นอกจากการใช้งานในรูปแบบปกติแล้ว รถยนต์มักจะถูกนำไปใช้งานหลากหลายทั้งในหน่วยงานราชการ รถบริการสาธารณะ รวมถึงรถแข่งสำหรับการชิงชัยและประลองความเร็วในสนามแข่งขัน และนี่คือ 3 ยานยนต์ที่ถูกปรับเปลี่ยนบทบาทของตัวเองมาสู่หน้าที่ใหม่ ซึ่งไม่เคยสัมผัสมาก่อน
Ford Transit Connect : โฉมใหม่แท็กซี่นิวยอร์ก
นอกจากลอนดอนแล้ว อีกเมืองใหญ่ที่ถือว่ามีเอกลักษณ์เป็นรถยนต์บริการสาธารณะอย่างแท็กซี่ นั่นคือ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่ง Yellow Cab คันสีเหลืองแซมด้วยแถบสีดำของมหานครแห่งนี้ กลายเป็นที่จดจำของคนทั่วโลกในแง่ของรูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์ด้วยสีสันบนตัวถัง และในอีกไม่นานนับจากนี้ โฉมหน้าของเจ้า Yellow Cab จะเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ที่บอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงก็เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางหน่วยงานที่ดูแลและรับผิดชอบแท็กซี่และรถลิมูซีนในเมืองนิวยอร์ก New York Taxi and Limousine Commission เพิ่งเปิดไฟเขียวอนุมัติให้ฟอร์ดได้รับสัมปทานเป็นระยะเวลา 10 ปีในการส่งมอบแท็กซี่รุ่นใหม่สำหรับใช้ในเมืองแห่งนี้ โดยรถยนต์ที่จะมารับหน้าที่นี้คือรถตู้โดยสารรุ่น ทรานซิต คอนเน็กต์
ตรงนี้ถือเป็นอีกครั้งที่ฟอร์ดได้รับหน้าที่นี้ โดยก่อนหน้านี้งานบริการตกเป็นของรถยนต์คันยาวอย่างคราวน์ วิคตอเรีย หรือคราว วิค ส่วนทางนิวยอร์กเองก็เป็นเมืองใหญ่ในสหรัฐอเมริกาต่อจากบอสตัน, ชิคาโก้,ออร์แลนโด, ลอสแองเจลีส, ลาสเวกัส และฟิลาเดลเฟีย ที่อนุมัติให้ฟอร์ดจัดการส่งขบวนของทรานซิต คอนเน็กต์ แท็กซี่เข้ามารับงานบริการ
ความจริงแล้ว ทรานซิต คอนเน็กต์เป็นรถตู้ไซส์เล็กเพื่อการพาณิชย์ที่ฟอร์ดพัฒนาขึ้นมาเพื่อขายในตลาดยุโรปมาตั้งแต่ปี 2002 ด้วยฝีมือการออกแบบของปีเตอร์ ฮอร์บิวรี่ผู้ออกแบบวอลโว่ XC90 แต่ด้วยหน้าตาและรูปทรงที่ดูแปลก พร้อมกับความอเนกประสงค์ที่เหนือระดับจากรถยนต์นั่งทั่วไป ก็เลยมีการส่งข้ามน้ำเข้ามาขายในสหรัฐอเมริกาในปี 2009 โดยทรานซิต คอนเน็กต์ได้รับการพัฒนาบนพื้นตัวถัง C170 ของฟอร์ด แบบเดียวกับโฟกัสรุ่นแรก
“นานหลายทศวรรษแล้วที่รถยนต์ของฟอร์ดได้รับใช้นครนิวยอร์ก จนกลายเป็นรถแท็กซี่ของมหานครแห่งนี้ และเรารู้สึกยินดีอย่างมากที่ผู้คนในเมืองนี้ และบรรดานักท่องเที่ยวจะได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดจากยานยนต์ที่เป็นผลผลิตใหม่ล่าสุดของเรา ซึ่งก่อนหน้านี้ เราส่งทรานซิต คอนเน็กต์ออกให้บริการในฐานะรถแท็กซี่ตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา และทั้งคนขับและคนนั่งล้วนบอกกับเราเป็นเสียงเดียวกันถึงความยอดเยี่ยมของตัวรถ ทั้งในแง่ความกว้างขวางและความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นเยี่ยม” มาร์ค ฟิลด์ ประธานของฟอร์ด อเมริกา กล่าว
