รุ่นซีดานและแวกอนยังไม่ทันวางขายดีเลย ทางเมอร์เซเดส-เบนซ์ก์ขยับตลาดให้กับอี-คลาสอย่างต่อเนื่องทันที กับการเตรียมเปิดตัวรุ่นคุเป้ และเปิดประทุนในงานดีทรอยต์ มอเตอร์โชว์ 2013 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 14 มกราคมนี้
เช่นเดียวกับ 2 ตัวถังมาตรฐานที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ในรุ่นคูเป้และเปิดประทุน ซึ่งแชร์พื้นฐานของตัวรถตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงเสากระจกบังลมหน้าร่วมกัน จะได้รับการเปลี่ยนแปลงในเชิงรูปลักษณ์ทั้งด้านหน้า และหลังให้อิงจากการปรับโฉมครั้งล่าสุดของตัวถังซีดาน และสเตชั่นแวกอน
นั่นหมายความว่าชุดไฟหน้าแบบฝั่งละ 2 ตัวตามสไตล์ New Eyes ที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 1995 จะถุกถอดออกไป และแทนที่ด้วยไฟหน้าแบบดวงเหลี่ยมยาว แต่ภายในชุดโคมไฟมีการแบ่งช่องไฟแบบ LED เอาไว้ 2 ส่วน และมีลวดลายของหลอด LED ที่แตกต่างจากตัวถังซีดานและสเตชันแวกอน เช่นเดียวกับกระจังหน้าและกันชนหน้า ซึ่งก็มีการออกแบบใหม่เช่นเดียวกัน สำหรับด้านท้ายมีการออกแบบชุดไฟท้ายใหม่ เน้นสีสันและความล้ำสมัยมากขึ้น ส่วนกันชนท้ายเน้นความสปอร์ตภายใต้แนวคิดใหม่ของการออกแบบที่เรียกว่า Wing Design
ทางเลือกของเครื่องยนต์มีหลากหลายเช่นเดิม โดยเริ่มตั้งแต่รุ่นล่างสุดอย่าง E200 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 181 แรงม้า ไปจนถึงรุ่นท็อป E500 กับเครื่องยนต์วี8 ที่มีกำลังถึง 402 แรงม้า แถมด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลอีก 3 รุ่น ซึ่งยังไม่ระบุว่าจะมีรุ่นอะไรบ้าง โดยทุกรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 7G-Tronic Plus ในการส่งกำลัง
นอกจากนั้นในรุ่นเบนซินยังเพิ่มความประหยัดด้วยระบบ Start/Stop ซึ่งจะดับเครื่องยนต์เมื่อจอดติดอยู่กับที่เพื่อช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยไอเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม
ใครที่สนใจรูปลักษณ์ใหม่ของอี-คลาสทั้งตัวถังคูเป้ และเปิดประทุนอดใจรอกันอีกสักนิด เพราะหลังจากเผยโฉมที่งานในดีทรอยต์แล้วก็จะเริ่มทยอยทำตลาดในประเทศต่างๆ ทันที ซึ่งเมื่อไทยน่าจะเข้ามาขายประมาณปลายปีหน้า
เช่นเดียวกับ 2 ตัวถังมาตรฐานที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ในรุ่นคูเป้และเปิดประทุน ซึ่งแชร์พื้นฐานของตัวรถตั้งแต่ด้านหน้าจนถึงเสากระจกบังลมหน้าร่วมกัน จะได้รับการเปลี่ยนแปลงในเชิงรูปลักษณ์ทั้งด้านหน้า และหลังให้อิงจากการปรับโฉมครั้งล่าสุดของตัวถังซีดาน และสเตชั่นแวกอน
นั่นหมายความว่าชุดไฟหน้าแบบฝั่งละ 2 ตัวตามสไตล์ New Eyes ที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 1995 จะถุกถอดออกไป และแทนที่ด้วยไฟหน้าแบบดวงเหลี่ยมยาว แต่ภายในชุดโคมไฟมีการแบ่งช่องไฟแบบ LED เอาไว้ 2 ส่วน และมีลวดลายของหลอด LED ที่แตกต่างจากตัวถังซีดานและสเตชันแวกอน เช่นเดียวกับกระจังหน้าและกันชนหน้า ซึ่งก็มีการออกแบบใหม่เช่นเดียวกัน สำหรับด้านท้ายมีการออกแบบชุดไฟท้ายใหม่ เน้นสีสันและความล้ำสมัยมากขึ้น ส่วนกันชนท้ายเน้นความสปอร์ตภายใต้แนวคิดใหม่ของการออกแบบที่เรียกว่า Wing Design
ทางเลือกของเครื่องยนต์มีหลากหลายเช่นเดิม โดยเริ่มตั้งแต่รุ่นล่างสุดอย่าง E200 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 181 แรงม้า ไปจนถึงรุ่นท็อป E500 กับเครื่องยนต์วี8 ที่มีกำลังถึง 402 แรงม้า แถมด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบดีเซลอีก 3 รุ่น ซึ่งยังไม่ระบุว่าจะมีรุ่นอะไรบ้าง โดยทุกรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติแบบ 7G-Tronic Plus ในการส่งกำลัง
นอกจากนั้นในรุ่นเบนซินยังเพิ่มความประหยัดด้วยระบบ Start/Stop ซึ่งจะดับเครื่องยนต์เมื่อจอดติดอยู่กับที่เพื่อช่วยเพิ่มความประหยัดน้ำมัน และลดการปล่อยไอเสียออกสู่สิ่งแวดล้อม
ใครที่สนใจรูปลักษณ์ใหม่ของอี-คลาสทั้งตัวถังคูเป้ และเปิดประทุนอดใจรอกันอีกสักนิด เพราะหลังจากเผยโฉมที่งานในดีทรอยต์แล้วก็จะเริ่มทยอยทำตลาดในประเทศต่างๆ ทันที ซึ่งเมื่อไทยน่าจะเข้ามาขายประมาณปลายปีหน้า