ข่าวในประเทศ- “วอลโว่ กรุ๊ป” และ “ตันจง” บรรลุข้อตกลงการโอนสิทธิ์ประกอบและจัดจำหน่ายรถบรรทุกและรถหัวลาก “ยูดี ทรัค” พร้อมทุ่มเงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท หวังขยายเครือข่ายการขายและบริการ ตั้งเป้าภายใน 3 ปี ฟื้นส่วนแบ่ง 15% จากตลาดโดยรวมอีกครั้ง
คริสตอฟ มาร์แตง ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงกับทางบริษัท ตันจง จำกัด ซึ่งเป็นอดีตผู้ถือสิทธิ์ประกอบและจัดจำหน่าย รถบรรทุกและรถหัวลากยูดี (นิสสันดีเซลเดิม) โดยโอนสิทธิ์การประกอบและจัดจำหน่ายรถบรรทุกและรถหัวลากยูดีให้แก่ทางวอลโว่ กรุ๊ปฯ ขณะที่ทางวอลโว่ กรุ๊ปฯ ได้วางใจให้บริษัท ตันจง จำกัด ดูแลในส่วนของการประกอบรถให้ในช่วงแรก และพร้อมประกอบเองภายในต้นปี พ.ศ. 2556
“เราได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอดระยะเวลาหลายเดือน จนในที่สุดก็สามารถบรรลุข้อตกลงที่ทุกฝ่าย เห็นพ้องร่วมกัน และการไม่เปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ในข้อตกลงนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่ทั้ง 2 บริษัทได้ลงนามกันไปแล้ว และหลังจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะทุ่มเม็ดเงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท เพื่อขยายเครือข่ายด้านการประกอบรถ การจัดจำหน่าย และการบริการ รวมไปถึงการลงทุนด้านบุคลากร เพิ่มเติมจากที่ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท ในส่วนของโรงงานผลิต” คริสตอฟ มาร์แตง กล่าว
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมารถบรรทุกและรถหัวลากยูดีเคยมียอดขายมากกว่า 1,500 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 15% โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าไว้ว่า ภายหลังจากเข้าไปบริหารกิจการของ ยูดี ทรัคส์ จะสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาด 15% กลับคืนจากตลาดรถบรรทุกและรถหัวลากให้ได้ภายใน 3 ปี
คริสตอฟ มาร์แตง กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถบรรทุกและรถหัวลากยูดีที่ยังคงวิ่งให้บริการบนท้องถนน ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 8,000 คัน ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ กำลังดำเนินการเพื่อสร้างเครือข่ายการจำหน่าย และบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการแต่งตั้งดีลเลอร์ ยูดี ทรัคส์ บางแห่งในเดือนธันวาคมนี้ โดยจะแจ้งแผนงานดังกล่าวให้ทราบในโอกาสต่อไป
คริสตอฟ มาร์แตง ประธานกรรมการ บริษัท วอลโว่ กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทฯ ได้บรรลุข้อตกลงกับทางบริษัท ตันจง จำกัด ซึ่งเป็นอดีตผู้ถือสิทธิ์ประกอบและจัดจำหน่าย รถบรรทุกและรถหัวลากยูดี (นิสสันดีเซลเดิม) โดยโอนสิทธิ์การประกอบและจัดจำหน่ายรถบรรทุกและรถหัวลากยูดีให้แก่ทางวอลโว่ กรุ๊ปฯ ขณะที่ทางวอลโว่ กรุ๊ปฯ ได้วางใจให้บริษัท ตันจง จำกัด ดูแลในส่วนของการประกอบรถให้ในช่วงแรก และพร้อมประกอบเองภายในต้นปี พ.ศ. 2556
“เราได้มีการพูดคุยกันมาโดยตลอดระยะเวลาหลายเดือน จนในที่สุดก็สามารถบรรลุข้อตกลงที่ทุกฝ่าย เห็นพ้องร่วมกัน และการไม่เปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ในข้อตกลงนั้นก็เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาที่ทั้ง 2 บริษัทได้ลงนามกันไปแล้ว และหลังจากนี้ บริษัทฯ ได้วางแผนที่จะทุ่มเม็ดเงินลงทุนกว่า 2 พันล้านบาท เพื่อขยายเครือข่ายด้านการประกอบรถ การจัดจำหน่าย และการบริการ รวมไปถึงการลงทุนด้านบุคลากร เพิ่มเติมจากที่ได้ลงทุนไปแล้วกว่า 1 พันล้านบาท ในส่วนของโรงงานผลิต” คริสตอฟ มาร์แตง กล่าว
ขณะเดียวกัน ที่ผ่านมารถบรรทุกและรถหัวลากยูดีเคยมียอดขายมากกว่า 1,500 คัน คิดเป็นส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 15% โดยบริษัทฯ ตั้งเป้าไว้ว่า ภายหลังจากเข้าไปบริหารกิจการของ ยูดี ทรัคส์ จะสามารถชิงส่วนแบ่งการตลาด 15% กลับคืนจากตลาดรถบรรทุกและรถหัวลากให้ได้ภายใน 3 ปี
คริสตอฟ มาร์แตง กล่าวว่า ปัจจุบันมีรถบรรทุกและรถหัวลากยูดีที่ยังคงวิ่งให้บริการบนท้องถนน ในประเทศไทยไม่ต่ำกว่า 8,000 คัน ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ กำลังดำเนินการเพื่อสร้างเครือข่ายการจำหน่าย และบริการให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงการแต่งตั้งดีลเลอร์ ยูดี ทรัคส์ บางแห่งในเดือนธันวาคมนี้ โดยจะแจ้งแผนงานดังกล่าวให้ทราบในโอกาสต่อไป