อย่างไรก็ตาม งานนี้ไม่ได้มาง่ายๆ เพราะว่าฟอร์ดจะต้องเจอกับผู้ท้าชิงอีก 2 รุ่นที่ผ่านเข้ามาสู่รอบสุดท้ายเพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณา นั่นคือ นิสสัน NV200 ที่เป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ในสไตล์เดียวกับทรานซิต คอนเน็กต์ และคาร์ซาน วี-วัน จากตุรกี ก่อนที่รถยนต์ของฟอร์ดจะได้รับเลือกไปในที่สุด
ทรานซิต คอนเน็กต์ มาพร้อมกับตัวถังที่มีความยาวในระดับ 4,555 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,912 มิลลิเมตร ตัวรถเป็นทรง 2 กล่องสูง ที่มีประตูบานท้ายเปิดออกในลักษณะสไลด์ไปทางด้านหลัง ซึ่งเมื่อเปิดจนสุดแล้วจะมีพื้นที่ว่างขนาด 50.2 นิ้ว ในเชิงความกว้าง และ 52.1 นิ้วในเชิงความสูง เพื่อให้ผู้โดยสารด้านหน้าหลังสามารถเข้าออกจากห้องโดยสารได้อย่างสะดวก ขณะเดียวกันด้วยความสูงของพื้นที่ใต้ท้องรถในระดับ 6.5 นิ้วทำให้การก้าวลง สามารถทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น
สำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนเป็นเบนซิน 4 สูบ 2000 ซีซี ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้สามารถรองรับกับการใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือ CNG ได้ และก่อนหน้าที่ทางฟอร์ดจะได้รับการอนุมัติจาก TLC นั้น เวอร์ชัน CNG ของทรานซิต คอนเน็กต์ก็ผ่านการรับรองจาก CARB หรือ California Air Resources Board ให้สามารถใช้งานในมลรัฐแคลิฟอร์เนียได้
ต่อไปนี้ใครที่มีโอกาสเดินทางไปนิวยอร์ก และไม่เจอแท็กซี่สีเหลืองคันยาวๆ ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะตอนนี้ฟอร์ด ทรานซิต คอนเน็กต์ ได้เข้ามารับงานแทนเพื่อนร่วมค่ายไปแล้ว
Ferrari 458 Italia : หอบเสื้อผ้าลุยสนามแข่งอเมริกัน
นอกจากการเข้าร่วมชิงชัยในรายการวันเมคเรซที่ตัวเองจัดขึ้นมารวมถึงสนามแข่งจีทีในยุโรปแล้ว ในตอนนี้เฟอร์รารี่ยังเตรียมความพร้อมให้กับสปอร์ตรุ่นเล็กสุดในโชว์รูมอย่าง 458Italia เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรายการชื่อดังบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาอย่าง Grand Am
ความจริงแล้ว โปรเจกต์นี้ก็ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร เพราะเฟอร์รารี่ก็เคยนำตัวต้นแบบออกมาแล่นให้ผู้คนได้เห็นในสนามฟิออราโน่ของตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ในตอนนั้นยังไม่มีการยืนยันอะไรออกมาทั้งสิ้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ ซึ่ง 458Italia ตัวแข่ง Grand Am ถูกส่งไปเก็บตัวถึงเมืองลุงแซม และทางเฟอร์รารี่ได้นำออกวิ่งทดสอบเพื่อเตรียมความพร้อมที่สนามเดย์โทนา สปีดเวย์ มลรัฐฟลอริด้าในระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในซีซั่น 2012 อย่างเต็มรูปแบบ
