คงไม่ใช่เรื่องล้อเล่นกับการประกาศศักดาของมอเตอร์ไซค์สัญชาติ “ไต้หวัน” ที่หวังสอดแทรกบรรดาแบรนด์ดังจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งถือครองเจ้าตลาด 2 ล้อเมืองไทยมานานหลายทศวรรษ โดยการส่งสาส์นท้ารบครั้งนี้จะมีความเป็นไปได้ขนาดไหน มีกลยุทธอันใดที่จะพิชิตข้าศึกเพื่อบรรลุเป้าหมาย และที่สำคัญโมเดลใหม่สำหรับใช้เป็นทีเด็ดลุยตลาดบิ๊กสกู๊ตเตอร์ เปิดราคาหลักแสนบาท จะหวังผลยอดขายได้มากน้อยเพียงใด...
ธนชาต ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มไบค์ มอเตอร์เซลส์ จำกัด พร้อมเปิดใจเผยแผนงานที่เตรียมไว้ เพื่อสู้ศึกชิงส่วนแบ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในโลก...
ตลาดยิ่งโตการแข่งขันยิ่งแรง
สภาพโดยรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกหลายเท่าตัว อย่างต่ำสิ้นปีนี้คาดว่ายอดขายจะทะลุ 2 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม ยิ่งตลาดโตมากเท่าไร การแข่งขันที่ตามมาย่อมสูงขึ้นมากเท่านั้น หรือจะเรียกได้ว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในโลกก็ว่าได้ เหตุนี้ส่งผลให้การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และการพัฒนาคุณภาพของสินค้าจะเพิ่มขึ้น แต่จะสวนทางกับราคาที่ดูท่าจะลดต่ำลงเรื่อยๆ ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนทิศทางไปสู่การให้ความสำคัญกับรูปทรงตัวรถ ความสามารถในการประหยัดเชื้อเพลิง และที่สำคัญคือภาระค่าใช้จ่ายการส่งค่างวดรายเดือน ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันหมด โดยจะมีผลต่อการวางแผนด้านการตลาดของแต่ละยี่ห้อด้วย
แบรนด์ไต้หวันท้าชนยักษ์ญี่ปุ่น
สำหรับน้องใหม่อย่าง “ซิม” (SYM) หรือที่หลายคนเรียกว่า เอส วาย เอ็ม เป็นยี่ห้อรถจักรยานยนต์จากประเทศไต้หวัน เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยได้สักระยะหนึ่งแล้ว โดยปัจจุบันมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศเวียดนาม จึงไม่ต้องผ่านกำแพงภาษีตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรืออาฟต้า ผลิตภัณฑ์มีตัวเลือกในกลุ่มรถครอบครัวและสกู๊ตเตอร์เป็นหลัก เปิดราคาใกล้เคียงรถญี่ปุ่นอยู่ที่ 29,800-42,900 บาท มีจุดเด่นด้านคุณภาพและราคาที่คุ้มค่า รวมถึงการให้ความมั่นใจหากเทียบกับบรรดาเจ้าตลาดที่รับประกันสินค้าเพียง 3 ปี แต่ซิมกล้าให้มากกว่าที่ 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร โดยเน้นที่เครื่องยนต์เป็นสำคัญ
เติบโตก้าวกระโดด
ผลตอบรับที่ผ่านมาถือว่าดีเกินคาด ยอดขายในปี 2553 รวมอยู่ที่ 2,500 คัน เติบโตขึ้นจากปี 2552 กว่า 400% และล่าสุดปิดยอด 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) อยู่ที่ 3,500 คัน โดยวางเป้าหมายถึงสิ้นปีจะปิดตัวเลขที่ 7,500 คัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 300% จากปีที่แล้ว และจะก้าวกระโดดตั้งเป้าทำยอดไปถึง 20,000 คัน ภายในปี 2555
ขณะที่ยอดขายกลุ่มรถครอบครัวปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 4 ของเมืองไทย แต่ในปี 2557 เรามองไกลไปถึงอันดับที่ 3 ของอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ทั้งหมด หรือภายใน 3 ปีหลังจากนี้ เราจะเร่งการรับรู้เชิงคุณภาพ บวกกับกิจกรรมส่งเสริมการขายให้ผู้ใช้เห็นความแตกต่างของตัวรถสกู๊ตเตอร์ซิมมากขึ้น ชูความเป็นซิตี้ไบค์ดีไซน์สวยราคาคุ้มค่า โดยใช้เส้นผ่าศูนย์กลางของล้อให้เล็กลง จากเดิม 12 นิ้ว ให้เหลือ 10 นิ้ว และเพิ่มความกว้างของหน้ายางให้มากขึ้น สอดรับกับการใช้งานที่คล่องตัว เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของคนเมือง
กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง
การทำตลาดของเราอาจแตกต่างกับยี่ห้ออื่นที่เริ่มสร้างกระแสจากกรุงเทพฯ และกระจายไปสู่ต่างจังหวัด แต่เรากลับกันจากนอกเมืองมาสู่ในเมือง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อจำกัดของผู้แทนจำหน่ายในเมืองหลวงมีแต่แบรนด์ญี่ปุ่น เราจึงต้องหันไปหาพันธมิตรทางการค้าในเมืองใหญ่ของแต่ละภูมิภาค และเชื่อว่าหากสร้างความนิยมได้แล้ว การบุกตลาดเข้าสู่กรุงเทพฯ ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
ขยายช่องทางจำหน่าย
จากเดิมปีที่แล้วมีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายประมาณ 50 แห่ง ปีนี้เราขยายได้มากรวมถึง 170 แห่ง และกำลังเพิ่มดีเลอร์ที่ขายเฉพาะยี่ห้อซิม ภายใต้โปรเจกต์ “3S ช้อป” หรือ “ซิม แกลอรี” เหมือนอย่างที่แบรนด์ญี่ปุ่นทำกัน ปัจจุบันดำเนินการเสร็จไปแล้ว 3 แห่ง และภายในปีนี้จะเพิ่มอีก 4 แห่ง รวมทั้งสิ้น 7 แห่ง แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 3 แห่ง และกระจายหัวเมืองใหญ่จังหวัดละแห่งที่ อุบลราชธานี, ขอนแก่น, กาฬสินธุ์ และศรีสะเกษ
โมเดลใหม่ลุยบิ๊กสกู๊ตเตอร์
นอกจากรถตลาด ซิมยังวางแผนขยายเซกเมนท์ไปสู่บิ๊กสกู๊ตเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ โดยพร้อมวางจำหน่ายได้ในเดือนตุลาคมปีนี้ สำหรับโมเดล รุ่น GTS 300i EVO เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 300 ซีซี ใช้เทคโนโลยีหัวฉีด EFI เปิดราคาประมาณหนึ่งแสนบาทต้นๆ นำเข้ามาเอาใจลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชอบขับขี่เดินทางไกล คาดหวังยอดขายไม่มากประมาณหนึ่งพันคันต่อปี และยังเตรียมปรับโฉมโมเดลอื่นที่วางตลาดอยู่แล้วในต้นปีหน้า เพื่อกระตุ้นตลาดและสร้างความเคลื่อนไหวของตัวสินค้าอย่างต่อเนื่อง
ธนชาต ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มไบค์ มอเตอร์เซลส์ จำกัด พร้อมเปิดใจเผยแผนงานที่เตรียมไว้ เพื่อสู้ศึกชิงส่วนแบ่งในตลาดที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในโลก...
ตลาดยิ่งโตการแข่งขันยิ่งแรง
สภาพโดยรวมของตลาดรถจักรยานยนต์ในเมืองไทยยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตได้อีกหลายเท่าตัว อย่างต่ำสิ้นปีนี้คาดว่ายอดขายจะทะลุ 2 ล้านคัน อย่างไรก็ตาม ยิ่งตลาดโตมากเท่าไร การแข่งขันที่ตามมาย่อมสูงขึ้นมากเท่านั้น หรือจะเรียกได้ว่าเป็นตลาดที่มีการแข่งขันสูงที่สุดในโลกก็ว่าได้ เหตุนี้ส่งผลให้การนำเทคโนโลยีใหม่ๆ และการพัฒนาคุณภาพของสินค้าจะเพิ่มขึ้น แต่จะสวนทางกับราคาที่ดูท่าจะลดต่ำลงเรื่อยๆ ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคจะเปลี่ยนทิศทางไปสู่การให้ความสำคัญกับรูปทรงตัวรถ ความสามารถในการประหยัดเชื้อเพลิง และที่สำคัญคือภาระค่าใช้จ่ายการส่งค่างวดรายเดือน ทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องสัมพันธ์กันหมด โดยจะมีผลต่อการวางแผนด้านการตลาดของแต่ละยี่ห้อด้วย
แบรนด์ไต้หวันท้าชนยักษ์ญี่ปุ่น
