ณ วันนี้ปฎิเสธไม่ได้ว่า “ฮอนด้า” เป็นค่ายรถที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยน้ำท่วมมากที่สุดในบรรดาค่ายรถด้วยกัน เพราะโรงงานของฮอนด้าทั้งสองแห่งถูกน้ำท่วมเกือบมิดหลังคา แน่นอนความเสียหายที่เกิดขึ้นตอนนี้ไม่สามารถจะประเมินค่าได้ทั้งตัวโรงงานและด้านจิตใจ ...อย่างไรทีมงาน “ASTVผู้จัดการมอเตอริ่ง” ขอเอาใจช่วยให้ฮอนด้าเดินหน้ากู้วิกฤตและอยู่คู่สังคมไทยต่อไป
อย่างที่กล่าวข้างต้นทุกอย่างต้องเดินหน้า ฉบับนี้จึงนำเสนอการทดลองขับ ซิตี้ ใหม่ ซึ่งฮอนด้าได้มีการจัดทดสอบก่อนที่เจอน้ำท่วม โดย ซิตี้ รุ่นนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีการปรับปรุงรูปโฉมใหม่แต่ก็ไม่มากมายนักเพียงแค่เน้นให้ดูสปอร์ตกว่ารุ่นเดิม
ความสปอร์ตที่เพิ่มขึ้นมาจากกระจังหน้า, กันชนหน้า-หลัง, ไฟท้าย และล้ออัลลอยลายใหม่ ขณะที่ภายในห้องโดยสารเน้นความทันสมัย เช่น คอนโซลด้านหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้เพื่อให้ตระหนักถึงการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงคือไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด ECO Indicator ที่จะสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อขับขี่ในเกณฑ์ประหยัดน้ำมัน ทำให้ทราบถึงรูปแบบการขับขี่ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
สำหรับเส้นทางของการทดลองขับในครั้งนี้เป็นแบบไปเช้า-เย็นกลับโดยเริ่มเดินทางจากโรงแรมMa Du Zi สุขุมวิท ซอย 16 ถนนรัชดาภิเษก ไปยังร้านอาหาร บ้าน-น้ำ-จันทร์ ตลาดน้ำบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ระยะทางรวมประมาณ 234.4 กิโล เมตร รถที่ผู้เขียนได้ลองขับเป็นรุ่นท็อป รุ่น SV ซึ่งจากการสำรวจรุ่นนี้มาพร้อมกับภายในห้องโดยสารสีดำ มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้ ช่องเก็บของใต้เบาะด้านหลัง เบาะนั่งด้านหลังปรับพับ 60:40 พนักพิงศีรษะด้านหลังปรับระดับสูง-ต่ำได้ พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทางใกล้-ไกลและสูง-ต่ำ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) มาตรวัดเรืองแสง Blue Light มาตรวัดแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
คอนโซลด้านหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม กระจกไฟฟ้า ระบบเซ็นทรัลล็อกพร้อมสวิตซ์ควบคุมด้านคนขับ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับไฟฟ้า พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง พนักเท้าแขนด้านหน้า เครื่องเสียงโมดูล Advanced Audio สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ USB และช่อง AUX
สำหรับต่ออุปกรณ์เสริม ไฟตัดหมอกด้านหน้า ปลายท่อไอเสียโครเมียม ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ระบบล็อกประตูอัตโนมัติสัมพันธ์กับความเร็วรถ ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer สัญญาณกันขโมย กุญแจรีโมท กระจกไฟฟ้านิรภัยด้านคนขับและไฟเบรกดวงที่สาม คือรับไปเต็ม ๆ