แน่นอนว่าตัวรถได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับกฎการแข่งขันของ Grand Am ซึ่งมีความแตกต่างจากกฎการแข่งขันที่ใช้อยู่ในยุโรป ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงบนตัวถังและรายละเอียดทางเทคนิคต่างๆ จึงต้องมีการปรับใหม่เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์บนตัวถังที่ไม่ต้องทำหน้าที่มากนักเหมือนกับพวกการแข่ง GT ส่วนเครื่องยนต์วี8 ก็ถูกจำกัดรอบเอาไว้ว่าไม่เกิน 8,000 รอบต่อนาที และมีกำลังสูงสุด 500 แรงม้า โดยที่มีตัวรีดอากาศเข้าเครื่องยนต์ หรือ Air Restrictor ขนาด 48 มิลลิเมตร ติดตั้งเอาไว้ อีกทั้งระบบเบรกก็มีการปรับปรุงใหม่ เพราะตามกฎนี้ ไม่อนุญาตให้ใช้เอบีเอส และแทร็กชั่นคอนโทรล
นอกจากนั้น ในส่วนของพวกโรลล์บาร์ในตัวรถก็มีความซับซ้อนกว่าพวก GT เพื่อทำหน้าที่ในการปกป้องเวลาเกิดอุบัติเหตุ เพราะในการแข่งรูปแบบนี้การกระทบกระทั่งของรถแข่งในสนามมีสูงกว่าปกติ และเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก ส่วนยางก็เปลี่ยนมาใช้คอมพาวน์แบบ Very Hard เพื่อให้สอดคล้องกับกฎ
สำหรับเฟอร์รารี่ แม้ว่าจะเป็นแบรนด์รถสปอร์ตที่มาจากยุโรป แต่ก็เคยข้ามน้ำมาสร้างชื่อเสียงในฝั่งอเมริกา โดยเฉพาะรายการมาราธอน 24 ชั่วโมงซึ่งจัดขึ้นที่สนามเดย์โทน่า โดยมีการเข้าร่วม 47 ครั้ง และสามารถคว้าชัยในรุ่นที่ลงแข่งถึง 15 ครั้งเลยทีเดียว โดยชัยชนะที่ถือว่าเด่นและได้รับการจดจำก็คือปี 1962 เมื่อฟิล ฮิลล์ และริคาร์โด รอดริเกซ ร่วมกับพาดีโน่ 246เอสพีคว้าแชมป์ เช่นเดียวกับปี 1967 ซึ่งมีรถแข่งของเฟอร์รารี่ 2 รุ่นขึ้นรับรางวัลบนโพเดี้ยม ซึ่งก็คือ 330 P4 และ 412 N.A.R.T.
บรรดาสาวกค่ายม้าป่าลำพองเตรียมตัวสัมผัสกับความเร้าใจใหม่บนสังเวียนแห่งใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่าเฟอร์รารี่ยุคใหม่จะสามารถเดินตามรอยความสำเร็จในอดีตได้หรือไม่
Lotus Evora S : สวมยูนิฟอร์มรับใช้ประชาชน
ดูเหมือนว่าหน่วยงานราชการในอิตาลีจะค่อนข้างชอบอกชอบใจกับการใช้งบประมาณในการสร้างความฮือฮาอยู่เรื่อย เพราะหลังจากที่กรมตำรวจอิตาลี หรือ Polizia di Stato สั่งลัมบอร์กินี กัลญาร์โดมาประจำการในหน่วยสายตรวจทางหลวงได้ไม่นาน ทางด้านหน่วยงานของกองทัพก็เอาบ้าง
หน่วยงานที่ว่าคือ Carabinieri ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับสารวัตรทหารในบ้านเรา แต่จะดูแลความเรียบร้อยทั้งในส่วนของกองทัพควบคู่กับประชาชนคนทั่วไปด้วย โดยหน่วยงานนี้ ได้จัดการสั่งโลตัสผลิตอีโวรา เอสรุ่นพิเศษออกมา 2 คันด้วยกันสำหรับการใช้งานราชการสำหรับบำบัดทุกข์บำรุงสุข