สำหรับน้องใหม่อย่าง “ซิม” (SYM) หรือที่หลายคนเรียกว่า เอส วาย เอ็ม เป็นยี่ห้อรถจักรยานยนต์จากประเทศไต้หวัน เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยได้สักระยะหนึ่งแล้ว โดยปัจจุบันมีฐานการผลิตอยู่ในประเทศเวียดนาม จึงไม่ต้องผ่านกำแพงภาษีตามข้อตกลงเขตการค้าเสรีหรืออาฟต้า ผลิตภัณฑ์มีตัวเลือกในกลุ่มรถครอบครัวและสกู๊ตเตอร์เป็นหลัก เปิดราคาใกล้เคียงรถญี่ปุ่นอยู่ที่ 29,800-42,900 บาท มีจุดเด่นด้านคุณภาพและราคาที่คุ้มค่า รวมถึงการให้ความมั่นใจหากเทียบกับบรรดาเจ้าตลาดที่รับประกันสินค้าเพียง 3 ปี แต่ซิมกล้าให้มากกว่าที่ 5 ปี หรือ 50,000 กิโลเมตร โดยเน้นที่เครื่องยนต์เป็นสำคัญ
เติบโตก้าวกระโดด
ผลตอบรับที่ผ่านมาถือว่าดีเกินคาด ยอดขายในปี 2553 รวมอยู่ที่ 2,500 คัน เติบโตขึ้นจากปี 2552 กว่า 400% และล่าสุดปิดยอด 7 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ก.ค.) อยู่ที่ 3,500 คัน โดยวางเป้าหมายถึงสิ้นปีจะปิดตัวเลขที่ 7,500 คัน หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 300% จากปีที่แล้ว และจะก้าวกระโดดตั้งเป้าทำยอดไปถึง 20,000 คัน ภายในปี 2555
ขณะที่ยอดขายกลุ่มรถครอบครัวปัจจุบันอยู่ในอันดับที่ 4 ของเมืองไทย แต่ในปี 2557 เรามองไกลไปถึงอันดับที่ 3 ของอุตสาหกรรมรถจักรยานยนต์ทั้งหมด หรือภายใน 3 ปีหลังจากนี้ เราจะเร่งการรับรู้เชิงคุณภาพ บวกกับกิจกรรมส่งเสริมการขายให้ผู้ใช้เห็นความแตกต่างของตัวรถสกู๊ตเตอร์ซิมมากขึ้น ชูความเป็นซิตี้ไบค์ดีไซน์สวยราคาคุ้มค่า โดยใช้เส้นผ่าศูนย์กลางของล้อให้เล็กลง จากเดิม 12 นิ้ว ให้เหลือ 10 นิ้ว และเพิ่มความกว้างของหน้ายางให้มากขึ้น สอดรับกับการใช้งานที่คล่องตัว เหมาะสมกับชีวิตประจำวันของคนเมือง
กลยุทธ์ป่าล้อมเมือง
การทำตลาดของเราอาจแตกต่างกับยี่ห้ออื่นที่เริ่มสร้างกระแสจากกรุงเทพฯ และกระจายไปสู่ต่างจังหวัด แต่เรากลับกันจากนอกเมืองมาสู่ในเมือง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะข้อจำกัดของผู้แทนจำหน่ายในเมืองหลวงมีแต่แบรนด์ญี่ปุ่น เราจึงต้องหันไปหาพันธมิตรทางการค้าในเมืองใหญ่ของแต่ละภูมิภาค และเชื่อว่าหากสร้างความนิยมได้แล้ว การบุกตลาดเข้าสู่กรุงเทพฯ ย่อมไม่ใช่เรื่องยาก
ขยายช่องทางจำหน่าย
จากเดิมปีที่แล้วมีร้านค้าตัวแทนจำหน่ายประมาณ 50 แห่ง ปีนี้เราขยายได้มากรวมถึง 170 แห่ง และกำลังเพิ่มดีเลอร์ที่ขายเฉพาะยี่ห้อซิม ภายใต้โปรเจกต์ “3S ช้อป” หรือ “ซิม แกลอรี” เหมือนอย่างที่แบรนด์ญี่ปุ่นทำกัน ปัจจุบันดำเนินการเสร็จไปแล้ว 3 แห่ง และภายในปีนี้จะเพิ่มอีก 4 แห่ง รวมทั้งสิ้น 7 แห่ง แบ่งเป็น กรุงเทพฯ 3 แห่ง และกระจายหัวเมืองใหญ่จังหวัดละแห่งที่ อุบลราชธานี, ขอนแก่น, กาฬสินธุ์ และศรีสะเกษ
โมเดลใหม่ลุยบิ๊กสกู๊ตเตอร์
นอกจากรถตลาด ซิมยังวางแผนขยายเซกเมนท์ไปสู่บิ๊กสกู๊ตเตอร์ เพื่อสร้างการรับรู้และภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ โดยพร้อมวางจำหน่ายได้ในเดือนตุลาคมปีนี้ สำหรับโมเดล รุ่น GTS 300i EVO เครื่องยนต์ 4 จังหวะ ขนาด 300 ซีซี ใช้เทคโนโลยีหัวฉีด EFI เปิดราคาประมาณหนึ่งแสนบาทต้นๆ นำเข้ามาเอาใจลูกค้าเฉพาะกลุ่มที่ชอบขับขี่เดินทางไกล คาดหวังยอดขายไม่มากประมาณหนึ่งพันคันต่อปี และยังเตรียมปรับโฉมโมเดลอื่นที่วางตลาดอยู่แล้วในต้นปีหน้า เพื่อกระตุ้นตลาดและสร้างความเคลื่อนไหวของตัวสินค้าอย่างต่อเนื่อง