ข่าวต่างประเทศ-ความร่วมมือของนิสสันกับมิตซูบิชิ สองผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำของญี่ปุ่น ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตลาดรถปิกอัพและรถยนต์ขนาดเล็กเพียงอย่างเดียวแล้ว เมื่อทางมิตซูบิชิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชัน หรือเอ็มเอ็มซีประกาศยืนยันขยายขอบเขตของความร่วมมือมาสู่ตลาดรถยนต์นั่งด้วยแล้ว
สำหรับการตกลงร่วมมือเป็นพันธมิตรในการแลกเปลี่ยนรถยนต์ของทั้ง 2 ค่าย ดำเนินการกันมาตั้งแต่ปี 2010 ส่วนการขยายขอบเขตไปสู่รถยนต์นั่งในครั้งนี้ ทางมิตซูบิชิจะรับเอารถยนต์ระดับหรูรุ่นใหม่ของนิสสันอย่างฟูก้า หรือที่จำหน่ายในตลาดโลกด้วยชื่ออินฟินิตี้ เอ็ม-ซีรีส์ ไปปรับแต่งหน้าตาใหม่และส่งขายในตลาด โดยการรีแบรนด์จะทำเฉพาะในตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น และทางมิตซูบิชิเปิดเผยว่า ยังไม่พิจารณาว่าจะนำแนวทางนี้มาใช้กับตลาดนอกแดนปลาดิบด้วยหรือไม่
ในตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันมิตซูบิชิมีรถยนต์รุ่นใหญ่สุดที่ทำตลาดเพียงรุ่นเดียวคือ กาแลนท์ ซึ่งเข้ามาแทนที่รุ่นเดียมานเต้ ที่ถูกปลดออกจากการทำตลาดเมื่อปี 2004 ส่วนอนาคตของกาแลนด์เองก็ดูจะไม่รุ่ง เพราะยอดขายไม่กระเตื้องเท่าที่ควร และทางมิตซูบิชิก็ประกาศแล้วว่าจะเลิกทำตลาดในปี 2013 นั่นทำให้บรรดาสื่อมวลชนเชื่อว่า มิตซูบิชิอาจจะใช้ข้อตกลงในครั้งนี้ เปิดแนวรุกออกสู่ตลาดต่างประเทศด้วย เพราะขาดแคลนผลผลิตในการเจาะตลาดระดับบน
ส่วนทางด้านชื่อรุ่นในการทำตลาด มิตซูบิชิยังไม่เปิดเผยออกมา เช่นเดียวกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นทาร์เก็ต กรุ๊ป ซึ่งมิตซูบิชิได้วางเอาไว้ก็ยังไม่เปิดเผยอย่างชัดเจน
โดยส่วนหนึ่งของข้อตกลงในครั้งนี้คือ นิสสันจะได้รับสิทธิ์ในการนำรถยนต์พลังไฟฟ้ารุ่นเล็กของมิตซูบิชิอย่างไอมีฟ รวมถึงการรับเอารถยนต์เพื่อการพาณิชย์รุ่นเล็ก มารีแบรนด์ขายในตลาดญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน
สำหรับการตกลงร่วมมือเป็นพันธมิตรในการแลกเปลี่ยนรถยนต์ของทั้ง 2 ค่าย ดำเนินการกันมาตั้งแต่ปี 2010 ส่วนการขยายขอบเขตไปสู่รถยนต์นั่งในครั้งนี้ ทางมิตซูบิชิจะรับเอารถยนต์ระดับหรูรุ่นใหม่ของนิสสันอย่างฟูก้า หรือที่จำหน่ายในตลาดโลกด้วยชื่ออินฟินิตี้ เอ็ม-ซีรีส์ ไปปรับแต่งหน้าตาใหม่และส่งขายในตลาด โดยการรีแบรนด์จะทำเฉพาะในตลาดญี่ปุ่นเท่านั้น และทางมิตซูบิชิเปิดเผยว่า ยังไม่พิจารณาว่าจะนำแนวทางนี้มาใช้กับตลาดนอกแดนปลาดิบด้วยหรือไม่
ในตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันมิตซูบิชิมีรถยนต์รุ่นใหญ่สุดที่ทำตลาดเพียงรุ่นเดียวคือ กาแลนท์ ซึ่งเข้ามาแทนที่รุ่นเดียมานเต้ ที่ถูกปลดออกจากการทำตลาดเมื่อปี 2004 ส่วนอนาคตของกาแลนด์เองก็ดูจะไม่รุ่ง เพราะยอดขายไม่กระเตื้องเท่าที่ควร และทางมิตซูบิชิก็ประกาศแล้วว่าจะเลิกทำตลาดในปี 2013 นั่นทำให้บรรดาสื่อมวลชนเชื่อว่า มิตซูบิชิอาจจะใช้ข้อตกลงในครั้งนี้ เปิดแนวรุกออกสู่ตลาดต่างประเทศด้วย เพราะขาดแคลนผลผลิตในการเจาะตลาดระดับบน
ส่วนทางด้านชื่อรุ่นในการทำตลาด มิตซูบิชิยังไม่เปิดเผยออกมา เช่นเดียวกับกลุ่มลูกค้าที่เป็นทาร์เก็ต กรุ๊ป ซึ่งมิตซูบิชิได้วางเอาไว้ก็ยังไม่เปิดเผยอย่างชัดเจน
โดยส่วนหนึ่งของข้อตกลงในครั้งนี้คือ นิสสันจะได้รับสิทธิ์ในการนำรถยนต์พลังไฟฟ้ารุ่นเล็กของมิตซูบิชิอย่างไอมีฟ รวมถึงการรับเอารถยนต์เพื่อการพาณิชย์รุ่นเล็ก มารีแบรนด์ขายในตลาดญี่ปุ่นด้วยเช่นกัน