อีโวรา เอสที่ว่ามาพร้อมกับความทันสมัย ทั้งคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดสำหรับเชื่อมต่อข้อมูล รวมถึงตู้เย็นสำหรับบรรทุกเลือด หรืออวัยวะที่ถูกบริจาคในการส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง สำหรับการใช้งานทางการแพทย์
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงงว่าถ้าอยากได้ตู้เย็นทำไมไม่ซื้อพวกรถตู้ไปเลย จะได้พื้นที่สำหรับติดตั้งเยอะๆ แต่ทางหน่วยงานนี้ได้อ้าง เอ๊ย...แจ้งว่า ด้วยเหตุที่ Carabinieri จำเป็นจะต้องใช้ความรวดเร็วในการเข้าถึงพื้นที่ซึ่งมีการร้องขอความช่วยเหลือ ดังนั้นการใช้รถตู้ก็อาจจะเทอะทะเกินไป ขณะที่รถเก๋งไซส์เล็กก็สมรรถนะไม่เร้าใจ ทำให้เคลื่อนที่ไม่เร็วพอ ก็เลยมาสรุปเอาที่รถสปอร์ต
โดยรถทั้ง 2 คันจะถูกประจำการอยู่ในโรม ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของ Carabinieri และอีกคันอยู่ที่มิลาน ส่วนพลขับที่จะต้องประจำอยู่หลังพวงมาลัย จะต้องถูกส่งตัวไปอบรมที่สำนักงานใหญ่ของโลตัสในเมืองเฮเธล ประเทศอังกฤษ ก่อนที่จะมารับหน้าที่ได้
อีโวรา เอสเป็นรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางรุ่นล่าสุดของโลตัส โดยเริ่มขายในตลาดมาตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งรุ่นเอส เหนือระดับจากรุ่นธรรมดาเพราะว่าเครื่องยนต์ในรหัส 2GR-FE ของโตโยต้า ที่เป็นแบบวี6 3500 ซีซี ได้รับการโมดิฟายเพื่อรีดกำลังจาก 280 มาเป็น 350 แรงม้า
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 คันนี้ไม่ได้เป็นการขายขาด แต่เป็นการเช่าใช้ โดยมีระยะเวลา 2 ปีในการรับใช้ประชาชน
Ford Transit Connect : โฉมใหม่แท็กซี่นิวยอร์ก
นอกจากลอนดอนแล้ว อีกเมืองใหญ่ที่ถือว่ามีเอกลักษณ์เป็นรถยนต์บริการสาธารณะอย่างแท็กซี่ นั่นคือ นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ซึ่ง Yellow Cab คันสีเหลืองแซมด้วยแถบสีดำของมหานครแห่งนี้ กลายเป็นที่จดจำของคนทั่วโลกในแง่ของรูปลักษณ์ที่มีเอกลักษณ์ด้วยสีสันบนตัวถัง และในอีกไม่นานนับจากนี้ โฉมหน้าของเจ้า Yellow Cab จะเปลี่ยนไปอีกครั้ง
ที่บอกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงก็เพราะเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ทางหน่วยงานที่ดูแลและรับผิดชอบแท็กซี่และรถลิมูซีนในเมืองนิวยอร์ก New York Taxi and Limousine Commission เพิ่งเปิดไฟเขียวอนุมัติให้ฟอร์ดได้รับสัมปทานเป็นระยะเวลา 10 ปีในการส่งมอบแท็กซี่รุ่นใหม่สำหรับใช้ในเมืองแห่งนี้ โดยรถยนต์ที่จะมารับหน้าที่นี้คือรถตู้โดยสารรุ่น ทรานซิต คอนเน็กต์
