ข่าวต่างประเทศ-กู๊ดเยียร์ เผยผลประกอบการประจำไตรมาสแรกของปี 2556 มีกำไรสูงขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะอยู่ในภาวะชะลอตัว
ริชาร์ด เจ. เครเมอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่กู๊ดเยียร์ยังคงมีกำไรที่เติบโตขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ ตอกย้ำการบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งกู๊ดเยียร์มีผลประกอบการสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจระดับภูมิภาค 3 กลุ่ม จากทั้งหมด 4 กลุ่ม ของกู๊ดเยียร์ มีรายรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภูมิภาคอเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิกมีรายได้จากการดำเนินงานในไตรมาสแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและละตินอเมริกามียอดจำหน่ายยางรถยนต์เพิ่มขึ้น และมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เครเมอร์ กล่าวเสริมว่า “สำหรับผลประกอบการตลอดทั้งปี 2556 กู๊ดเยียร์เชื่อมั่นว่า จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยคาดว่า กำไรจากการดำเนินงานทั่วโลกจะมีมูลค่าราว 1.4 - 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2555 มากกว่าร้อยละ 12 และสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง”
ขณะเดียวกันกู๊ดเยียร์คาดการณ์ว่า ปริมาณการขายยางรถยนต์ของบริษัทในปี 2556 จะอยู่ในระดับเดียวกับปี 2555 ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดยุโรป
สำหรับยอดขายของกู๊ดเยียร์ในไตรมาส 1/2556 มีมูลค่า 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อนที่มียอดขายรวมทั้งสิ้น 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนถึงยอดขายยางรถยนต์มีมูลค่าลดลง 364 ล้านเหรียญสหรัฐ ยอดขายของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยางรถยนต์มีมูลค่าลดลง 178 ล้านเหรียญสหรัฐ และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งคิดเป็นมูลค่า 115 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปริมาณการขายยางรถยนต์รวมทั้งสิ้น 39.5 ล้านเส้น ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 8 ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการขายยางรถยนต์ในตลาดยุโรปลดลง
ในไตรมาส 1/2556 กู๊ดเยียร์มีรายได้จากการดำเนินงานรวมคิดเป็น 302 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3 โดยมีต้นทุนด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงรวมทั้งสิ้น 230 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นผลจากการที่ต้นทุนวัตถุดิบมีราคาลดลง ควบคู่กับการใช้มาตรการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ในสัดส่วนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ
ตลาดยางกู๊ดเยียร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ในไตรมาส 1/2556 มูลค่ายอดขายยางกู๊ดเยียร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกลดลง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 567 ล้านเหรียญสหรัฐ ยอดขายที่ลดลงดังกล่าวเกิดจากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยางมียอดขายลดลง 15 ล้านเหรียญสหรัฐ และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 14 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์กู๊ดเยียร์ในตลาดยางติดรถ (Original Equipment: OE) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และในตลาดยางรถยนต์ทดแทน (Replacement) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กู๊ดเยียร์มีกำไรจากการดำเนินงานรวมทั้งสิ้นคิดเป็น 84 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นอีกหนึ่งสถิติใหม่ที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกของการดำเนินงาน
ริชาร์ด เจ. เครเมอร์ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กู๊ดเยียร์ ไทร์ แอนด์ รับเบอร์ จำกัด ประเทศสหรัฐอเมริกา เปิดเผยว่า แม้เศรษฐกิจโดยรวมจะอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่กู๊ดเยียร์ยังคงมีกำไรที่เติบโตขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ ตอกย้ำการบรรลุเป้าหมายเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งพัฒนาประสิทธิภาพการผลิตและจำหน่ายยางรถยนต์ที่โดดเด่นด้านนวัตกรรม เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าและสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่แบรนด์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดอเมริกาเหนือ ซึ่งกู๊ดเยียร์มีผลประกอบการสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจระดับภูมิภาค 3 กลุ่ม จากทั้งหมด 4 กลุ่ม ของกู๊ดเยียร์ มีรายรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภูมิภาคอเมริกาเหนือและเอเชียแปซิฟิกมีรายได้จากการดำเนินงานในไตรมาสแรกสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและละตินอเมริกามียอดจำหน่ายยางรถยนต์เพิ่มขึ้น และมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เครเมอร์ กล่าวเสริมว่า “สำหรับผลประกอบการตลอดทั้งปี 2556 กู๊ดเยียร์เชื่อมั่นว่า จะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น โดยคาดว่า กำไรจากการดำเนินงานทั่วโลกจะมีมูลค่าราว 1.4 - 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2555 มากกว่าร้อยละ 12 และสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง”
ขณะเดียวกันกู๊ดเยียร์คาดการณ์ว่า ปริมาณการขายยางรถยนต์ของบริษัทในปี 2556 จะอยู่ในระดับเดียวกับปี 2555 ซึ่งเป็นผลจากการชะลอตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตลาดยุโรป
สำหรับยอดขายของกู๊ดเยียร์ในไตรมาส 1/2556 มีมูลค่า 4.9 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลดลงจากปีก่อนที่มียอดขายรวมทั้งสิ้น 5.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ สะท้อนถึงยอดขายยางรถยนต์มีมูลค่าลดลง 364 ล้านเหรียญสหรัฐ ยอดขายของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยางรถยนต์มีมูลค่าลดลง 178 ล้านเหรียญสหรัฐ และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนซึ่งคิดเป็นมูลค่า 115 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปริมาณการขายยางรถยนต์รวมทั้งสิ้น 39.5 ล้านเส้น ลดลงจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 8 ซึ่งเป็นผลจากปริมาณการขายยางรถยนต์ในตลาดยุโรปลดลง
ในไตรมาส 1/2556 กู๊ดเยียร์มีรายได้จากการดำเนินงานรวมคิดเป็น 302 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 3 โดยมีต้นทุนด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานลดลงรวมทั้งสิ้น 230 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งเป็นผลจากการที่ต้นทุนวัตถุดิบมีราคาลดลง ควบคู่กับการใช้มาตรการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายได้ในสัดส่วนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ
ตลาดยางกู๊ดเยียร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ในไตรมาส 1/2556 มูลค่ายอดขายยางกู๊ดเยียร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกลดลง 10 ล้านเหรียญสหรัฐ มาอยู่ที่ 567 ล้านเหรียญสหรัฐ ยอดขายที่ลดลงดังกล่าวเกิดจากกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับยางมียอดขายลดลง 15 ล้านเหรียญสหรัฐ และผลกระทบจากอัตราแลกเปลี่ยนอีก 14 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมีปริมาณการจำหน่ายยางรถยนต์กู๊ดเยียร์ในตลาดยางติดรถ (Original Equipment: OE) เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และในตลาดยางรถยนต์ทดแทน (Replacement) เพิ่มขึ้นร้อยละ 4
ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก กู๊ดเยียร์มีกำไรจากการดำเนินงานรวมทั้งสิ้นคิดเป็น 84 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน นับเป็นอีกหนึ่งสถิติใหม่ที่เกิดขึ้นในไตรมาสแรกของการดำเนินงาน