก จะพยายามเข้ามาขายและผลิตรถยนต์ในภูมิภาคนี้มากยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจีน, เกาหลี และยุโรป โดยบริษัทฯ มีความมั่นใจในอนาคตว่าจะสามารถมีการเติบโตควบคู่ไปกับอุตสาหกรรมรถยนต์อย่างแน่นอน”