หลังจากแจ้งเกิดในเวทีมอเตอร์โชว์เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สำหรับค่ายรถจักรยานยนต์น้องใหม่ “บิ๊กบูล” (Bigbull) ด้วยการเปิดตัว 3 โมเดลหลัก คิงคอง แซดวัน(Kingkong Z1), ร็อค(Rock) และป็อกกี้(Pocky) โดยชูความแตกต่างด้านรูปร่างและคุณภาพ หวังเจาะตลาด2 ล้อเฉพาะกลุ่ม ซึ่งกระแสตอบรับจากบรรดาสิงห์นักบิดเป็นอย่างไร...“สุชาติ เลขวรรณวิเศษ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท บิ๊กบูล มอเตอร์ จำกัด จะมาให้คำตอบพร้อมเปิดเผยกลยุทธ์การทำตลาด ภายใต้แบรนด์มอเตอร์ไซค์ของคนไทย 100%

เสริมช่องว่างตลาดมอเตอร์ไซค์
ด้วยความที่เคยทำงานอยู่ในแวดวงรถจักรยานยนต์มายาวนาน ทั้งค่ายรถญี่ปุ่นอย่างซูซูกิและคาวาซากิ หรือแม้กระทั่งยี่ห้อของไทยอย่างไทเกอร์ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเห็นว่า ตลาดยังมีช่องว่างต้องการรถที่มีความแตกต่าง จึงตัดสินใจตั้ง บริษัท บิ๊กบูล มอเตอร์ จำกัด เพื่อจัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยมีพันธมิตรทางการค้าคือไทเกอร์เป็นผู้ผลิต อะไหล่และชิ้นส่วนมีทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ สัดส่วน 70% และ 30% ตามลำดับ
“บิ๊กบูล” แบรนด์คนไทย 100%
จุดกำเนิดชื่อยี่ห้อหรือตราสินค้าอยากให้มีกลิ่นอายความเป็นไทย และสามารถสู้กับแบรนด์ดังระดับโลก ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรดบูลหรือกระทิงแดงที่เป็นสินค้าของคนไทยเช่นเดียวกัน
เปิดตัว 3 รุ่น ยึดจุดเด่นที่แตกต่าง
รุ่น คิงคอง แซดวัน สำหรับกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบความแตกต่างไม่เหมือนใคร อุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งเป็นของแต่งทั้งหมด อย่างสวิงอาร์มหากไปซื้อในท้องตลาด ราคาประมาณ 4-5 พันบาท ล้อแม็กซ์ขอบ 12 นิ้ว ราคาประมาณ 5-6 พันบาท ยังไม่รวมท่อสูตร และไฮไลต์โช้คหน้าแบบหัวกลับราคาร่วมหมื่นบาท ซึ่งทั้งหมดลูกค้าไม่ต้องไปหาของแต่งเพิ่มอีก ซื้อแล้วพร้อมหล่อได้เลย โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คลัตช์มือ ราคา 54,500 บาท และคลัตช์ออโต้ ราคา 52,500 บาท

ส่วนรุ่น ร็อค จับกลุ่มวัยรุ่นตอนปลายหรือวัยทำงานที่ชื่นชอบรูปทรงชอปเปอร์อเมริกัน ขับขี่สบาย เน้นความเท่และใช้เดินทางท่องเที่ยว มีตัวเลือกทั้งแบบคลัตช์มือและคลัตช์ออโต้ ราคา 43,500 บาท และ 41,500 บาท ส่วนด้านการตลาดในอนาคตอาจเพิ่มออฟชันตกแต่งทำเป็นแคตตาล็อกให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าต้องการแนวไหน ซึ่งราคาจะสูงกว่าตัวมาตรฐานไม่มากนักเพิ่มประมาณหมื่นกว่าบาท
และรุ่น ป็อกกี้ เน้นวัยรุ่นสมัยใหม่ที่เบื่อรถออโตเมติก และต้องการรถที่มีสีสันสวยงาม ใช้งานง่าย รวมถึงมีสไตล์ความคลาสสิกปนอยู่ด้วย สำหรับรุ่นนี้ได้พัฒนานอกเหนือจากที่เปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ เพราะได้รับคำแนะนำจากลูกค้าว่าต้องการให้โช้คหน้าเป็นแบบเทเลสโคปิกแทนของเดิมที่ใช้ขดลวดสปริง เพื่อการใช้งานที่ดีกว่า และเราก็ปรับเปลี่ยนให้เพราะการผลิตต้องอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้าเสมอ โดยยึดราคาขายเท่าเดิมอยู่ที่ 33,500 บาท
กลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม
การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์อยู่ในกลุ่มนิชมาร์เก็ต ไม่เน้นจำนวน แต่หวังผลระยะยาวด้วยการดูแลหลังการขายและสร้างเครือข่ายลูกค้า ผ่านกิจกรรมคาราวานท่องเที่ยวและงานการกุศลเพื่อสังคม เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความสามัคคีและเหนียวแน่นเป็นพิเศษ ถ้าหากได้รับความนิยม เชื่อว่าสามารถต่อยอดการขายระหว่างสมาชิกในกลุ่มได้

เป้าหมายการขายและการรับประกัน
ตั้งเป้ายอดขายในประเทศเดือนละ 500 คัน คละทั้ง 3 รุ่น ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน และสำหรับเงื่อนไขการรับประกันเท่ารถญี่ปุ่นคือ 3 ปี หรือ 30,000 กม. ลูกค้ามั่นใจซื้อแล้วสามารถขี่ใช้งานบนถนนได้ เพราะรถมีเอกสารและใช้จดทะเบียนได้ถูกต้อง ขณะนี้มีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 30 แห่งทั่วประเทศ และสำหรับตลาดต่างประเทศ ทางโรดบอมเบอร์อีกหนึ่งพันธมิตรของเราจะเป็นผู้ดูแล ซึ่งมีนำไปขายที่ญี่ปุ่นและประเทศในแถบอาเซียน
การตอบรับหลังเปิดตัว
ไม่น่าเชื่อว่าในงานมอเตอร์โชว์จะมีลูกค้าจองรถกว่า 60 คัน แบ่งออกเป็นรุ่นคิงคอง แซดวัน 20 กว่าคัน, ร็อค 20 กว่าคัน และป็อกกี้อีกประมาณ 10 คัน ทั้งที่เงื่อนไขการขายระบุว่าต้องจ่ายเงินสด และต้องรอรับรถนานกว่า 2 เดือน เพราะเราพร้อมส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งนอกจากยอดจองที่สูงเกินคาดแล้ว ยังมีผู้ร่วมชมบูธอีกจำนวนมากที่แสดงความสนใจ และโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักงานขายด้วย

จุดเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค
หากย้อนดูจุดเปลี่ยนวงการมอเตอร์ไซค์ในเมืองไทย ยุคแรกเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ 2 จังหวะ มาเป็น 4 จังหวะ จนมาสู่ระบบออโตเมติก และปัจจุบันพัฒนาในด้านการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด และคาดว่าในอนาคตจุดเปลี่ยนต่อไปคือ การเลือกใช้รถที่มีความแตกต่างและเฉพาะกลุ่มมากขึ้น
เปิดตัวโมเดลใหม่เร็วๆ นี้
ยังมีอีกหลายรุ่นที่น่าสนใจแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ภายในปีนี้ขอทำตลาดเพียง 3 รุ่น ส่วนมอเตอร์โชว์ปีหน้าก็จับตาดูกันต่อไปว่า บิ๊กบูลจะมีเซอร์ไพร์สมายั่วสิงห์นักบิดกันอีกหรือไม่
เสริมช่องว่างตลาดมอเตอร์ไซค์
ด้วยความที่เคยทำงานอยู่ในแวดวงรถจักรยานยนต์มายาวนาน ทั้งค่ายรถญี่ปุ่นอย่างซูซูกิและคาวาซากิ หรือแม้กระทั่งยี่ห้อของไทยอย่างไทเกอร์ ซึ่งจากประสบการณ์ที่ผ่านมาเห็นว่า ตลาดยังมีช่องว่างต้องการรถที่มีความแตกต่าง จึงตัดสินใจตั้ง บริษัท บิ๊กบูล มอเตอร์ จำกัด เพื่อจัดจำหน่ายมอเตอร์ไซค์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม โดยมีพันธมิตรทางการค้าคือไทเกอร์เป็นผู้ผลิต อะไหล่และชิ้นส่วนมีทั้งที่ผลิตในประเทศและนำเข้าจากต่างประเทศ สัดส่วน 70% และ 30% ตามลำดับ
“บิ๊กบูล” แบรนด์คนไทย 100%
