xs
xsm
sm
md
lg

125 ปีเพื่อความปลอดภัยจากเมอร์เซเดส-เบนซ์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เมื่อย้อนไปในปี ค.ศ.1886 รถ “เบนซ์ เพเทนท์ มอเตอร์ คาร์” รถยนต์คันแรกของโลกได้ถูกประดิษฐ์ขึ้น ช่วยให้วิถีการดำเนินชีวิตในสังคมเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องการเดินทางที่ “รถยนต์” เข้ามามีบทบาทต่อการชีวิตประจำวันของคนมากขึ้น ตลอด 125 ปี หรือกว่าหนึ่งศตวรรษที่ผ่านมา รถยนต์ได้รับการพัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง “เมอร์เซเดส-เบนซ์” ในฐานะผู้นำแห่งโลกยานยนต์ ยังคงเดินหน้าคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง


ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง รูปลักษณ์ ดีไซน์ สมรรถนะ ตลอดจนเทคโนโลยีความปลอดภัยที่ทรงประสิทธิภาพ ซึ่งความก้าวหน้าทั้งหมดนี้ช่วยให้ผู้ขับขี่ได้รับความสะดวกสบายและความเพลิดเพลินในการขับขี่มากขึ้น ที่สำคัญยังช่วยปกป้องชีวิตของผู้ขับขี่ รวมถึงผู้ที่สัญจรไปมาบนท้องถนนได้มากขึ้นด้วยเช่นกัน

 เพื่อให้ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลถึงเรื่องต่างๆ ในระหว่างการขับขี่ และมีสมาธิในการขับรถไปข้างหน้าได้อย่างปลอดภัย ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นฟังก์ชั่นการควบคุมสมรรถนะรถยนต์ การดีไซน์ตามหลักสรีรศาสตร์ การควบคุมระบบปรับอากาศภายในรถ อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเพื่อให้ง่ายต่อการขับขี่ และปัจจัยต่างๆ ที่สามารถช่วยสร้างความสะดวกสบายอย่างเหนือชั้นให้แก่ ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ ตลอดจนการช่วยเสริมให้การขับขี่เป็นไปอย่างราบรื่น

ในปี ค.ศ.1931 นับเป็นครั้งแรกที่ได้มีการผสานการใช้งานระบบช่วงล่างแบบอิสระกับล้อทั้ง 4 ล้อ โดยทำงานร่วมกับแกนล้อ แบบ Swing axle ทำให้การขับขี่มีความนุ่มนวล ผู้ขับขี่สามารถขับรถได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการขับระยะใกล้หรือไกล ต่อมาในปี ค.ศ.1961 มีการนำระบบช่วงล่างแบบ Air suspension เข้ามาใช้ในรถเมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น 300 SE ซึ่งระบบนี้ช่วยสร้างความสมดุลให้แก่การขับขี่ ด้วยการช่วยลดแรงสั่นสะเทือนอันเกิดจากสภาพพื้นผิวถนนที่ขรุขระ

ในปี 1998 เมอร์เซเดส-เบนซ์ได้พัฒนานวัตกรรมเพื่อความสะดวกสบายในการขับขี่อันเป็นที่กล่าวขวัญเป็นอย่างมากในอุตสาหกรรมยานยนต์ นั่นคือ ระบบ AIRMATIC หรือ Adaptive Intelligent Ride Control ซึ่งเป็นระบบที่บูรณาการการทำงานของช่วงล่างแบบ Air suspension เข้ากับระบบ ADS (Adaptive Damping System) ให้การควบคุมการเคลื่อนไหวของล้อแต่ละข้างเป็นไปอย่างอิสระ และยังสามารถปรับการทำงานตามสภาพการขับขี่บนพื้นผิวถนนในลักษณะต่างๆ

รวมไปถึงสไตล์การขับขี่ ในปี ค.ศ.2003 ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการยานยนต์ถูกเขียนขึ้นอีกครั้งเมื่อ เมอร์เซเดส-เบนซ์ ได้พัฒนาเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะโดยนำมาใช้กับรถยนต์นั่งโดยสารรุ่นต่างๆ มากมาย อาทิ E 500, S 430, S 500, CL 500 และ SL 500 V8 เป็นครั้งแรกของโลก


และล่าสุดในปี 2010 เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะนี้ก็ได้รับการพัฒนาให้เป็นเจเนอเรชั่นใหม่ที่เรียกว่า 7G-TRONIC PLUS ทำให้การปรับเปลี่ยนเกียร์เป็นไปอย่างราบเรียบและนุ่มนวลโดยนำมาใช้กับรุ่นท็อปโมเดลอย่าง CL-Class และ S-Class ที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์แบบ BlueDIRECT ที่ช่วยประหยัดการใช้น้ำมันถึง 24%

นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกในขณะจอดรถอย่างระบบช่วยการนำรถเข้าจอด (Parking Assist System) ผ่านเซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC) ที่ช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถจอดรถได้อย่างง่ายดายมากขึ้น โดยมีกล้องแสดงภาพจับภาพด้านหลังขณะถอยรถ และถ่ายทอดสัญญาณภาพให้ปรากฏบนจอแสดงผล (COMAND Display) ช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นสิ่งกีดขวางได้อย่างชัดเจน และสามารถกะระยะได้แม่นยำยิ่งขึ้น โดยได้ถูกนำมาใช้เป็นครั้งแรกในรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่น S-Class ในปีค.ศ. 2005

นวัตกรรมด้านความสะดวกสบายเป็นสิ่งที่นำพามาซึ่งความปลอดภัย โดย เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาและคิดค้นอย่างไม่หยุดยั้ง ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการให้ “รถยนต์” เป็นมากกว่าพาหนะที่เคลื่อนที่ได้เพียงอย่างเดียว เพราะเราเชื่อว่า ความสะดวกสบายเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ช่วยให้ผู้ขับขี่เกิดความมั่นใจและสามารถขับขี่ได้อย่างปลอดภัย



กำลังโหลดความคิดเห็น