งานดีเจก็เลิศ งานละครก็แน่น สำหรับ ธนัชพันธ์ บูรณาชีวาวิไล หรือ"ดีเจบุ๊คโกะ" จากวัยเด็กที่มีความฝันอยากเป็นดีเจและตอนนี้สามารถส่งน้ำเสียงเฮฮา เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มให้กับผู้ฟังอยู่บนหน้าปัดคลื่น 94 อีเอฟเอ็ม ตามอย่างที่ฝันเอาไว้ นอกจากเรื่องของหน้าที่การงานแล้ววันนี้เราจะพูดคุยกับบุ๊คโกะในเรื่องของรถยนต์ที่ขอบอกว่าแซ่บไม่แพ้กัน
บุ๊คโกะบอกว่าเริ่มขับรถตอนอายุ 16 ปีโดยมีคุณพ่อเป็นคนสอนแต่ด้วยความที่ท่านดุมาก เลยเรียนไปกลัวไปขับยังไม่แข็งเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังมีวีกรรมแซบๆคันๆที่ทำไว้เกี่ยวกับเรื่องการขับรถมากมาย
"ด้วยความคันว่าฉันเป็นแล้วเลยไปขับเอง สรุปว่าการขับรถครั้งนั้นของบุ๊คโก๊ะเลวร้ายมากคือวันนั้นพ่อไม่อยู่เราไปเรียกคนข้างบ้านมาสตาร์ทรถให้หน่อย แล้วพี่ข้างบ้านเลยถามว่าขับเป็นหรอ เราก็บอกว่าอู๊ยตายทำไมจะขับไม่เป็น แต่ว่ากุญแจมันแข็งมันบิดไม่ได้ พอถึงตอนนั้นขับออกไปลืมคืนพวงมาลัย มันไม่ได้เหมือนสมัยนี้ สมัยก่อนมันเป็นพวงมาลัยแมนนวล พุ่งชนเข้าบ้านเค้าโต๊ะไม้หินแตกละเลียดเลย หลังจากนั้นเลยรู้สึกว่าเราจะไม่ขับรถ มันฝังใจว่ามันไม่ดี"
จนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัยปี 4 ซึ่งบุ๊คโกะเริ่มทำงานหาเงินเองแล้ว แต่ไม่มากนักประกอบกับต้องเสียค่าแท็กซี่เกือบทุกวัน คิดว่าไม่คุ้มกัน จึงตัดสินใจไปจองรถแล้วหลังจากนั้นไปเรียนขับรถ แต่ด้วยความที่ไม่ได้ขับมานานทำให้บุ๊คโกะตื่นเต้นมากแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนกระทั่งมาถึงการสอบใบขับขี่
"ลงคลาสเรียนไว้ทั้งหมด 6 ชั่วโมง วันแรกเขาก็ยื่นกุญแจให้ถามว่าขับเองได้ไหมเราก็มั่นใจ ครูเลยให้ขับเข้าซอยเสือใหญ่ซึ่งแคบและคนเยอะรถแน่นมาก เราก็มือไม้สั่นไปหมด สรุปว่าเรียนไป 4 ชั่วโมงเรารู้สึกว่าขับได้แล้ว เลยไปสอบใบขับขี่ สรุปว่าสอบผ่าน โอโห..เส้นยาแดงผ่าแปด ข้อเขียน 30 ต้องผ่าน 23 แล้วเราได้พอดี สอบปฏิบัติเลี้ยวเข้าเลี้ยวออก ไม่ผ่านตรงเลี้ยวเข้าซองอย่างเดียวนอกนั้นผ่านหมด พอสอบผ่านแล้วเราก็กรี๊ดใส่เจ้าหน้าที่เลยแบบว่าดีใจมาก"
หลังจากนั้นบุ๊คโกะเลยมีรถคันแรกของตัวเอง คือ โตโยต้า วีออส และใช้มาถึงปัจจุบัน แถมยังมีชื่อว่า "รวย กัน ที" เพราะตั้งแต่มีรถคันนี้บุ๊คโกะบอกว่ามีงานเข้ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานดีเจ รวมถึงงานละครและพิธีกร ทำให้รักและหวงรถคันนี้มาก จะดูแลอย่างดีมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แต่ที่เน้นเป็นพิเศษคือเรื่องการดูแลภายในรถเพราะบุ๊คโกะไม่ชอบให้มีฝุ่นเยอะๆ
