ด้วยยอดขายบวกกับดาวน์โหลดเพลงเป็นหลักล้านจากแฟน ๆ คงบอกได้ว่าเพลง"ไม่ใช่แฟนทำแทนไม่ได้"ของซูเปอร์สตาร์ลูกทุ่งขวัญใจมหาชนสาวคนนี้ฮิตติดใจคนฟังทั่วทั้งเมืองมากมายขนาดไหน.........เมื่อเรามีโอกาสนั่งคุยกับ "ตั๊กแตน - ชลดา ทองจุลกลาง" ที่ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ เลย ด้วยความฮอตของเธอนั้นทำให้มีงานเข้ามาไม่ขาดสาย ทำให้ชีวิตต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลานับได้ว่าชีวิตของเธอนั้นพูกพันกับเรื่องของรถยนต์ไม่น้อยทีเดียว
ตั๊กแตนย้อนให้ฟังถึงการขับรถครั้งแรกของเธอว่าอาศัยว่าดูเพื่อนๆมาก่อน แล้วมาขับเองด้วยรถกระบะเป็นเกียร์ธรรมดา แต่ไม่กล้าออกถนนเท่าไหร่ เพราะไม่มั่นใจฝีมือตัวเอง จนกระทั่งเริ่มทำงานเพลงแล้วต้องเดินทางเอง
"ไม่อยากจะบอกค่ะว่าเป็นคนที่ตื่นเต้นทุกครั้งเวลาขับรถเอง ทุกวันนี้ยังเป็นรู้สึกว่ามันไม่ชินจะระวังตลอดเวลา ไม่กล้าขับรถเร็วเพราะในกรุงเทพฯรถเยอะ ขับกันตามอารมณ์มากๆ ยิ่งเวลามีคนอื่นนั่งมาด้วยตั๊กแตนจะยิ่งระวังมากขึ้นไปอีก กลัวเกิดอุบัติเหตุค่ะ แต่ถือว่าเป็นข้อดีของเรานะ ถ้าต้องไปนั่งแล้วคนอื่นมาขับ ตอนนี้ใช้หลายคันทั้งรถเก๋งรถกระบะมี แต่ส่วนมากเป็นรถตู้ค่ะเพราะเราไปคอนเสิร์ตมีทีมงานหลายคนไหนจะอุปกรณ์อีก มันสะดวกและประหยัด"
เรื่องของดูแลรถและใช้รถนั้นตั๊กแตนบอกว่าให้ดูที่ลักษณะงานและความเหมาะสมมากกว่าเรื่องของยี่ห้อ หรือราคา เพราะชีวิตส่วนหนึ่งของเธอถือว่าผุกพันกับรถมากไม่ว่าจะกินอยู่หลับนอนเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง
"ลักษณะการใช้รถของตั๊กแตนจะดูที่ว่าวันนี้เราไปไหน ไปกันกี่คน อะไรแบบนี้จะได้เลือกว่าเอารถคันไหนไป ส่วนการเลือกซื้อรถจะเลือกที่ประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก อาจจะมีหลายคันจริง แต่เราใช้งานทั้งหมด ทำให้เกิดความคุ้มค่าและประหยัดเนื่องจากเราใช้งานรถแต่ละประเภทถูกกับลักษณะที่ที่เราจะไป อย่างรถเก๋งที่ใช้อยู่ของตัวเองก็เปลี่ยนมาสองคันในเวลาเจ็ดปี ถือว่าคุ้มมากเพราะเราดูแลดีไม่เคยขาดตกบกพร่อง"
มาถึงเรื่องของรถในฝันที่ตั๊กแตนออกตัวว่าไม่ค่อยมีความคิดเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากว่าถ้าฝันแล้วคงอยากจะมีจริงๆต้องเก็บเงินซื้อหามาอีก
"ตอนนี้ยังไม่กล้าฝันเพราะกลัวว่าถ้าฝันแล้วอยากได้ต้องเก็บเงินซื้ออีกค่ะ แต่ในใจตั๊กแตนชอบพวกรถสปอร์ตนะ เ พราะมันดูเท่ห์ดีเวลาขับ สมัยเด็กๆเราเคยเห็นมีคนขับผ่านมาถึงกับเหลียวหลังว่ามันมีรถสวยๆแบบนี้ด้วยเหรอ อะไรแบบนี้ เลยอยากลองขับเองบ้าง ถ้าให้เลือกเป็นยี่ห้อจะชอบพวกเมอร์เซเดส - เบนซ์เพราะมันดูแข็งแรง ออกแบบมาดูรวมๆแล้วรูหรา"
สำหรับคำถามสุดท้ายของเรากับตั๊กแตนคือเรื่องของตุ๊กตาหน้ารถ ซึ่งสาวคนนี้บอกว่าขอเป็นคนนั่งดีกว่าแล้วให้คนที่ไว้ใจได้มาขับ ประมาณว่าถ้าไม่ใช่แฟน...คงขับแทนไม่ได้....
