ข่าวต่างประเทศ - บริษัทเบนท์ลี่ย์ เริ่มต้นการลงทุนกว่า 800 ล้านปอร์ด เพื่อยืนยันในการสร้างรถสปอร์ตเอนกประสงค์ SUV ที่หรูหราที่สุดและเร็วที่สุดในโลก ณ เมือง Crewe เมืองที่บริษัทแม่ตั้งอยู่ การตัดสินใจในครั้งนี้ถือได้ว่าเป็นการสร้างงานให้กับเบนท์ลี่ย์เพิ่มมากขึ้นอีกกว่า 1,000 ตำแหน่ง และยังเป็นการสร้างรถ ‘ออฟโร้ด’ สายพันธุ์เบนท์ลี่ย์เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ด้วยเช่นกัน
ไม่เพียงเท่านี้เบนท์ลี่ย์ยังได้เปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ถึง 3 รุ่น ในปี 2013 ที่ผ่านมา นั่นคือรถซีดานสุดหรู รุ่นฟลายอิ้ง สเปอร์ (Flying Spur), คอนติเนนทัล 4.0 ลิตร จีที V8 เอส (Continental 4.0 litre GT V8 S) และรถยนต์ 4 ที่นั่ง เปิดประทุนที่เร็วที่สุดในโลกอย่างคอนติเนนทัล จีที สปีด คอนเวอร์ติเบิล (Continental GT Speed Convertible) เครื่องยนต์ขนาด 6 ลิตร และมีความเร็วสูงสุดถึง 325 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เลยทีเดียว อีกทั้งยังมีรถแข่งคอนติเนนทัล จีที 3 (Continental GT3) ที่กลับมาอีกครั้งเพื่อนำเบนท์ลี่ย์กลับเข้าสู่ความเป็นผู้นำของโลกมอเตอร์สปอร์ตระดับสากล
ยอดขายรถยนต์เบนท์ลี่ย์เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องใน 3 ไตรมาสแรกของปี 2013 (โดยส่งมอบรถไปแล้วถึง 6,516 คัน ซึ่งในปี 2012 ทำได้ที่ 5,969 คัน) อีกทั้ง เบนท์ลี่ย์ยังทำการเปิดตัวผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการแห่งใหม่กว่า 23 แห่ง เช่น เมือง บูคาเรสต์ ในประเทศโรมาเนีย, ลียง ในประเทศฝรั่งเศส และ มินสก์ ในประเทศเบลารุส รวมถึงเมืองฮานอยด์ ในประเทศเวียดนามอีกด้วย
เบนท์ลี่ย์ได้ขยายความหรูหราเข้าสู่สินค้าใหม่ๆ ด้วยการแนะนำกระเป๋า Handbag Capsule Collection และเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งบ้าน Bentley Home Collection ที่นักออกแบบได้รับแรงบันดาลใจมาจากงานหัตถกรรมชั้นเยี่ยมภายในรถเบนท์ลี่ย์ เพื่อนำ มาออกแบบเฟอร์นิเจอร์นี้
อีกหนึ่งไฮไลท์หลักคือ การร่วมจัดงานเฉลิมฉลองครบรอบการครองราช 60 ปี ของ พระราชินี ด้วยการนำรถใช้รับส่งราชวงศ์ในพระราชวัง Buckingham กว่า 200 ท่าน ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา
โรงงานและบริษัทแม่ที่เมือง Crewe เฉลิมฉลองครบรอบการผลิตเครื่องยนต์มานานกว่า 75 ปี และการมองสู่โลกแห่งอนาคตด้วยการติดตั้งแผงพลังงานทดแทนจากแสงอาทิตย์กว่า 20,000 ชิ้น (พร้อมด้วยความจุถึง 5 เมกะวัตต์) บนหลังคาของโรงงานเบนท์ลี่ย์อีกด้วย นวัตกรรมนี้ช่วยในการจัดหาพลังงานทดแทน และช่วยสร้างพลังงานให้กับเบนท์ลี่ย์ถึง 40% จากพลังงานที่ต้องการทั้งหมด และสามารถลดการใช้ก๊าซ CO2 ได้มากกว่า 2,500 ตัน ต่อปี