"รักรถคันนี้มาก มีทั้งเฉี่ยว ทั้งชน อยู่คู่กับเรามาตั้งแต่ทำงานใหม่ๆ ก่อนออกรถก็จะลูบๆพวงมาลัยบอกวันนี้สุดฤทธิ์นะลูกวิ่งงานทั้งวันก็ไม่มีปัญหา แต่ปีนี้คิดว่าอาจจะซื้อรถใหม่สักคันเพราะว่าของเราเยอะมากงานก็เยอะไม่อยากขับรถเองแล้ว มองซีอาร์-วีไว้ไม่ก็เป็นรถตู้ไปเลยเก็บของได้เยอะดี คือบุ๊คโกะจะเป็นคนชอบกินมาก ตอนขับวีออสยังอยากเอาตู้เย็นยัดเข้าไปเลย แต่ถ้าเป็นรถในฝันแบบชอบมาตั้งแต่เด็กๆนะ บุ๊คโกะชอบมินิมากๆแต่รู้นะว่ามันไม่เข้ากับตัวเอง"
พูดถึงรถในฝันไปแล้วแต่ขาดไม่ได้สำหรับตุ๊กตาหน้ารถของบุ๊คโกะที่ขอเป็นหนุ่ม เปปเปอร์ รัฐศาสตร์ กรสูต เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้บุ๊คโกะได้มีโอกาสได้ร่วมงานด้วยจนรู้สึกประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษมาก มีน้ำใจ ใครร่วมงานด้วยแล้วมีความสุข นอกจากนี้บุ๊คโกะยังฝากถึงผู้ที่ขับขี่รถยนต์ว่าอยากให้อยากให้คิดถึงใจเขาใจเราบ้าง ทุกวันนี้ดูแข่งขันกันเกินไป น้อยครั้งจะเจอคนมีน้ำใจ
สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของดีเจบุ๊คโกะอดใจรออีกนิดเพราะกำลังจะมีผลงานพ็อกเก็ตบุ๊คที่ชื่อว่า “บุ๊คโก๊ะแซ่บเวอร์” เป็นเรื่องราวของการทำอาหารในแบบฉบับของ บุ๊คโก๊ะเพราะโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบทำอาหาร ซึ่งได้วิธีการทำอาหารมาจากคุณพ่อ ซึ่งเจ้าตัวรับรองว่าแซ่บไม่แพ้เรื่องรถยนต์แน่นอน.....
บุ๊คโกะบอกว่าเริ่มขับรถตอนอายุ 16 ปีโดยมีคุณพ่อเป็นคนสอนแต่ด้วยความที่ท่านดุมาก เลยเรียนไปกลัวไปขับยังไม่แข็งเท่าไหร่ นอกจากนี้ยังมีวีกรรมแซบๆคันๆที่ทำไว้เกี่ยวกับเรื่องการขับรถมากมาย
"ด้วยความคันว่าฉันเป็นแล้วเลยไปขับเอง สรุปว่าการขับรถครั้งนั้นของบุ๊คโก๊ะเลวร้ายมากคือวันนั้นพ่อไม่อยู่เราไปเรียกคนข้างบ้านมาสตาร์ทรถให้หน่อย แล้วพี่ข้างบ้านเลยถามว่าขับเป็นหรอ เราก็บอกว่าอู๊ยตายทำไมจะขับไม่เป็น แต่ว่ากุญแจมันแข็งมันบิดไม่ได้ พอถึงตอนนั้นขับออกไปลืมคืนพวงมาลัย มันไม่ได้เหมือนสมัยนี้ สมัยก่อนมันเป็นพวงมาลัยแมนนวล พุ่งชนเข้าบ้านเค้าโต๊ะไม้หินแตกละเลียดเลย หลังจากนั้นเลยรู้สึกว่าเราจะไม่ขับรถ มันฝังใจว่ามันไม่ดี"
