เรียกว่าปล่อยให้บรรดาคู่แข่งจากเยอรมนีพาเหรดกันถล่มตลาดหรูกันอย่างต่อเนื่องตลอดช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คราวนี้ถึงทีที่แบรนด์หรูจากค่ายโตโยต้าอย่าง “เล็กซัส” จะเปิดฉากเอาคืนบ้าง ด้วยการส่งเรือธงลำใหม่ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนโฉมของ LS Series ออกสู่ตลาด โดยมีให้เลือกครบทุกแบบทั้งผู้บริหารที่ชอบความหรู ความเร้าใจ หรือเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม แต่น่าเสียดายสำหรับคนที่เฝ้ารอ เพราะ LS Series รุ่นนี้ไม่ได้ใหม่ทั้งคันชนิดที่แตกต่างจากรุ่นเดิม
LS Series ถือเป็นรถยนต์รุ่นบุกเบิกของเล็กซัสที่อยู่คู่กับแบรนด์นี้มาตั้งแต่แรกเริ่มในการเปิดตลาดเมื่อปลายทศวรรษที่ 1980 และถือเป็นเรือธง หรือ Flagship ของค่ายในการสู้ศึกตลาดหรูกับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอส-คลาส, ออดี้ เอ8 และบีเอ็มดับเบิลยู ซีรีส์ 7 โดยรุ่นแรกของ LS คือ การนำโตโยต้า เซลซิเออร์ ซึ่งเป็นโมเดลที่มีขายเฉพาะในตลาดญี่ปุ่นมารีแบรนด์ขายในชื่อเล็กซัส และโตโยต้าใช้วิธีนี้ในการทำตลาดมานานจนกระทั่งในปี 2005 เมื่อต้องการนำแบรนด์เล็กซัสกลับมาขายในญี่ปุ่น ก็เลยต้องเปลี่ยนแนวคิด
รุ่นที่แล้วที่เปิดตัวเมื่อปี 2005 หรือเป็นเจนเนอเรชั่นที่ 4 ของสายพันธุ์ LS ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ เพราะเล็กซัสแยกพัฒนารถยนต์ของตัวเองออกมา และในตลาดญี่ปุ่นรถยนต์ของโตโยต้าที่เคยเป็นร่างจำแลงให้กับเล็กซัสในการทำตลาดก็ค่อยๆ ถูกถอดออกจากโชว์รูม จึงเรียกได้ว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่นำไปสู่การปฏิวัติแนวทางในการทำตลาดของเล็กซัสอย่างแท้จริง
สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดเล็กซัสนำออกเปิดตัวครั้งแรกในงานโชว์ที่ซานฟรานซิสโก ประเทศสหรัฐอเมริกาเมื่อต้นเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา แต่ที่น่าสนใจจนไม่อยากที่จะนับเป็นสายพันธุ์ที่ 5 คือ นี่ไม่ใช่การโมเดลเชนจ์ประเภทเปลี่ยนใหม่หมดทั้งคัน
เพราะโครงสร้างตัวถังหลักของรุ่นนี้ยกชุดมาจาก LS Series รุ่นที่แล้วโดยสังเกตได้จากแนวโครงสร้างตัวถังหลักและรูปทรงของประตูทั้งบานหน้าและบานท้าย โดยทางเล็กซัสจัดการเปลี่ยนเปลือกนอกของตัวถังใหม่หมด โดยได้รับการออกแบบตามแนวทางของเล็กซัส และอ้างอิงแนวทางที่หลายคนคุ้นเคยกันมาแล้วกับรถยนต์ระดับกลางอย่าง GS
รุ่นนี้มีให้เลือกสัมผัสด้วยตัวถัง 4 ประตูระดับหรู โดยมีทั้งรุ่นธรรมดา (2,970 มิลลิเมตร) และรุ่นฐานล้อยาว (3,091) ที่มีรหัส L ต่อท้าย โดยเครื่องยนต์มีทางเลือกเหมือนกับรุ่นที่แล้วซึ่งเริ่มต้นกับรหัส LS460 พร้อมเครื่องยนต์วี8 4,600 ซีซี 386 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที และแรงบิดสูงสุด 50.6 กก.-ม. ที่ 4,100 รอบ/นาทีสำหรับรุ่นขับเคลื่อนล้อหลัง แต่ถ้าเป็นรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อกำลังและแรงบิดจะลดลงมาอยู่ที่ 360 แรงม้า และ 47.9 กก.-ม. ตามลำดับ ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
ส่วนใครที่ชอบความประหยัดก็สัมผัสได้กับรุ่นไฮบริดในรุ่น LS600hL ใช้เครื่องยนต์ 2UZ-FSE จับคู่กันระหว่างขุมพลังเบนซินวี8 5,000 ซีซีกับมอเตอร์ไฟฟ้า รีดกำลังออกมาได้ 389 แรงม้า ที่ 6,400 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 53.1 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT ส่วนแบตเตอรี่เป็นแบบนิเกลเมทัลไฮดราย มีอัตราเร่ง 0-96 กิโลเมตร/ชั่วโมงใน 5.5 วินาที และความเร็วสูงสุด 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ขณะที่รุ่น F-Sport จะขายกับเครื่องยนต์ 4,600 ซีซี ด้วยการเสริมสเกิร์ตรอบคัน และลดความสูงของตัวถังลงมา เช่นเดียวกับล้อแม็กที่ขยายขนาดเป็น 19 นิ้ว
เปิดตัวออกมาแล้วก็จริง แต่ต้องรออีกสักระยะในการเผยราคาจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดย LS Series ใหม่ แต่ไม่ใหม่ทั้งหมด จะเริ่มทำตลาดในสหรัฐอเมริกาช่วงปลายปีนี้ จากนั้นจะเริ่มทยอยทำตลาดทั่วโลกตั้งแต่ต้นปี 2013 เป็นต้นไป