ตรงนี้ถือเป็นอีกครั้งที่ฟอร์ดได้รับหน้าที่นี้ โดยก่อนหน้านี้งานบริการตกเป็นของรถยนต์คันยาวอย่างคราวน์ วิคตอเรีย หรือคราว วิค ส่วนทางนิวยอร์กเองก็เป็นเมืองใหญ่ในสหรัฐอเมริกาต่อจากบอสตัน, ชิคาโก้,ออร์แลนโด, ลอสแองเจลีส, ลาสเวกัส และฟิลาเดลเฟีย ที่อนุมัติให้ฟอร์ดจัดการส่งขบวนของทรานซิต คอนเน็กต์ แท็กซี่เข้ามารับงานบริการ
ความจริงแล้ว ทรานซิต คอนเน็กต์เป็นรถตู้ไซส์เล็กเพื่อการพาณิชย์ที่ฟอร์ดพัฒนาขึ้นมาเพื่อขายในตลาดยุโรปมาตั้งแต่ปี 2002 ด้วยฝีมือการออกแบบของปีเตอร์ ฮอร์บิวรี่ผู้ออกแบบวอลโว่ XC90 แต่ด้วยหน้าตาและรูปทรงที่ดูแปลก พร้อมกับความอเนกประสงค์ที่เหนือระดับจากรถยนต์นั่งทั่วไป ก็เลยมีการส่งข้ามน้ำเข้ามาขายในสหรัฐอเมริกาในปี 2009 โดยทรานซิต คอนเน็กต์ได้รับการพัฒนาบนพื้นตัวถัง C170 ของฟอร์ด แบบเดียวกับโฟกัสรุ่นแรก
“นานหลายทศวรรษแล้วที่รถยนต์ของฟอร์ดได้รับใช้นครนิวยอร์ก จนกลายเป็นรถแท็กซี่ของมหานครแห่งนี้ และเรารู้สึกยินดีอย่างมากที่ผู้คนในเมืองนี้ และบรรดานักท่องเที่ยวจะได้รับประโยชน์อย่างสูงสุดจากยานยนต์ที่เป็นผลผลิตใหม่ล่าสุดของเรา ซึ่งก่อนหน้านี้ เราส่งทรานซิต คอนเน็กต์ออกให้บริการในฐานะรถแท็กซี่ตามเมืองใหญ่ๆ ทั่วสหรัฐอเมริกา และทั้งคนขับและคนนั่งล้วนบอกกับเราเป็นเสียงเดียวกันถึงความยอดเยี่ยมของตัวรถ ทั้งในแง่ความกว้างขวางและความประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นเยี่ยม” มาร์ค ฟิลด์ ประธานของฟอร์ด อเมริกา กล่าว
อย่างไรก็ตาม งานนี้ไม่ได้มาง่ายๆ เพราะว่าฟอร์ดจะต้องเจอกับผู้ท้าชิงอีก 2 รุ่นที่ผ่านเข้ามาสู่รอบสุดท้ายเพื่อให้คณะกรรมการได้พิจารณา นั่นคือ นิสสัน NV200 ที่เป็นรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ในสไตล์เดียวกับทรานซิต คอนเน็กต์ และคาร์ซาน วี-วัน จากตุรกี ก่อนที่รถยนต์ของฟอร์ดจะได้รับเลือกไปในที่สุด
ทรานซิต คอนเน็กต์ มาพร้อมกับตัวถังที่มีความยาวในระดับ 4,555 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,912 มิลลิเมตร ตัวรถเป็นทรง 2 กล่องสูง ที่มีประตูบานท้ายเปิดออกในลักษณะสไลด์ไปทางด้านหลัง ซึ่งเมื่อเปิดจนสุดแล้วจะมีพื้นที่ว่างขนาด 50.2 นิ้ว ในเชิงความกว้าง และ 52.1 นิ้วในเชิงความสูง เพื่อให้ผู้โดยสารด้านหน้าหลังสามารถเข้าออกจากห้องโดยสารได้อย่างสะดวก ขณะเดียวกันด้วยความสูงของพื้นที่ใต้ท้องรถในระดับ 6.5 นิ้วทำให้การก้าวลง สามารถทำได้ง่ายและสะดวกขึ้น
สำหรับเครื่องยนต์ที่ใช้ในการขับเคลื่อนเป็นเบนซิน 4 สูบ 2000 ซีซี ซึ่งได้รับการปรับแต่งให้สามารถรองรับกับการใช้ก๊าซธรรมชาติ หรือ CNG ได้ และก่อนหน้าที่ทางฟอร์ดจะได้รับการอนุมัติจาก TLC นั้น เวอร์ชัน CNG ของทรานซิต คอนเน็กต์ก็ผ่านการรับรองจาก CARB หรือ California Air Resources Board ให้สามารถใช้งานในมลรัฐแคลิฟอร์เนียได้
ต่อไปนี้ใครที่มีโอกาสเดินทางไปนิวยอร์ก และไม่เจอแท็กซี่สีเหลืองคันยาวๆ ก็ไม่ต้องตกใจ เพราะตอนนี้ฟอร์ด ทรานซิต คอนเน็กต์ ได้เข้ามารับงานแทนเพื่อนร่วมค่ายไปแล้ว
