ยูมา มอเตอร์ส นำรถสปอร์ตสุดหรู “ปอร์เช่ GT3 RS 4.0” ที่ผลิตขึ้นเพียง 600 คันทั่วโลก มาเอาใจบรรดาผู้คลั่งใคล้ความเร็วให้ได้สัมผัสความแรงระดับ 500 แรงม้า ด้วยสนนราคาที่เศรษฐีกระเป๋าหนักพร้อมจ่าย 18 ล้านบาท
สำหรับการพัฒนารถสปอร์ตคันนี้ถือเป็นการผสมผสานคุณลักษณะทั้งหมดของรถสปอร์ตที่ใช้สำหรับลงแข่งขันในรายการจีที 3 กับรถยนต์เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวันจริงๆ เข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ด้วยลักษณะเด่นของการขับขี่แบบมอเตอร์สปอร์ต โดยใช้เครื่องยนต์ 6 สูบ ความจุ 4 ลิตร ซึ่งเป็นเครื่องยนต์สมรรถนะสูงสุดในบรรดาเครื่องของปอร์เช่ รุ่น 911 ออกแบบโดยทีมวิศวกรเฉพาะด้านเพื่อการพัฒนารถแข่งโดยตรง การทำงานกระบอกสูบถูกออกแบบให้มีช่วงชักสั้น เลือกใช้เพลาข้อเหวี่ยงที่ผลิตจากไทเทเนียม ซึ่งได้รับการยอมรับว่าแข็งแกร่งทนทาน มีอัตราส่วนกำลังอัด 12.6:1 สามารถสร้างกำลังได้สูงสุด 368 กิโลวัตต์ หรือ 500 แรงม้าที่ 8,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 460 นิวตันเมตรที่ 5,750 รอบต่อนาที
ระบบเกียร์แบบสปอร์ต 6 สปีด สามารถทำความเร็วที่ 200 กม./ชม. ได้ภายในเวลาเพียง 12 วินาที และทำความเร็วได้สูงสุด 310 กม./ชม. โดยเพิ่มความเร้าใจด้วยการติดตั้งโหมดสปอร์ตที่คอนโซลด้านหน้ามีปุ่มกดไว้ตรงกลาง สามารถเพิ่มแรงบิดในช่วงรอบปานกลางโดยจะทำให้มีแรงบิดเพิ่ม 35 นิวตันเมตรโดยที่รอบไม่เปลี่ยนแปลง ในขณะที่แรงบิดสูงสุดยังคงที่
GT3 RS 4.0 ได้รับการเสริมแคชซีส์ให้มีคุณสมบัติโดดเด่นเพื่อการแข่งขันโดยปรับปรุงระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัวใหม่ ด้วยระบบอิเล็คทรอนิกที่สามารถเลือกเปิด-ปิดการทำงานได้ คุณสมบัติของชิ้นส่วนที่ใช้ประกอบเป็นแคชซีส์มีน้ำหนักเบาทำจากอลูมิเนียม ชนิดพิเศษพร้อมการตั้งค่าความแข็งของสปริง ในสเปคเดียวกันกับ 911 GT เรซซิ่ง คาร์ ซึ่งเป็นรถในสนามแข่งด้วยการเพิ่มขดลวดสปริงที่ด้านหน้าและการตั้งค่าสปริงใหม่ เช่นเดียวกับสปริงของรถแข่งจริงในสนาม
ทั้งนี้ วิศวกรทำการปรับปรุงฟายวีลใหม่ให้สามารถรองรับแรงบิดได้สูง ท่อไอดีของรถออกแบบให้มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางขนาดใหญ่แต่ระยะท่อสั้นลง ซึ่งทำให้ท่อรูปกรวยนี้ดูดอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ กรองอากาศคัดพิเศษผลิตจากคาร์บอน และหม้อกรองใหญ่ใส้กรองทำจากกระดาษชนิดบางพิเศษ มีแรงต้านทานน้อยซึ่งเป็นแบบที่ใช้ในรถแข่งช่วยให้สามารถลดแรงต้านทานอากาศลงได้ถึง 10% ในขณะที่ไอเสียจากการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ผ่านระบบกรองมลพิษตามมาตรฐานยูโร 5
