xs
xsm
sm
md
lg

‘เบนซ์’ยกทัพรถหรูบุกไทย-ปักธงมุ่งไฮบริด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ข่าวในประเทศ - ปฏิบัติการทุบเกรย์มาร์เก็ต หรือผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ ของค่าย “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ในประเทศไทยเมื่อปีที่ผ่านมา นับเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้แบรนด์ตราดาวปิดตัวตัวเลขการขายกว่า 6.2 พันคัน หรือเติบโตกว่า 34% โดยไม่เกี่ยวกับโครงการรถคันแรก แม้จะครองเบอร์หนึ่งตลาดรถหรูติดต่อกันเป็นปีที่ 12 แต่คู่แข่งสำคัญอย่าง “บีเอ็มดับเบิลยู” ได้ไล่จี้ติดแบบหายใจรดต้นคอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้น่าสนใจว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะมีกลยุทธ์อะไรมารุกและรับ รวมถึงมีทีเด็ดอะไรใหม่ๆ งัดมาใช้ในปี 2556 หรือปีงูเล็กนี้…
ดร.อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์
“ปีที่ผ่านมาเป็นเพียงการ ‘วอร์มอัพ’ เท่านั้น แต่ปีนี้จะมีความเข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นการงดรับประกันคุณภาพและบริการหลังการขาย รถที่ซื้อจากผู้นำเข้ารถยนต์อิสระ ตั้งแต่โมเดล 2013 เป็นต้นไป ขณะเดียวกันยังมีโปรดักซ์ใหม่ๆ แนะนำสู่ตลาดหลากหลาย และกิจกรรมการตลาด ที่ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้ามากขึ้น”
นั่นเป็นคำกล่าวของ “ดร.อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์” ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์(ประเทศไทย) จำกัด โดยควงคู่มากับ “มาร์ทิน ชูลซ์” รองประธานฝ่ายขายและการตลาด ในการร่วมให้สัมภาษณ์เปิดเผยข้อมูลกับสื่อมวลชน ถึงทิศทางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทยปีนี้
สำหรับนโยบายเชิงรุกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ทั้งเพาฟเลอร์และชูลซ์จะนำมาใช้ ครอบคลุมทั้งเรื่องการบริการก่อนและหลังการขาย กิจกรรมการตลาดแนวใหม่ โดยเฉพาะ Digital Marketing ผ่านช่องทาง Social Network และมีการเพิ่มเครือข่ายไม่ต่ำกว่า 32 แห่ง จากปัจจุบันมีอยู่ 29 แห่ง หรือถึงสิ้นปีนี้น่าจะมีเงินลงทุนกว่า 1 พันล้านบาท เช่นเดียวกับเรื่องของการขยายกำลังการผลิตรองรับการเติบโต ซึ่งปีนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์มีแผนจะลงทุนอีก 200 ล้านบาท
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซ๊แอลเอ-คลาส
แต่ที่สำคัญเห็นจะเป็นเรื่องของการเปิดตัวรถใหม่ไม่น้อยกว่า 6 รุ่น ทั้งแบบเฟซลิฟท์และโมเดลใหม่ ที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าในทุกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้นำร่องไปเมื่อก่อนสิ้นปีที่ผ่านมา ด้วยการเปิดตัวเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาส ซึ่งได้รับการตอบรับจากหนุ่มสาวคนรุ่นใหม่มาก และปีนี้จะมีการเสริมทัพอย่างต่อเนื่อง
“เราะแนะนำรถยนต์โมเดลใหม่ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ-คลาส (Mercedes-Benz CLA-Class) สู่ตลาดไทยปีนี้ และจะมาก่อนผู้นำเข้าอิสระ หรือเกรย์มาร์เก็ตแน่นอน” เพาฟเลอร์กล่าว

