xs
xsm
sm
md
lg

มิตซูฯทุ่มพันล้านเพิ่มกำลังผลิตมิราจ2แสนคัน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ข่าวในประเทศ-วานนี้ (13 ก.ค.) มิตซูบิชิจัดพิธีส่งออกบริเวณท่าเรือแหลมฉบัง สำหรับรถยนต์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ “มิราจ” จากประเทศไทยไปประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกจำนวน 560 คัน จากจำนวนทั้งหมดในปีนี้ 3.7 หมื่นคัน คุยกระแสตอบรับดีครึ่งปีแรกขายในไทยกว่า 6 พันคัน ดันยอดจองนับจากวันเปิดตัวทะลุ 3 หมื่นคันแล้ว พร้อมประกาศทุ่มเงินก้อนใหม่กว่าหนึ่งพันล้านบาท หวังเพิ่มกำลังการผลิตถึง 2 แสนคันต่อปี

โนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยในงานฉลองการส่งออกรถยนต์นั่งขนาดเล็กรุ่นใหม่ “มิราจ” บริเวณท่าเรือแหลมฉบัง จากประเทศไทยไปยังประเทศญี่ปุ่นเป็นครั้งแรกว่า มิราจ รุ่นที่ส่งไปจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่น ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1000 ซีซี. โดยการส่งครั้งนี้จำนวน 560 คัน จากเป้าหมายส่งออกทั้งปีอยู่ที่ 37,000 คัน

“ในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ที่ประเทศญี่ปุ่น มิราจมียอดจองแล้วกว่า 2,000 คัน โดยมีกำหนดขายในปลายเดือนสิงหาคมนี้ สนนราคาประมาณ 1 ล้านเยน หรือราว 4 แสนบาท โดยสีที่ส่งไปมีทั้งหมด 8 สี และมีสีใหม่คือ สีม่วง ซึ่งในปีหน้าอาจจะมีสีนี้ทำตลาดในไทยด้วย”


โนบุยูกิ มูราฮาชิ กล่าวว่า จากเดิมตั้งเป้าจำหน่ายมิราจในไทยเฉลี่ยเดือนละ 2,000คัน ขณะที่ยอดขายล่าสุด 6 เดือนแรก(ม.ค.-มิ.ย.)ของปีนี้อยู่ที่ 6,095 คัน มียอดจองสะสมนับจากวันเปิดตัวกว่า 3 หมื่นคันแล้ว ส่วนรุ่นอื่นๆ แบ่งออกเป็น ไทรทัน 30,313 คัน, ปาเจโร สปอร์ต 12,656 คัน, แลนเซอร์ 2,150 คัน, แลนเซอร์ อีเอ็กซ์ 1,537 คัน และอื่นๆ 5 คัน รวมทั้งหมดอยู่ที่ 51,233 คัน

“เป้าหมายยอดขายรถยนต์มิตซูบิชิรวมในปีนี้ปรับใหม่อยู่ที่ 1.2 แสนคัน นำโดยมิราจ 36,000 คัน ไทรทัน 55,000 คัน ปาเจโร สปอร์ต 25,000 คัน แลนเซอร์และแลนเซอร์ อีเอ็กซ์รวมกัน 4,000 คัน โดยมองตลาดรวมน่าจะทะลุ 1.2 ล้านคัน”

ด้านการผลิตรถยนต์มิตซูบิชิ มิราจ อยู่ในโรงงานใหม่แห่งที่ 3 โดยมีกำลังการผลิต 1.22 แสนคันต่อปี แบ่งเป็นขายในประเทศ 51,000 คัน ส่งออกไปญี่ปุ่น 37,000 คัน และประเทศอื่นๆ อีก 34,000 คัน

“ในปีหน้าเราจะผลิตเต็มกำลังที่ 1.5 แสนคันต่อปี และจะลงทุนเพิ่มอีกหนึ่งพันล้านบาท ไม่รวมจากเดิมที่เคยลงทุนในโรงงานแห่งนี้ไปแล้ว 1.6 พันล้านบาท เพื่อขยายกำลังการผลิตอีก 5 หมื่นคัน โดยตั้งเป้าให้สามารถทำได้ถึง 2 แสนคันต่อปี” โนบุยูกิ มูราฮาชิ กล่าวสรุป
กำลังโหลดความคิดเห็น