จนกระทั่งเรียนมหาวิทยาลัยปี 4 ซึ่งบุ๊คโกะเริ่มทำงานหาเงินเองแล้ว แต่ไม่มากนักประกอบกับต้องเสียค่าแท็กซี่เกือบทุกวัน คิดว่าไม่คุ้มกัน จึงตัดสินใจไปจองรถแล้วหลังจากนั้นไปเรียนขับรถ แต่ด้วยความที่ไม่ได้ขับมานานทำให้บุ๊คโกะตื่นเต้นมากแต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดีจนกระทั่งมาถึงการสอบใบขับขี่
"ลงคลาสเรียนไว้ทั้งหมด 6 ชั่วโมง วันแรกเขาก็ยื่นกุญแจให้ถามว่าขับเองได้ไหมเราก็มั่นใจ ครูเลยให้ขับเข้าซอยเสือใหญ่ซึ่งแคบและคนเยอะรถแน่นมาก เราก็มือไม้สั่นไปหมด สรุปว่าเรียนไป 4 ชั่วโมงเรารู้สึกว่าขับได้แล้ว เลยไปสอบใบขับขี่ สรุปว่าสอบผ่าน โอโห..เส้นยาแดงผ่าแปด ข้อเขียน 30 ต้องผ่าน 23 แล้วเราได้พอดี สอบปฏิบัติเลี้ยวเข้าเลี้ยวออก ไม่ผ่านตรงเลี้ยวเข้าซองอย่างเดียวนอกนั้นผ่านหมด พอสอบผ่านแล้วเราก็กรี๊ดใส่เจ้าหน้าที่เลยแบบว่าดีใจมาก"
หลังจากนั้นบุ๊คโกะเลยมีรถคันแรกของตัวเอง คือ โตโยต้า วีออส และใช้มาถึงปัจจุบัน แถมยังมีชื่อว่า "รวย กัน ที" เพราะตั้งแต่มีรถคันนี้บุ๊คโกะบอกว่ามีงานเข้ามาตลอด ไม่ว่าจะเป็นงานดีเจ รวมถึงงานละครและพิธีกร ทำให้รักและหวงรถคันนี้มาก จะดูแลอย่างดีมาตลอด 4 ปีที่ผ่านมา แต่ที่เน้นเป็นพิเศษคือเรื่องการดูแลภายในรถเพราะบุ๊คโกะไม่ชอบให้มีฝุ่นเยอะๆ
"รักรถคันนี้มาก มีทั้งเฉี่ยว ทั้งชน อยู่คู่กับเรามาตั้งแต่ทำงานใหม่ๆ ก่อนออกรถก็จะลูบๆพวงมาลัยบอกวันนี้สุดฤทธิ์นะลูกวิ่งงานทั้งวันก็ไม่มีปัญหา แต่ปีนี้คิดว่าอาจจะซื้อรถใหม่สักคันเพราะว่าของเราเยอะมากงานก็เยอะไม่อยากขับรถเองแล้ว มองซีอาร์-วีไว้ไม่ก็เป็นรถตู้ไปเลยเก็บของได้เยอะดี คือบุ๊คโกะจะเป็นคนชอบกินมาก ตอนขับวีออสยังอยากเอาตู้เย็นยัดเข้าไปเลย แต่ถ้าเป็นรถในฝันแบบชอบมาตั้งแต่เด็กๆนะ บุ๊คโกะชอบมินิมากๆแต่รู้นะว่ามันไม่เข้ากับตัวเอง"
พูดถึงรถในฝันไปแล้วแต่ขาดไม่ได้สำหรับตุ๊กตาหน้ารถของบุ๊คโกะที่ขอเป็นหนุ่ม เปปเปอร์ รัฐศาสตร์ กรสูต เนื่องจากเมื่อไม่นานมานี้บุ๊คโกะได้มีโอกาสได้ร่วมงานด้วยจนรู้สึกประทับใจในความเป็นสุภาพบุรุษมาก มีน้ำใจ ใครร่วมงานด้วยแล้วมีความสุข นอกจากนี้บุ๊คโกะยังฝากถึงผู้ที่ขับขี่รถยนต์ว่าอยากให้อยากให้คิดถึงใจเขาใจเราบ้าง ทุกวันนี้ดูแข่งขันกันเกินไป น้อยครั้งจะเจอคนมีน้ำใจ
สำหรับใครที่เป็นแฟนคลับของดีเจบุ๊คโกะอดใจรออีกนิดเพราะกำลังจะมีผลงานพ็อกเก็ตบุ๊คที่ชื่อว่า “บุ๊คโก๊ะแซ่บเวอร์” เป็นเรื่องราวของการทำอาหารในแบบฉบับของ บุ๊คโก๊ะเพราะโดยส่วนตัวแล้วเป็นคนชอบทำอาหาร ซึ่งได้วิธีการทำอาหารมาจากคุณพ่อ ซึ่งเจ้าตัวรับรองว่าแซ่บไม่แพ้เรื่องรถยนต์แน่นอน.....