สำหรับการขับขี่ในช่วงสั้น ๆ สลับกับเพื่อนสื่อมวลชนอีกหนึ่งคน ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงออกตัวตอบสนองทันใจ พวงมาลัยกระชับมือแบบสามก้าน บางเส้นทางเจอจราจรคับคั่งก็รู้สึกได้ทันทีถึงความคล่องแคล่วของตัวรถในการเลี้ยวซ้าย-ขวา เร่งแซง หักหลบ ทุกอย่างเป็นไปอย่างง่ายดาย
เมื่อขึ้นทางด่วนถนนค่อนข้างโล่ง ลองใช้ความเร็วสูงรถก็ยังนิ่ง ไม่โคลง ขับสบาย ๆ จะมีเสียงลมบ้างก็เล็กน้อย ไม่มีปัญหาหากเราไม่ได้ไต่ไประดับ 170-180 กิโลเมตร จะมีก็แต่ช่วงความเร็วกลาง ๆ ต้องมีการรอรอบสักเล็กน้อย คือจะเร่งขึ้นช้าก่อนที่กำลังจะจัดมาเต็ม ๆ หรือพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ตีนต้นดี กลางต้องรอ ปลายฉลุยเลย
สำหรับการเข้าโค้งถือว่าเกาะถนน หนึบ ช่วงล่างนุ่มนิ่ม นั่งสบาย และถ้ากดคันเร่งให้รอบนิ่ง ๆ ไฟ ECO ก็จะสว่างขึ้นแม้จะในช่วงความเร็วประมาณ 100 กว่านิด ๆ
หลังจากนั้นเปลี่ยนมาเป็นผู้นั่งบ้างก็รู้สึกนั่งสบายทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง แต่ที่ชอบมากสุดคือ USB ที่สามารถเอา USB Drive เข้าไปเสียบก็สามารถฟังเพลงที่เราบันทึกเองได้อย่างสบายใจ และที่ถูกใจอีกอย่างหนึ่งช่อง USB สามารถเสียบชาร์ตไฟให้กับโทรศัพท์ ไอโฟน 4 ที่แบตมักหมดไวหากเล่น FB ตลอดเวลาแถมยังสามารถฟังเพลงที่บันทึกไว้ในไอโฟน 4 ได้อีกต่างหาก เพราะเป็นเพลงที่ชอบและคุ้นเคย แฮปปี้มากมาก
อย่างที่บอกข้างต้นว่าฮอนด้า ซิตี้ รุ่นนี้ เปลี่ยนเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก และปรับภายในนิดหน่อย ขณะที่เครื่องยนต์ยังคงเดิมไม่มีการปรับเปลี่ยนใด คือเป็นเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีด ใช้ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระพร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนด้านหลัง ทอร์ชั่นบีม แบบ H-Shape พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนความปลอดภัยติดตั้งถุงลมคู่หน้า Dual SRS และระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น
ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่นหลัก S, V,และ SV (อุปกรณ์แตกต่างกันเฉพาะรุ่น) ในราคา 559,000 บาท สำหรับรุ่นเริ่มต้น S ไปจนถึง 704,000 บาท ในรุ่นท็อป และรุ่น S เท่านั้นที่มีระบบเกียร์แบบธรรมดาและอัตโนมัติ และมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีแดงคาร์เนเลียน (มุก) และสีน้ำตาลสปาร์คลิ่ง (เมทัลลิก) เป็น 2 สีใหม่ นอกเหนือไปจากสีขาวทาฟเฟต้า สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) สีเทาโพลิชเมทัล(เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)
