xs
xsm
sm
md
lg

เอ-คลาส บุคลิกใหม่ของ เบนซ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ก่อนที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอ-คลาสจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการปลายปีนี้ เรามาทำความรู้จักกับรุ่นนี้กันก่อนที่จะได้ชมคันจริง ที่สำคัญเจ้าของแบรนด์คาดหวังว่าเอ-คลาสจะตีตลาดได้ทั่วโลก หลังจากปรับบุคลิกใหม่หมดตั้งแต่หัวจรดท้าย โดยเน้นความเป็นสปอร์ต ดังนั้นเมอร์เซเดส-เบนซ์ จึงทุ่มเท พัฒนาเครื่องยนต์ใหม่ สมรรถนะ บวกกับดีไซน์ล้ำสมัยล้ำยุค ทั้งภายนอกและภายใน เพื่อให้ รถ younger look หรือวัยรุ่นมากขึ้นนั่นเอง ทั้งนี้เพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่

ดังนั้นหมายเชิญทดสอบรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมกับสื่อมวลชนทั่วโลก เพื่อมุ่งสู่ประเทศสโลวีเนียจึงเกิดขึ้น และ"เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน" เป็นหนึ่งในสื่อไทยที่ได้รับหมายนี้ด้วย แต่ก่อนที่จะรายงานการขับขี่ ขอบอกกล่าวถึงตัวรถเอ-คลาสกันก่อนดีกว่า
จุดรวมตัวของสื่อมวลชนทั่วโลก ก่อนออกไปทดสอบรถ
เอ-คลาส รุ่นนี้ถือเป็นเจเนอเรชันที่ 3 โดยเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน "เจนีวา มอเตอร์โชว์ 2012" เมื่อเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา และใช้รหัสตัวถัง W176 ขณะที่รุ่นแรกเปิดตัวในรหัส W168 เมื่อปี 1997 พร้อมกับเรียกเสียงฮือฮาจากคนทั่วโลกได้เป็นอย่างดี เพราะถือเป็นการเปิดตลาดครั้งใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อนของค่ายดาว 3 แฉกกับตัวถังขนาดเล็กแบบแฮตช์แบ็ก 3 และ 5 ประตู

สำหรับรุ่นที่ 2 เปิดตัวออกมาเมื่อปี 2004 พร้อมกับรหัสตัวถัง W169 โดยยังคงแนวคิดและคอนเซ็ปต์ในการพัฒนาแบบเดิม คือ เป็นแฮตช์แบ็ก 3 และ 5 ประตูทรงกล่องสูงแบบขับเคลื่อนล้อหน้าเอาใจลูกค้าที่ชอบความกะทัดรัดบนความหรูหราและใช้งานได้อย่างคล่องตัว
ีรถ เอ-คลาส จอดเรียงกันเป็นแถว มีหลายสี  รอนักข่าวไปขับ
รุ่นล่าสุดได้รับการปรับเปลี่ยนใหม่หมด โดยเฉพาะสไตล์การออกแบบใหม่ที่ไม่เหลือเค้าโครงเดิมไว้เลยโดยเป็นรถแบบ 2 กล่อง การพัฒนามาจากต้นแบบในชื่อ A-Concept ที่เปิดตัวในงาน “ออโต้ เซี่ยงไฮ้ “เมื่อปี 2011 โดยเฉพาะการพลิกไอเดียและคอนเซ็ปต์ของตัวรถ จากเดิมที่เป็นรถยนต์ขับง่ายๆ สำหรับให้แม่บ้านขับไปจ่ายกับข้าว มาเป็นสปอร์ตแฮตช์แบ็กที่ปราดเปรียว ปรู๊ดปราด จนทางดีเตอร์ เช็ตเชอะ ซีอีโอของเดมเลอร์ เอจี ถึงกับกล่าวออกสื่อในช่วงงานเปิดตัวว่า A คือคำที่ย่อมาจาก Attack ซึ่งหมายถึงเมอร์เซเดส-เบนซ์ พร้อมที่จะจู่โจม หรือ บุกโจมตี