Ferrari 458 Italia : หอบเสื้อผ้าลุยสนามแข่งอเมริกัน
นอกจากการเข้าร่วมชิงชัยในรายการวันเมคเรซที่ตัวเองจัดขึ้นมารวมถึงสนามแข่งจีทีในยุโรปแล้ว ในตอนนี้เฟอร์รารี่ยังเตรียมความพร้อมให้กับสปอร์ตรุ่นเล็กสุดในโชว์รูมอย่าง 458Italia เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรายการชื่อดังบนแผ่นดินสหรัฐอเมริกาอย่าง Grand Am
ความจริงแล้ว โปรเจกต์นี้ก็ไม่ใช่เรื่องลึกลับอะไร เพราะเฟอร์รารี่ก็เคยนำตัวต้นแบบออกมาแล่นให้ผู้คนได้เห็นในสนามฟิออราโน่ของตัวเองมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ในตอนนั้นยังไม่มีการยืนยันอะไรออกมาทั้งสิ้นจนกระทั่งถึงตอนนี้ ซึ่ง 458Italia ตัวแข่ง Grand Am ถูกส่งไปเก็บตัวถึงเมืองลุงแซม และทางเฟอร์รารี่ได้นำออกวิ่งทดสอบเพื่อเตรียมความพร้อมที่สนามเดย์โทนา สปีดเวย์ มลรัฐฟลอริด้าในระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก่อนที่จะเข้าร่วมการแข่งขันในซีซั่น 2012 อย่างเต็มรูปแบบ
แน่นอนว่าตัวรถได้รับการออกแบบและสร้างขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับกฎการแข่งขันของ Grand Am ซึ่งมีความแตกต่างจากกฎการแข่งขันที่ใช้อยู่ในยุโรป ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงบนตัวถังและรายละเอียดทางเทคนิคต่างๆ จึงต้องมีการปรับใหม่เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นสปอยเลอร์บนตัวถังที่ไม่ต้องทำหน้าที่มากนักเหมือนกับพวกการแข่ง GT ส่วนเครื่องยนต์วี8 ก็ถูกจำกัดรอบเอาไว้ว่าไม่เกิน 8,000 รอบต่อนาที และมีกำลังสูงสุด 500 แรงม้า โดยที่มีตัวรีดอากาศเข้าเครื่องยนต์ หรือ Air Restrictor ขนาด 48 มิลลิเมตร ติดตั้งเอาไว้ อีกทั้งระบบเบรกก็มีการปรับปรุงใหม่ เพราะตามกฎนี้ ไม่อนุญาตให้ใช้เอบีเอส และแทร็กชั่นคอนโทรล
นอกจากนั้น ในส่วนของพวกโรลล์บาร์ในตัวรถก็มีความซับซ้อนกว่าพวก GT เพื่อทำหน้าที่ในการปกป้องเวลาเกิดอุบัติเหตุ เพราะในการแข่งรูปแบบนี้การกระทบกระทั่งของรถแข่งในสนามมีสูงกว่าปกติ และเกิดขึ้นบ่อยครั้งมาก ส่วนยางก็เปลี่ยนมาใช้คอมพาวน์แบบ Very Hard เพื่อให้สอดคล้องกับกฎ
สำหรับเฟอร์รารี่ แม้ว่าจะเป็นแบรนด์รถสปอร์ตที่มาจากยุโรป แต่ก็เคยข้ามน้ำมาสร้างชื่อเสียงในฝั่งอเมริกา โดยเฉพาะรายการมาราธอน 24 ชั่วโมงซึ่งจัดขึ้นที่สนามเดย์โทน่า โดยมีการเข้าร่วม 47 ครั้ง และสามารถคว้าชัยในรุ่นที่ลงแข่งถึง 15 ครั้งเลยทีเดียว โดยชัยชนะที่ถือว่าเด่นและได้รับการจดจำก็คือปี 1962 เมื่อฟิล ฮิลล์ และริคาร์โด รอดริเกซ ร่วมกับพาดีโน่ 246เอสพีคว้าแชมป์ เช่นเดียวกับปี 1967 ซึ่งมีรถแข่งของเฟอร์รารี่ 2 รุ่นขึ้นรับรางวัลบนโพเดี้ยม ซึ่งก็คือ 330 P4 และ 412 N.A.R.T.
