xs
xsm
sm
md
lg

Aston Martin DBS Carbon Edition:เอาใจคนรัก Carbon

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปี 2009 แอสตัน มาร์ตินเคยผลิตรุ่นพิเศษที่เรียกว่า Carbon Black ให้กับรุ่น DBS พร้อมกับได้รับความนิยมอย่างมาก นั่นก็เลยเป็นที่มาของโปรเจกต์ต่อเนื่องในชื่อ Carbon Edtion ซึ่งเน้นความสวยโดดเด่นด้วยการนำคาร์บอนไฟเบอร์มาใช้ในการตกแต่งรอบคันทั้งภายนอกและภายใน โดยที่ยังใช้พื้นฐานของสปอร์ตรุ่นเร้าใจอย่างรุ่น DBS ทั้งตัวถังคูเป้ และเปิดประทุน หมือนเดิม

งานนี้มาพร้อมกับความสวยสปอร์ตไม่เหมือนใคร โดยทางแอสตัน มาร์ตินเผยว่า ตัวรถได้รับการเพิ่มสีตัวถังใหม่อีก 2 สี คือ Flame Orange และ Ceramic Grey ส่วนใครที่ชอบความดิบแบบเดิมก็มีโทนสีดำที่เรียกว่า Carbon Black ให้เลือกเหมือนเดิม โดยขั้นตอนในการพ่นสีแต่ละแบบต้องใช้ความพิถีพิถันในการทำงานอย่างมาก

แอสตัน มาร์ตินเผยว่าต้องพ่นทั้งหมด 7 ชั้น และนั่นยังไม่รวมถึงการขัดเพื่อทำให้เกิดประกายแวววาวและสวยสะดุดตาอีกประมาณ 25 ชั่วโมง และถ้าใครอยากที่จะสวยแบบไม่เหมือนใคร ก็มีการเคลือบแล็คเกอร์ชนิดพิเศษแบบ Satin Lacquer ที่ทำให้เกิดพื้นสัมผัสของผิววัสดุที่คล้ายกับลวดลายของผ้าไหมอีกด้วย

สำหรับความพิเศษของตัวรถ ใครที่ตัดสินใจควักเงินจ่ายเพื่อเป็นเจ้าของไม่ผิดหวังอย่างแน่นอน เพราะนอกจากความพิเศษของสีแล้ว ในเวอร์ชันนี้ยังมีความแตกต่างจากรุ่นปกติมากมายไม่ว่าจะเป็นการติดตั้งสปอยเลอร์ทรงใหม่ผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ ล้อแม็กลายพิเศษขนาด 19 นิ้วมีทั้งแบบพ่นดำเงา หรือดำด้านแล้วแต่ต้องการ คาลิเปอร์เบรกก็พ่นสีดำเพื่อให้เข้ากับคอนเซปต์ของตัวรถ หรือถ้าไม่ชอบใจจริงๆ อยากโชว์ให้คนเห็นก็มีสีอื่นๆ ให้เลือก เช่น เหลือง, ส้ม, แดง หรือเทา แต่ทั้งหมดต้องจ่ายเงินเพิ่มเพราะเป็นออพชั่น


ส่วนห้องโดยสารมาพร้อมกับความสวยอย่างโดดเด่นของการใช้คาร์บอนไฟเบอร์ในการตกแต่งชิ้นส่วนต่างๆ เช่น แผงประตู แผงมาตรวัด รวมถึงแผ่น Paddle Shift ของเกียร์อัตโนมัติแบบ Touchtronic II สอดรับกับหนังโทนสีน้ำตาลอ่อนอย่างลงตัว และทุกขั้นตอนในการผลิตและประกอบชิ้นส่วนภายในห้องโดยสารของ DBS ใช้เวลามากกว่า 70 ชั่วโมงทำงานในการจัดการตรงส่วนนี้

ยังเร้าใจเช่นเดิมกับสมรรถนะในการขับเคลื่อนของเครื่องยนต์วี12 ที่มีความจุ 6000 ซีซี 510 แรงม้า ที่ 6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 57.9 กก.-ม. ที่ 5,750 รอบ/นาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

ราคาของ DBS รุ่นนี้อยู่ที่ 287,576 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 8.6 ล้านบาทสำหรับรุ่นคูเป้ และ 302,576 เหรียญสหรัฐฯ หรือ 9.1 ล้านบาทในรุ่นเปิดประทุน ใครที่สนใจความสวยแบบไม่เหมือนใครไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
กำลังโหลดความคิดเห็น