รุ่นแรกของเอ-คลาส ใหม่ ที่แนะนำสู่ตลาดโลกมากับตัวถังแฮตช์แบ็ก 5 ประตูที่มีความยาวในระดับ 4,292 มิลลิเมตร กว้าง 1,780 มิลลิเมตร สูง 1,430-1,438 ม.และระยะฐานล้อ 2,699 มิลลิเมตร โดยได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานทางวิศวกรรมที่เรียกว่า MFA หรือ Modular Front Architecture
ผู้สื่อข่าวจากทั่วโลก กรอกเอกสาร รับกุญแจ
รูปลักษณ์ภายนอกมาพร้อมความสปอร์ตเต็มรูปแบบด้วยกระจังหน้าขนาดใหญ่ทรง V-Shape คาดด้วยเส้นโครเมียม 2 เส้น พร้อมโลโก้ดาวสามแฉก ขณะที่โคมไฟหน้าที่ดูดุดันโดยใช้ไฟ Day Light แบบ LED ทำให้ดูเด่นชัดขึ้น ด้านข้างของตัวรถดูชัดเจนด้วยเส้นขอบที่มีทั้งส่วนเว้า ส่วนนูน บริเวณพื้นผิวของตัวถังที่สลับไปมาอย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความพลิ้วไหวและโดดเด่นในด้านการออกแบบภายนอกของเอ-คลาส ทำให้เกิดรูปลักษณ์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวบวกกับการตกแต่งภายในที่มีจุดเด่นอยู่ที่แผงคอนโซลด้านหน้าที่มีลักษณะรูปร่างเหมือนปีกเครื่องบิน หุ้มด้วยผ้ายืดโปร่งแสงชนิดพิเศษที่สามารถมองทะลุเห็นโครงสร้างที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ด้านหลังได้ แผงอุปกรณ์ประกอบไปด้วยช่องรูปทรงกลมจำนวน 5 ช่อง โดยขอบของแต่ละวงเป็นวัสดุคุณภาพสูงที่ชุบเคลือบด้วยไฟฟ้า

นอกจากนั้น รูปทรงของช่องปรับอากาศและช่องระบายลมที่อยู่บนแผงคอนโซล ถูกออกแบบมาให้มีลักษณะคล้ายกับเครื่องยนต์ของเครื่องบินเจ็ต อุปกรณ์ต่าง ๆ บนแผงหน้าปัดเน้นด้วยสีแดง ส่วนหน้าจดแสดงผลมีแผงด้านหน้าเป็นสีดำเงาวับและมีกรอบยึดสุดหรูหราในสีเงิน แผงหน้าปัดประกอบไปด้วยมาตรวัดรูปทรงกลมขนาดใหญ่ 2 วง โดยแต่ละวงมีมาตรวัดขนาดเล็กอีกวงหนึ่งอยู่ภายใน ซึ่งเข็มที่แสดงค่าต่างๆ โดยทั่วไปจะฝังด้วยสีขาว แต่จะเป็นสีแดงในรุ่นที่ตกแต่งหรือใช้อุปกรณ์ที่เน้นความสปอร์ตเป็นพิเศษ
เจ้าหน้าที่เบนซ์ มาเซตเนวิเกเตอร์ให้ เพื่อให้พวกเราสามารถเดินทางสู่เป้าหมายได้ถูกต้อง สะดวก ไม่หลง
นั่นหมายถึงคุณจะไม่เห็นลายไม้ หรือดีไซน์ของเบนซ์รถปัจจุบันใน เอ-คลาส แน่นอน

นอกจากนั้น ในรุ่นนี้ยังมีการเน้นความทันสมัยด้วยระบบที่ผู้ขับขี่สามารถเชื่อมต่อกับโลกภายนอกผ่านทางโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะพวกตระกูล iPhone เพราะจะมีแพคเกจเป็นออปชันให้ลูกค้าได้เลือกติดตั้งเพิ่มเติมในชื่อ Digital DriveStyle & Drive Kit Plus โดยสามารถโหลดเพลง แชร์ข้อมูลลง Facebook หรือ Twitter ผ่านจากระบบในตัวรถ ขณะเดียวกันทางเมอร์เซเดส-เบนซ์เองก็มี App shop ของตัวเองให้ลูกค้าสามารถดาวน์โหลดเข้ามาใช้งานร่วมกับระบบ Command ในตัวรถ


ทางเลือกของเครื่องยนต์มีหลากหลายทั้งเบนซินและเทอร์โบดีเซล แต่ส่วนใหญ่จะเป็นแบบ 4 สูบเรียงแบบวางขวางสำหรับการขับเคลื่อนล้อหน้า โดยการทำตลาดเริ่มต้นกับเครื่องเบนซิน 4 โมเดล รุ่น A180 แต่ใช้เครื่องยนต์ 1600 ซีซี เทอร์โบ 122 แรงม้า ตามด้วย A200 บล็อกเดียวกัน แต่ขยับความเร้าใจขึ้นเป็น 156 แรงม้า และมีรุ่น A250 และ A250 Sport ใช้เครื่องยนต์ 2000 ซีซี 211 แรงม้า ดีเซลมี 3 โมเดล คือ A 180 ซีดีไอ 1500 ซีซี 109 แรงม้า A180 ซีดีไอ 1800 ซีซี 109 แรงม้า และA-200 ซีดีไอ 1800 ซีซี 136 แรงม้า