บรรดาสาวกค่ายม้าป่าลำพองเตรียมตัวสัมผัสกับความเร้าใจใหม่บนสังเวียนแห่งใหม่ เพื่อพิสูจน์ว่าเฟอร์รารี่ยุคใหม่จะสามารถเดินตามรอยความสำเร็จในอดีตได้หรือไม่
Lotus Evora S : สวมยูนิฟอร์มรับใช้ประชาชน
ดูเหมือนว่าหน่วยงานราชการในอิตาลีจะค่อนข้างชอบอกชอบใจกับการใช้งบประมาณในการสร้างความฮือฮาอยู่เรื่อย เพราะหลังจากที่กรมตำรวจอิตาลี หรือ Polizia di Stato สั่งลัมบอร์กินี กัลญาร์โดมาประจำการในหน่วยสายตรวจทางหลวงได้ไม่นาน ทางด้านหน่วยงานของกองทัพก็เอาบ้าง
หน่วยงานที่ว่าคือ Carabinieri ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับสารวัตรทหารในบ้านเรา แต่จะดูแลความเรียบร้อยทั้งในส่วนของกองทัพควบคู่กับประชาชนคนทั่วไปด้วย โดยหน่วยงานนี้ ได้จัดการสั่งโลตัสผลิตอีโวรา เอสรุ่นพิเศษออกมา 2 คันด้วยกันสำหรับการใช้งานราชการสำหรับบำบัดทุกข์บำรุงสุข
อีโวรา เอสที่ว่ามาพร้อมกับความทันสมัย ทั้งคอมพิวเตอร์ออนบอร์ดสำหรับเชื่อมต่อข้อมูล รวมถึงตู้เย็นสำหรับบรรทุกเลือด หรืออวัยวะที่ถูกบริจาคในการส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง สำหรับการใช้งานทางการแพทย์
มาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะงงว่าถ้าอยากได้ตู้เย็นทำไมไม่ซื้อพวกรถตู้ไปเลย จะได้พื้นที่สำหรับติดตั้งเยอะๆ แต่ทางหน่วยงานนี้ได้อ้าง เอ๊ย...แจ้งว่า ด้วยเหตุที่ Carabinieri จำเป็นจะต้องใช้ความรวดเร็วในการเข้าถึงพื้นที่ซึ่งมีการร้องขอความช่วยเหลือ ดังนั้นการใช้รถตู้ก็อาจจะเทอะทะเกินไป ขณะที่รถเก๋งไซส์เล็กก็สมรรถนะไม่เร้าใจ ทำให้เคลื่อนที่ไม่เร็วพอ ก็เลยมาสรุปเอาที่รถสปอร์ต
โดยรถทั้ง 2 คันจะถูกประจำการอยู่ในโรม ซึ่งเป็นสำนักงานใหญ่ของ Carabinieri และอีกคันอยู่ที่มิลาน ส่วนพลขับที่จะต้องประจำอยู่หลังพวงมาลัย จะต้องถูกส่งตัวไปอบรมที่สำนักงานใหญ่ของโลตัสในเมืองเฮเธล ประเทศอังกฤษ ก่อนที่จะมารับหน้าที่ได้
อีโวรา เอสเป็นรถสปอร์ตเครื่องยนต์วางกลางรุ่นล่าสุดของโลตัส โดยเริ่มขายในตลาดมาตั้งแต่ปี 2009 ซึ่งรุ่นเอส เหนือระดับจากรุ่นธรรมดาเพราะว่าเครื่องยนต์ในรหัส 2GR-FE ของโตโยต้า ที่เป็นแบบวี6 3500 ซีซี ได้รับการโมดิฟายเพื่อรีดกำลังจาก 280 มาเป็น 350 แรงม้า
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 คันนี้ไม่ได้เป็นการขายขาด แต่เป็นการเช่าใช้ โดยมีระยะเวลา 2 ปีในการรับใช้ประชาชน