สรุปการขับขี่ยังคงเหมือนกับที่นำเสนอไปในช่วงแรกที่เปิดตัว แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือหน้าตาที่เติมแต่งให้มันดูสปอร์ตมากขึ้น และเพิ่มเงินตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่นโดยประมาณเพื่อแลกกับความสด ใหม่ แต่ยังไงลูกค้าที่จะซื้อช่วงนี้ต้องทำใจนิดหนึ่ง เพราะอาจจะได้รับรถช้ากว่าปกติ เนื่องจากเหตุการณ์ข้างบนที่กล่าวมาทำให้การผลิตรถทุกรุ่นต้องหยุดชะงัก ...แต่ถ้าเป็นสาวกฮอนด้าเรื่องรอคงไม่ใช่ปัญหา...หรอกนะครับ
อย่างที่กล่าวข้างต้นทุกอย่างต้องเดินหน้า ฉบับนี้จึงนำเสนอการทดลองขับ ซิตี้ ใหม่ ซึ่งฮอนด้าได้มีการจัดทดสอบก่อนที่เจอน้ำท่วม โดย ซิตี้ รุ่นนี้เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 22 กันยายน ที่ผ่านมา โดยมีการปรับปรุงรูปโฉมใหม่แต่ก็ไม่มากมายนักเพียงแค่เน้นให้ดูสปอร์ตกว่ารุ่นเดิม
ความสปอร์ตที่เพิ่มขึ้นมาจากกระจังหน้า, กันชนหน้า-หลัง, ไฟท้าย และล้ออัลลอยลายใหม่ ขณะที่ภายในห้องโดยสารเน้นความทันสมัย เช่น คอนโซลด้านหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม นอกจากนี้ยังมีอุปกรณ์ที่เป็นมิตรกับผู้ใช้เพื่อให้ตระหนักถึงการประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงคือไฟแสดงผลการขับขี่แบบประหยัด ECO Indicator ที่จะสว่างขึ้นโดยอัตโนมัติเมื่อขับขี่ในเกณฑ์ประหยัดน้ำมัน ทำให้ทราบถึงรูปแบบการขับขี่ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง
สำหรับเส้นทางของการทดลองขับในครั้งนี้เป็นแบบไปเช้า-เย็นกลับโดยเริ่มเดินทางจากโรงแรมMa Du Zi สุขุมวิท ซอย 16 ถนนรัชดาภิเษก ไปยังร้านอาหาร บ้าน-น้ำ-จันทร์ ตลาดน้ำบางคล้า จังหวัดฉะเชิงเทรา ระยะทางรวมประมาณ 234.4 กิโล เมตร รถที่ผู้เขียนได้ลองขับเป็นรุ่นท็อป รุ่น SV ซึ่งจากการสำรวจรุ่นนี้มาพร้อมกับภายในห้องโดยสารสีดำ มีการติดตั้งสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน
ไม่ว่าจะเป็น เบาะนั่งคนขับปรับระดับสูง-ต่ำได้ ช่องเก็บของใต้เบาะด้านหลัง เบาะนั่งด้านหลังปรับพับ 60:40 พนักพิงศีรษะด้านหลังปรับระดับสูง-ต่ำได้ พวงมาลัยปรับระดับได้ 4 ทิศทางใกล้-ไกลและสูง-ต่ำ ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) มาตรวัดเรืองแสง Blue Light มาตรวัดแสดงอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
คอนโซลด้านหน้าตกแต่งด้วยโครเมียม กระจกไฟฟ้า ระบบเซ็นทรัลล็อกพร้อมสวิตซ์ควบคุมด้านคนขับ กระจกมองข้างปรับไฟฟ้าพร้อมพับไฟฟ้า พนักเท้าแขนด้านหลังพร้อมที่วางแก้วน้ำ 2 ตำแหน่ง พนักเท้าแขนด้านหน้า เครื่องเสียงโมดูล Advanced Audio สวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ USB และช่อง AUX
สำหรับต่ออุปกรณ์เสริม ไฟตัดหมอกด้านหน้า ปลายท่อไอเสียโครเมียม ล้ออัลลอย 16 นิ้ว ระบบล็อกประตูอัตโนมัติสัมพันธ์กับความเร็วรถ ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer สัญญาณกันขโมย กุญแจรีโมท กระจกไฟฟ้านิรภัยด้านคนขับและไฟเบรกดวงที่สาม คือรับไปเต็ม ๆ
