เวอร์ชันพิเศษของเชฟโรเลต คามาโร สปอร์ตพันธุ์ดุจากสหรัฐอเมริกา เตรียมบุกตลาดในปีหน้า กับรหัส ZL1 ที่นำตัวถังเปิดประทุนแบบ 2+2 ที่นั่งมาอัพเกรดความเร้าใจเพื่อเทียบชั้นสปอร์ตชั้นนำจากฝั่งยุโรป ด้วยตัวเลขแรงม้าระดับ 580 ตัว
อัล ออพเฟนไฮเซอร์ หัวหน้าส่วนวิศวกรโครงการพัฒนาคามาโรเผยว่า ZL1 ถือเป็นรหัสร้อนที่เรียกว่าเป็นรุ่นที่มีกำลังขับเคลื่อนจากโรงงานสูงสุดของคามาโรในตอนนี้ และถือเป็นความแรงที่คุ้มค่ากับราคา เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับคู่แข่งในตลาดที่มีจำนวนแรงม้าใกล้เคียงกันแล้ว ZL1 กินขาดในราคาที่ประหยัดกว่า
คู่แข่งของ ZL1 ที่ทางเชฟโรเลตตั้งเป้าเอาไว้ก็มีทั้งแอสตัน มาร์ติน DB9 โวลันเต ซึ่งมีกำลังสูงสุด 470 แรงม้า ตามด้วยเมอร์เซเดส-เบนซ์ SL63AMG มีกำลังสูงสุด 518 แรงม้า, ปอร์เช่ 911 เทอร์โบเอส 530 แรงม้า และฟอร์ด เชลบี้ GT500 ที่ใช้พื้นฐานของรุ่นมัสแตงมีกำลังสูงสุด 550 แรงม้า
สำหรับ ZL1 เป็นการยกระดับความเร้าใจด้วยการนำเครื่องยนต์ตระกูล LSA มาติดตั้งซูเปอร์ชาร์จ โดยขุมพลังวี8 บล็อกนี้มีความจุ 6200 ซีซี และเมื่อติดตั้งระบบอัดอากาศเข้าไปตัวเลขกำลังขับเคลื่อนขยับขึ้นมาเป็น 580 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 76.8 กก.-ม.
ตัวเลขเรื่องอัตราเร่งตีนต้น และความเร็วปลายไม่ได้บอกมา แต่ดูแค่เวลาที่ทำได้ในThe Green Hell หรือสนามนูร์บูร์กริง ฝั่งเหนือ หรือ Nordschleife ที่ประเทศเยอรมนีก็คงจะบอกอะไรได้ทั้งหมด เพราะจากเวลาต่อรอบที่มีความยาวกกว่า 20 กิโลเมตร ZL1 สามารถทำเวลาได้ดี และต่ำกว่าเส้นแบ่งระหว่างซูเปอร์คาร์กับรถธรรมดาซึ่งขีดเอาไว้ที่ 8 นาทีได้ โดยตัวเลขของZL1 อยู่ที่ 7 นาที 41.27 วินาที
อย่างไรก็ตาม งานนี้ไม่ได้เป็นแค่เรื่องของการติดซูเปอร์ชาร์จให้กับเครื่องยนต์เพียงอย่างเดียว เพราะมีการอัพเกรดระบบช่วงล่างและโครงสร้างตัวถัง เพื่อรองรับกับกับเรี่ยวแรงที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการเสริมความแข็งแกร่งให้กับตัวถังทั้งในส่วนของโครงสร้างหลัก ที่มีการเสริม Hydrofoamed Tube ที่เสา A-Pillar และการเสริมจุดเชื่อมต่างๆ เช่น เหล็กค้ำหัวโช้ก คานเหล็กยึดตัวถังในส่วนของชุดเกียร์ และอุโมงค์เพลากลาง รวมถึงคานเหล็กรูปตัว X สำหรับยึดในระบบช่วงล่างหน้า และคัว V สำหรับช่วงล่างหลัง
นอกจากนั้น ระบบช่วงล่างยังเป็นแบบปรับระดับความหนืดของโช้กอัพได้ด้วยแนวคิด Magnetic Ride ซึ่งจะใช้ระบบสนามแม่เหล็กในการทำปฏิกิริยากับผงเหล็กที่อยู่ในน้ำมันของโช้กอัพเพื่อสร้างความหนืด และสามารถปรับได้แม้ขณะรถแล่น แต่ไม่เกิน 96 กิโลเมตร/ชั่วโมง
การเปิดตัวครั้งแรกจะมีขึ้นในงานแอลเอ มอเตอร์โชว์ ซึ่งจะมีขึ้นปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ จากนั้นเชฟโรเลตจะส่งลุยตลาดทันที เพียงแต่ขณะนี้ยังไม่ยืนยันว่าจะมีแค่ในสหรัฐอเมริกา หรือว่าจะออกมาลุยในตลาดทั่วโลก เพราะในตอนนี้ทางเชฟโรเลตเองก็มีการผลิตคามาโร สเปกยุโรปออกวางขายด้วยเช่นกัน