สำหรับรูปลักษณ์ตัวถังด้านบนออกแบบให้มีทรงโค้งตามหลักอากาศพลศาสตร์ เมื่ออากาศเคลื่อนประทะตัวรถจะสร้างแรงกดเพิ่มขึ้นในบริเวณเพลาหน้า และเมื่ออากาศไหลผ่านสปอร์ยเลอร์หลัง ลักษณะฐานล้อหลังที่กางออกทำให้รถเข้าสู่ภาวะสมดุล ซึ่งหมายถึงระบบแอโรไดนามิคทำงานเต็มรูปแบบทำให้รถมีเสถียรภาพมากขึ้น
ด้านความสำคัญของการออกแบบชิ้นส่วนต่างๆ อยู่ที่การเลือกวัสดุที่มีน้ำหนักเบามาเป็นส่วนประกอบ เช่น เบาะบักเก็ตซีท ทำจากวัสดุพิเศษ, ฝากระโปรงหน้าทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ที่มีคุณสมบัติของความแข็งแกร่งเหนือกว่าเหล็กแต่น้ำหนักน้อยกว่ามาก ซุ้มหน้าและกันชนหน้าผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ กระจกหลังและแผงดักลมด้านหลังที่ติดอยู่กับหน้าต่างทำจากเส้นใยโพลียูรีเทนชนิดเสริมแรง ในขณะที่พลาสสติกครอบด้านหลังทำจากวัสดุพิเศษเสริมใยแก้ว กระจกด้านหลังเป็นโพลีคาร์บอเนท ชีท ลักษณะโปร่งแสง น้ำหนักเบา ทนแรงกระแทก ผลิตจากโพลีคาร์บอเนทชนิดที่ใช้ในรถแข่งขันตามมาฐาน FIA แบตเตอรี่เลือกใช้แบบลิเธียมไอออน ออกแบบเป็นพิเศษด้วยการลดน้ำหนักและบำรุงรักษาง่าย
ด้วยคุณสมบัติของการออกแบบและการเลือกใช้วัสดุ ทำให้น้ำหนักของ GT3 RS 4.0 พร้อมน้ำมันเชื้อเพลิงเต็มถังมีน้ำหนักรวมเพียง 1,360 กิโลกรัม เท่านั้น ส่งผลให้อัตราส่วนของแรงม้า/น้ำหนักอยู่ในสัดส่วน 2.72 กก./1 แรงม้า ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐานของรถระดับเดียวกันที่มีสัดส่วนถึง 3 กก./1แรงม้า
ขณะที่การยึดเกาะถนนใช้ยางแบบสปอร์ตสมรรถนะสูงทั้ง 4 ล้อ ล้อหน้าขนาด 245/35 ZR 19 และล้อหลังขนาด 325/30 ZR 19 พร้อมระบบตรวจสอบแรงดันลมยางอัตโนมัติ เลือกใช้ดิสก์เบรกที่ทำจากเซรามิก โดยเส้นผ่านศูนย์กลางจานเบรกหน้าขนาด 380 ม.ม. และขนาด 350 ม.ม.สำหรับล้อหลัง พร้อมระบบระบายอากาศที่ออกแบบเป็นพิเศษ โดยนำระบบลมส่งผ่านท่อช่วยลดความร้อนของจานเบรก พร้อมระบบล็อคล้อเป็นแบบเซ็นทรัลล็อคที่ดุม (ออฟชัน) แทนการใช้น็อตล้อแบบรถทั่วไป ทำให้ผู้ขับขี่ได้อารมณ์ความรู้สึกแบบรถแข่งในสนาม
“ปอร์เช่ GT3 RS” เวอร์ชัน 4.0ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 600 คันทั่วโลก และพร้อมให้เศรษฐีชาวไทยจับจองแล้ววันนี้ ด้วยสนนราคา 18 ล้านบาท