รุ่นที่เราได้มีโอกาสขับเป็นเอ-คลาส 250 และจะเป็นรุ่นที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ นำเข้ามาจำหน่ายในไทย การขับขี่เริ่มต้นที่สนามบินเมือง Ljubljana ไปเมืองชายหาด Portoroz โดยเจ้าหน้าที่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ เตรียมรถ เอ-คลาส หลากหลายรุ่น หลายสี จอดเรียงรายรอสื่อมวลชนทั่วโลกอยู่บริเวณสนามบิน หลังจากได้รับข้อมูลเป็นที่เรียบร้อยแล้วพร้อมรับกุญแจ ทุกคนก็เข้าประจำที่รถใคร รถมัน แต่ก่อนออกสตาร์ทเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาเซตเนวิเกเตอร์ให้กับพวกเรา เพื่อให้การเดินทางถึงที่หมายได้สะดวก ไม่หลง ซึ่งก็ต้องบอกว่าเนวิเกเตอร์ของเขาที่ทำไว้ให้ ดูแล้วเข้าใจง่ายมาก การเดินทางจึงไปได้อย่างสมูท แม้ถนนหนทางจะแตกต่างจากบ้านเรา แต่กลับไม่เป็นปัญหา


หลังเข้าประจำที่คนขับต้องบอกว่า ตอนแรกงงเล็กน้อย เนื่องจากพวงมาลัยอยู่ทางซ้ายแต่พอออกตัว ขับไปเรื่อยๆ ก็เริ่มชิน บวกกับเส้นทางที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ จัดให้ มีทั้งไฮเวย์ เส้นทางเล็ก ๆ คดเคี้ยว ผ่านหมู่บ้านชนบทของประเทศสโลวีเนีย รวมถึงในแทร็ก ซึ่งปิดสนามบินและให้วิ่งบนรันเวย์ที่เตรียมไว้หลายสิบรอบ ก็ต้องยอมรับว่าฟิลลิ่งการขับขี่ของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ เปลี่ยนไป จากรถที่ขับสบาย นุ่ม นิ่ม มาเป็นรถที่ขับแล้ว สนุก ปรู๊ดปร๊าด แถมช่วงล่างที่เซตมาแบบสปอร์ต ทำให้รู้สึกถึงอารมณ์สปอร์ตได้ทันที ในทุกช่วงที่ขับทั้งทางตรง ทางโค้ง ยิ่งช่วงขับบนทางด่วนมีโอกาสได้กด ก็ต้องบอกว่าอัตราเร่งแซงรวดเร็วทันใจ รถนิ่ง พวงมาลัยคมกริบ ส่วนช่วงล่างไม่ต้องพูดถึงมาก ทั้งแน่น หนึบ เกาะถนน แข็ง แต่ด้วยถนนหนทางบ้านเมืองของเขาอยู่ในสภาพที่ดีมาก เลยไม่ค่อยรู้สึกว่าช่วงล่างแข็งเท่าไรนัก ต้องลองมาขับวิ่งบนถนนเมืองไทยอีกครั้ง น่าจะบอกได้ ส่วนภายในแม้จะแคบกว่ารุ่นเดิมเล็กน้อยแต่ก็นั่งสบาย ทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง ทั้งนี้เป็นเพราะดีไซน์ที่ออกมาสปอร์ตมากขึ้น

ถึงบรรทัดนี้ต้องบอกว่าเอ-คลาส มีบุคลิกที่แตกต่างจากรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่ขายอยู่ ณ เวลานี้ ไม่ว่าจะเป็น การดีไซน์ หน้าตา การออกแบบ ภายใน ช่วงล่าง วัสดุที่นำมาใช้ ทั้งนี้ ก็เพราะเบนซ์ต้องการชนะใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความเป็นสปอร์ต โดยถ่ายทอดมายังเอ-คลาส รุ่นแรก ซึ่งทั้งหมดคุณสัมผัสได้ในปลายปีนี้ เพราะเมอร์เซเดส-เบนซ์ จะนำเอ-คลาสมาเปิดตัวเมืองไทยงาน “มอเตอร์ เอ็กซ์โป” เดือนพฤศจิกายน พร้อมจะนำเข้ารถมาจำหน่ายก่อนที่จะลงมือประกอบขายในบ้านเรา









รถเอ-คลาส หลายสิบคัน จอดอยู่ในแทร็ก ซึ่งปิดสนามบินให้เราวิ่งทดสอบ ทั้งการขับสลาลอม การใช้เบรก ทดสอบช่วงล่าง เป็นต้น

A250 Sport

กำลังโหลดความคิดเห็น