ทั้งนี้ตามรายงานข่าวเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย จะนำเข้ารถต้นแบบของ CLA มาเผยโฉมในงานบางกอกฯ มอเตอร์โชว์ 2013 นี้ก่อน หลังจากนั้นจึงค่อยมีการนำเข้ารุ่นจำหน่ายจริงมาทำตลาด ไล่ๆ กับตลาดโลกที่จะเปิดตัวประมาณกลางปีนี้ โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอ-คลาส เป็นรถที่ใช้พื้นฐานร่วมกับรุ่นเอ-คลาส ซึ่งเป็นรถแฮทช์แบ็กที่เพิ่งแนะนำสู่ตลาดไทย แต่ซีแอลเอจะเป็นแบบซีดาน 4 ประตู สไตล์สปอร์ตคูเป้ เช่นเดียวกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ ซีแอลเอส-คลาส(CLS-Class) ที่เพิ่งเปิดตัวขายในไทยเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ไม่เพียงเท่านั้นยังจะมีเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส(E-Class) ใหม่ ซึ่งเป็นรุ่นเฟซลิฟท์ปรับปรุงรูปลักษณ์และอุปกรณ์ใหม่สู่ตลาดไทย ตลอดจนรุ่นต่อเนื่องอย่างอี-คลาส คูเป้ ใหม่ และจะมีรถเฉพาะกลุ่มรุ่นอื่นๆ รวมถึงการทำสีรถใหม่ๆ ออกมา เพื่อความหลากหลายและตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ในทุกกลุ่มลูกค้า ตามนโยบายของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย แต่ที่สำคัญต้องจับตาการแนะนำรถยนต์ไฮบริด “เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-300 บลูเทค ไฮบริด” (E-300 BlueTEC HYBRID)ที่นำร่องมาเผยโฉมในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป 2012 ที่ผ่านมา ซึ่งปีนี้จะเป็นการรุกทำตลาดจริงอย่างเป็นทางการ
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส ใหม่

“นับเป็นครั้งแรกในไทยที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลไฮบริด ซึ่งเป็นการทำงานผสานระหว่างเครื่องยนต์ดีเซล 2,143 ซีซี กับมอเตอร์ไฟฟ้า ขณะที่รถไฮบริดทั่วไปจะเป็นเครื่องยนต์เบนซินกับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้อี-300 บลูเทค ไฮบริด ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพียง 4.2-4.3 ลิตร/ 100 กม. แต่ให้กำลังมากกว่า 200 แรงม้า โดยในอนาคตอันใกล้รถรุ่นนี้จะมีการขึ้นไลน์ประกอบ(CKD) และทำตลาดในไทย”
อย่างไรก็ตาม การเปิดตัวและประกอบซีเคดีเมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-300 บลูเทค ไฮบริด ไม่ใช่เพียงเป็นการเพิ่มความหลากหลายให้กับลูกค้า แต่ในใจของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ได้มองข้ามไปถึงอีก 3 ปีข้างหน้า ที่โครงสร้างภาษีสรรพสามิตใหม่จะบังคับใช้ ซึ่งเป็นการเอื้อให้กับรถประหยัดเชื้อเพลิง และรถพลังงานทดแทนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นอีโคคาร์, รถใช้เชื้อเพลิงซีเอ็นจี(CNG) และ E85 โดยเฉพาะรถไฮบริดและไฟฟ้า

“ภาษีสรรพสามิตใหม่จะสนับสนุนรถใช้พลังงานทดแทน โดยเฉพาะรถไฮบริดที่ได้ประโยชน์สูงสุดมีอยู่ 2 อัตรา แยกเป็นรถไฮบริดที่ปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์(CO2) ไม่เกิน 100 และ 150 กรัม/กม. ซึ่งยืนยันว่าในปี 2016 รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ในไทยจะมีรุ่นไฮบริดที่อยู่ใน 2 กลุ่มนี้แน่นอน และปัจจุบันรุ่น อี-300 ไฮบริด มีค่า CO2 เพียง 109 กรัม/กม.เท่านั้น” ชูลส์กล่าว
เมื่อถามถึงทิศทางต่อไปของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เรื่องนี้ชูลส์บอกว่า… “เป็นจังหวะที่พอดี เพราะโครงสร้างภาษีใหม่จะออกมาในช่วงที่เราเปลี่ยนไปใช้มาตรฐานไอเสียระดับยูโร5 และเมอร์เซเดส-เบนซ์จะโฟกัสไปยังเทคโนโลยีไฮบริดเป็นหลัก ซึ่งเป็นกลุ่มที่ประโยชน์สูงสุดจากโครงสร้างภาษีใหม่ และเราได้ส่งสัญญาณไปยังบริษัทแม่แล้ว แม้ปัจจุบันจะมีเพียงโมเดลเดียว แต่อนาคตจะมีรถไฮบริดรุ่นใหม่ๆ ออกมาสู่ตลาดแน่นอน”
เป็นสิ่งที่ชัดเจนกับทิศทางของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ในประเทศไทย ไม่ว่าจะในอนาคตอีก 2-3 ปีข้างหน้า หรือเฉพาะปีนี้ที่ผู้นำของค่ายตราดาวมั่นใจปีงูเล็กนี้… จะสามารถครองความเป็นผู้นำตลาดรถหรูต่อเนื่อง และมั่นใจจะเติบโตไม่ต่ำกว่าตัวเลข 2 หลักแน่นอน?!
เมอร์เซเดส-เบนซ์ อี-คลาส คูเป้ ใหม่
กำลังโหลดความคิดเห็น