xs
xsm
sm
md
lg

Suzuki Swift Energy Green เขียวเด่น-ขับดี สะท้อนบุคลิก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ช่วงเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย สร้างความสดเพิ่มความเด่นให้อีโคคาร์“สวิฟท์” ด้วยการแนะนำสีตัวถังใหม่ “เขียวEnergy Green” พร้อมขายในรุ่นท็อป GLX ซึ่งผลิตจำนวนจำกัด Limited Edition หรือทำตามออร์เดอร์จนถึงเดือนเมษายน 2557

...รถตัวถังสีเขียว ถ้าใจไม่กล้าหรือรถไม่มีเอกลักษณ์จริงๆคงไม่มีค่ายไหนกล้าทำครับ (ที่เห็นในยุคนี้ก็มีมาสด้า2) แต่เจ้าพ่อเก่งเล็กอย่างซูซูกิไม่หวั่น แถมบอกว่า สีนี้สะท้อนถึงไลฟ์สไตล์ของคนขับสวิฟท์ที่มีความโดดเด่น ชอบความต่างไม่เหมือนใคร พร้อมกันนี้ยังทำออกมาเพื่อฉลองยอดขายอีโคคาร์ที่ได้แชมป์ 5 เดือนซ้อน (เมษายน - สิงหาคม 2556) ส่วนยอดขายปีนี้คงจะแตะแถว 50,000 หมื่นคันนั่นละครับ

เพื่อต่อยอดความสำเร็จและตอกย้ำภาพลักษณ์ดังกล่าว ซูซูกิ มอเตอร์ ประเทศไทย นำโดยบอสใหญ่ “วัลลภ ตรีฤกษ์งาม” จึงชวนให้ผู้สื่อข่าวไปลองขับ “สวิฟท์ เอเนอร์จี กรีน” กับแบบถึงใจกับเส้นทางหนองคาย - วังเวียง สปป.ลาว

ด้วยระยะทางประมาณ200 กิโลเมตร ใช้เวลาขับครึ่งวัน ผ่านความงามตามธรรมชาติจากฝั่งไทยไปฝั่งลาว “ซูซูกิ สวิฟท์ เอเนอร์จี กรีน” เข้ากันดีกับทัศนียภาพได้เป็นอย่างดี ฉันใดฉันนั้นคนเลือกเที่ยววังเวียง ก็คงชอบความแปลกใหม่ไม่ซ้ำซาก ซึ่งจะว่าไปก็เหมือนบุคลิกของคนซื้อสวิฟท์ ที่ตัดสินใจเลือกทางเดินใหม่ๆ ไม่ยึดติดกับความเชื่อเดิมๆที่นิยมซื้อรถยนต์แบรนด์เจ้าตลาดเท่านั้น

อย่างไรก็ตามครับไม่ว่าจะเป็นเรื่อง “ความเชื่อ ความไม่เชื่อ” หรือวัยรุ่นจะชอบความต่างขาาดไหน หากโปรดักต์ไม่ดี ไม่มีคุณภาพให้ตายก็ขายไม่ได้ ดังนั้นความสำเร็จทุกวันนี้ยังการันตีถึงความยอดเยี่ยมของซูซูกิ สวิฟท์ ในด้านสมรรถนะการขับขี่ และความคุ้มค่าต่างๆที่ได้รับ เมื่อเทียบกับเงินที่เสียไปอย่างปฎิเสธไม่ได้

จากประสบการร์ของผุ้เขียนกับ ซูซูกิ สวิฟท์ และล่าสุดสีเขียวใหม่ (ที่ไม่ได้ปรับเปลี่ยนออปชันอะไรเพิ่มเติม) ต้องยอมรับว่าสวิฟท์ โดดเด่นเรื่องการขับขี่มากที่สุดในบรรดาอีโคคาร์ด้วยกัน

เครื่องยนต์ K12B ขนาด 1.25 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว พร้อมระบบ VVT วาล์วแปรผันฝั่งไอดี-ไอเสีย ให้กำลังสูงสุด 91 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 118 นิวตันเมตรที่ 4,800 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ CVT การตอบสนองอาจจะไม่ไถึงกับจี๊ดจ๊าด แต่ก็ไม่อืดเหมือน “ยาริส อีโคคาร์” พร้อมผลิตแรงให้ได้ตามความต้องการ ขับได้เพลินๆไม่ว่าจะในเมืองหรือเดินทางไกล

ขับในเมืองคล่องแคล่ว ด้วยพวงมาลัยแบบแร็กแอนด์พิเนียน ผ่อนแรงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าแม่นยำ น้ำหนักหน่วงมือกำลังดี สอดประสานกับเรี่ยวแรงที่ส่งลงสู่ล้อคู่หน้าแบบสมเหตุสมผล เช่นเดียวกับช่วงล่างหน้าแบบแมกเฟอร์สันสตรัท คอยล์สปริง เหล็กกันโคลง ด้านหลังเป็นคานทอร์ชันบีม คอยล์สปริง ประกบล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ยาง 185/55R16 รองรับได้แน่น เกาะถนนเยี่ยมเมื่อใช้ความเร็วสูง

สวิฟท์เป็นรถเล็กที่ทรงตัวดี การนั่งหลังพวงมาลัยให้ความมั่นใจ หรือจะโยนตัวไปเป็นผู้โดยสารด้านหลังก็รองรับนุ่มพอสมควร เช่นเดียวกับวัสดุและการประกอบและการเก็บเสียงภายในห้องโดยสารอยู่ในระดับต้นๆของรถตระกูลอีโคคาร์

ส่วนออปชันอำนวยความสะดวก ความบันเทิง ยังพร้อมไปด้วย ระบบKeyless มีปุ่มกดสตาร์ท-ดับเครื่องยนต์ แอร์อัตโนมัติ เครื่องเล่นวิทยุ CD MP3 1 แผ่น ช่องต่อ USB พร้อมสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ส่วนความปลอดภัยจัดเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD และถุงลงนิรภัยคู่หน้า(สำหรับเกรด GLX)

ทั้งนี้สวิฟท์รุ่นท็อป GLX เผื่อใครไม่ทราบ(แต่คนที่ซื้อไปทราบหมดแล้ว) ว่ารถไม่มียางอะไหล่นะครับ เพราะซูซูกิเลือกที่จะให้ชุดซ่อมยาง หรือ Tyre fix มาแทน

ด้านอัตราบริโภคน้ำมันในทริปวังเวียง สปป.ลาวนี้ ยังอยู่ในระดับที่เคยทำได้หรือประมาณ 15 กิโลเมตรต่อลิตร

รวบรัดตัดความ...“สวิฟท์ เอเนอร์จี กรีน” สีพิเศษ มาพร้อมราคาขาย 5.59 แสนบาท ซึ่งประเด็นของสีอาจจะไม่สำคัญเท่าความคุ้มค่าจากสมรรถนะการขับขี่ ออปชัน วัสดุและงานประกอบที่ได้รับ เพราะคนที่ชื่นชอบสวิฟท์ก็มักจะนำไปตกแต่งเพิ่มเติมตามแบบฉบับของตัวเองอยู่แล้ว...เอาเป็นว่าหลังเปิดตัวทำตลาดไปร่วม 2 ปี แต่สวิฟท์ยังถือเป็นอีโคคาร์ที่น่าซื้อครับ








กำลังโหลดความคิดเห็น