สำหรับการขับขี่ในช่วงสั้น ๆ สลับกับเพื่อนสื่อมวลชนอีกหนึ่งคน ก็ต้องยอมรับว่าในช่วงออกตัวตอบสนองทันใจ พวงมาลัยกระชับมือแบบสามก้าน บางเส้นทางเจอจราจรคับคั่งก็รู้สึกได้ทันทีถึงความคล่องแคล่วของตัวรถในการเลี้ยวซ้าย-ขวา เร่งแซง หักหลบ ทุกอย่างเป็นไปอย่างง่ายดาย
เมื่อขึ้นทางด่วนถนนค่อนข้างโล่ง ลองใช้ความเร็วสูงรถก็ยังนิ่ง ไม่โคลง ขับสบาย ๆ จะมีเสียงลมบ้างก็เล็กน้อย ไม่มีปัญหาหากเราไม่ได้ไต่ไประดับ 170-180 กิโลเมตร จะมีก็แต่ช่วงความเร็วกลาง ๆ ต้องมีการรอรอบสักเล็กน้อย คือจะเร่งขึ้นช้าก่อนที่กำลังจะจัดมาเต็ม ๆ หรือพูดให้เข้าใจง่ายก็คือ ตีนต้นดี กลางต้องรอ ปลายฉลุยเลย
สำหรับการเข้าโค้งถือว่าเกาะถนน หนึบ ช่วงล่างนุ่มนิ่ม นั่งสบาย และถ้ากดคันเร่งให้รอบนิ่ง ๆ ไฟ ECO ก็จะสว่างขึ้นแม้จะในช่วงความเร็วประมาณ 100 กว่านิด ๆ
หลังจากนั้นเปลี่ยนมาเป็นผู้นั่งบ้างก็รู้สึกนั่งสบายทั้งด้านหน้า-ด้านหลัง แต่ที่ชอบมากสุดคือ USB ที่สามารถเอา USB Drive เข้าไปเสียบก็สามารถฟังเพลงที่เราบันทึกเองได้อย่างสบายใจ และที่ถูกใจอีกอย่างหนึ่งช่อง USB สามารถเสียบชาร์ตไฟให้กับโทรศัพท์ ไอโฟน 4 ที่แบตมักหมดไวหากเล่น FB ตลอดเวลาแถมยังสามารถฟังเพลงที่บันทึกไว้ในไอโฟน 4 ได้อีกต่างหาก เพราะเป็นเพลงที่ชอบและคุ้นเคย แฮปปี้มากมาก
อย่างที่บอกข้างต้นว่าฮอนด้า ซิตี้ รุ่นนี้ เปลี่ยนเฉพาะรูปลักษณ์ภายนอก และปรับภายในนิดหน่อย ขณะที่เครื่องยนต์ยังคงเดิมไม่มีการปรับเปลี่ยนใด คือเป็นเครื่องยนต์ i-VTEC 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ 5 สปีด ใช้ระบบกันสะเทือนด้านหน้าแบบแม็กเฟอร์สัน สตรัท อิสระพร้อมเหล็กกันโคลง และระบบกันสะเทือนด้านหลัง ทอร์ชั่นบีม แบบ H-Shape พร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนความปลอดภัยติดตั้งถุงลมคู่หน้า Dual SRS และระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น
ฮอนด้าซิตี้ ใหม่ มีให้เลือก 3 รุ่นหลัก S, V,และ SV (อุปกรณ์แตกต่างกันเฉพาะรุ่น) ในราคา 559,000 บาท สำหรับรุ่นเริ่มต้น S ไปจนถึง 704,000 บาท ในรุ่นท็อป และรุ่น S เท่านั้นที่มีระบบเกียร์แบบธรรมดาและอัตโนมัติ และมีให้เลือก 6 สี ได้แก่ สีแดงคาร์เนเลียน (มุก) และสีน้ำตาลสปาร์คลิ่ง (เมทัลลิก) เป็น 2 สีใหม่ นอกเหนือไปจากสีขาวทาฟเฟต้า สีเงินอลาบาสเตอร์ (เมทัลลิก) สีเทาโพลิชเมทัล(เมทัลลิก) และสีดำคริสตัล (มุก)
สรุปการขับขี่ยังคงเหมือนกับที่นำเสนอไปในช่วงแรกที่เปิดตัว แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือหน้าตาที่เติมแต่งให้มันดูสปอร์ตมากขึ้น และเพิ่มเงินตั้งแต่หลักพันยันหลักหมื่นโดยประมาณเพื่อแลกกับความสด ใหม่ แต่ยังไงลูกค้าที่จะซื้อช่วงนี้ต้องทำใจนิดหนึ่ง เพราะอาจจะได้รับรถช้ากว่าปกติ เนื่องจากเหตุการณ์ข้างบนที่กล่าวมาทำให้การผลิตรถทุกรุ่นต้องหยุดชะงัก ...แต่ถ้าเป็นสาวกฮอนด้าเรื่องรอคงไม่ใช่ปัญหา...หรอกนะครับ