ตั๊กแตนย้อนให้ฟังถึงการขับรถครั้งแรกของเธอว่าอาศัยว่าดูเพื่อนๆมาก่อน แล้วมาขับเองด้วยรถกระบะเป็นเกียร์ธรรมดา แต่ไม่กล้าออกถนนเท่าไหร่ เพราะไม่มั่นใจฝีมือตัวเอง จนกระทั่งเริ่มทำงานเพลงแล้วต้องเดินทางเอง
"ไม่อยากจะบอกค่ะว่าเป็นคนที่ตื่นเต้นทุกครั้งเวลาขับรถเอง ทุกวันนี้ยังเป็นรู้สึกว่ามันไม่ชินจะระวังตลอดเวลา ไม่กล้าขับรถเร็วเพราะในกรุงเทพฯรถเยอะ ขับกันตามอารมณ์มากๆ ยิ่งเวลามีคนอื่นนั่งมาด้วยตั๊กแตนจะยิ่งระวังมากขึ้นไปอีก กลัวเกิดอุบัติเหตุค่ะ แต่ถือว่าเป็นข้อดีของเรานะ ถ้าต้องไปนั่งแล้วคนอื่นมาขับ ตอนนี้ใช้หลายคันทั้งรถเก๋งรถกระบะมี แต่ส่วนมากเป็นรถตู้ค่ะเพราะเราไปคอนเสิร์ตมีทีมงานหลายคนไหนจะอุปกรณ์อีก มันสะดวกและประหยัด"
เรื่องของดูแลรถและใช้รถนั้นตั๊กแตนบอกว่าให้ดูที่ลักษณะงานและความเหมาะสมมากกว่าเรื่องของยี่ห้อ หรือราคา เพราะชีวิตส่วนหนึ่งของเธอถือว่าผุกพันกับรถมากไม่ว่าจะกินอยู่หลับนอนเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง
"ลักษณะการใช้รถของตั๊กแตนจะดูที่ว่าวันนี้เราไปไหน ไปกันกี่คน อะไรแบบนี้จะได้เลือกว่าเอารถคันไหนไป ส่วนการเลือกซื้อรถจะเลือกที่ประโยชน์ใช้สอยเป็นหลัก อาจจะมีหลายคันจริง แต่เราใช้งานทั้งหมด ทำให้เกิดความคุ้มค่าและประหยัดเนื่องจากเราใช้งานรถแต่ละประเภทถูกกับลักษณะที่ที่เราจะไป อย่างรถเก๋งที่ใช้อยู่ของตัวเองก็เปลี่ยนมาสองคันในเวลาเจ็ดปี ถือว่าคุ้มมากเพราะเราดูแลดีไม่เคยขาดตกบกพร่อง"
มาถึงเรื่องของรถในฝันที่ตั๊กแตนออกตัวว่าไม่ค่อยมีความคิดเรื่องนี้เท่าไหร่นัก เนื่องจากว่าถ้าฝันแล้วคงอยากจะมีจริงๆต้องเก็บเงินซื้อหามาอีก
"ตอนนี้ยังไม่กล้าฝันเพราะกลัวว่าถ้าฝันแล้วอยากได้ต้องเก็บเงินซื้ออีกค่ะ แต่ในใจตั๊กแตนชอบพวกรถสปอร์ตนะ เ พราะมันดูเท่ห์ดีเวลาขับ สมัยเด็กๆเราเคยเห็นมีคนขับผ่านมาถึงกับเหลียวหลังว่ามันมีรถสวยๆแบบนี้ด้วยเหรอ อะไรแบบนี้ เลยอยากลองขับเองบ้าง ถ้าให้เลือกเป็นยี่ห้อจะชอบพวกเมอร์เซเดส - เบนซ์เพราะมันดูแข็งแรง ออกแบบมาดูรวมๆแล้วรูหรา"
สำหรับคำถามสุดท้ายของเรากับตั๊กแตนคือเรื่องของตุ๊กตาหน้ารถ ซึ่งสาวคนนี้บอกว่าขอเป็นคนนั่งดีกว่าแล้วให้คนที่ไว้ใจได้มาขับ ประมาณว่าถ้าไม่ใช่แฟน...คงขับแทนไม่ได้....