จุดกำเนิดชื่อยี่ห้อหรือตราสินค้าอยากให้มีกลิ่นอายความเป็นไทย และสามารถสู้กับแบรนด์ดังระดับโลก ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรดบูลหรือกระทิงแดงที่เป็นสินค้าของคนไทยเช่นเดียวกัน
เปิดตัว 3 รุ่น ยึดจุดเด่นที่แตกต่าง
รุ่น คิงคอง แซดวัน สำหรับกลุ่มวัยรุ่นที่ชอบความแตกต่างไม่เหมือนใคร อุปกรณ์มาตรฐานที่ติดตั้งเป็นของแต่งทั้งหมด อย่างสวิงอาร์มหากไปซื้อในท้องตลาด ราคาประมาณ 4-5 พันบาท ล้อแม็กซ์ขอบ 12 นิ้ว ราคาประมาณ 5-6 พันบาท ยังไม่รวมท่อสูตร และไฮไลต์โช้คหน้าแบบหัวกลับราคาร่วมหมื่นบาท ซึ่งทั้งหมดลูกค้าไม่ต้องไปหาของแต่งเพิ่มอีก ซื้อแล้วพร้อมหล่อได้เลย โดยมีให้เลือก 2 รุ่น คลัตช์มือ ราคา 54,500 บาท และคลัตช์ออโต้ ราคา 52,500 บาท
ส่วนรุ่น ร็อค จับกลุ่มวัยรุ่นตอนปลายหรือวัยทำงานที่ชื่นชอบรูปทรงชอปเปอร์อเมริกัน ขับขี่สบาย เน้นความเท่และใช้เดินทางท่องเที่ยว มีตัวเลือกทั้งแบบคลัตช์มือและคลัตช์ออโต้ ราคา 43,500 บาท และ 41,500 บาท ส่วนด้านการตลาดในอนาคตอาจเพิ่มออฟชันตกแต่งทำเป็นแคตตาล็อกให้ลูกค้าสามารถเลือกได้ว่าต้องการแนวไหน ซึ่งราคาจะสูงกว่าตัวมาตรฐานไม่มากนักเพิ่มประมาณหมื่นกว่าบาท
และรุ่น ป็อกกี้ เน้นวัยรุ่นสมัยใหม่ที่เบื่อรถออโตเมติก และต้องการรถที่มีสีสันสวยงาม ใช้งานง่าย รวมถึงมีสไตล์ความคลาสสิกปนอยู่ด้วย สำหรับรุ่นนี้ได้พัฒนานอกเหนือจากที่เปิดตัวในงานมอเตอร์โชว์ เพราะได้รับคำแนะนำจากลูกค้าว่าต้องการให้โช้คหน้าเป็นแบบเทเลสโคปิกแทนของเดิมที่ใช้ขดลวดสปริง เพื่อการใช้งานที่ดีกว่า และเราก็ปรับเปลี่ยนให้เพราะการผลิตต้องอยู่บนพื้นฐานความต้องการของลูกค้าเสมอ โดยยึดราคาขายเท่าเดิมอยู่ที่ 33,500 บาท
กลยุทธ์เจาะตลาดเฉพาะกลุ่ม
การวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์อยู่ในกลุ่มนิชมาร์เก็ต ไม่เน้นจำนวน แต่หวังผลระยะยาวด้วยการดูแลหลังการขายและสร้างเครือข่ายลูกค้า ผ่านกิจกรรมคาราวานท่องเที่ยวและงานการกุศลเพื่อสังคม เนื่องจากผู้บริโภคกลุ่มนี้มีความสามัคคีและเหนียวแน่นเป็นพิเศษ ถ้าหากได้รับความนิยม เชื่อว่าสามารถต่อยอดการขายระหว่างสมาชิกในกลุ่มได้
เป้าหมายการขายและการรับประกัน
ตั้งเป้ายอดขายในประเทศเดือนละ 500 คัน คละทั้ง 3 รุ่น ในสัดส่วนใกล้เคียงกัน และสำหรับเงื่อนไขการรับประกันเท่ารถญี่ปุ่นคือ 3 ปี หรือ 30,000 กม. ลูกค้ามั่นใจซื้อแล้วสามารถขี่ใช้งานบนถนนได้ เพราะรถมีเอกสารและใช้จดทะเบียนได้ถูกต้อง ขณะนี้มีตัวแทนจำหน่ายประมาณ 30 แห่งทั่วประเทศ และสำหรับตลาดต่างประเทศ ทางโรดบอมเบอร์อีกหนึ่งพันธมิตรของเราจะเป็นผู้ดูแล ซึ่งมีนำไปขายที่ญี่ปุ่นและประเทศในแถบอาเซียน
การตอบรับหลังเปิดตัว
ไม่น่าเชื่อว่าในงานมอเตอร์โชว์จะมีลูกค้าจองรถกว่า 60 คัน แบ่งออกเป็นรุ่นคิงคอง แซดวัน 20 กว่าคัน, ร็อค 20 กว่าคัน และป็อกกี้อีกประมาณ 10 คัน ทั้งที่เงื่อนไขการขายระบุว่าต้องจ่ายเงินสด และต้องรอรับรถนานกว่า 2 เดือน เพราะเราพร้อมส่งมอบได้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป ซึ่งนอกจากยอดจองที่สูงเกินคาดแล้ว ยังมีผู้ร่วมชมบูธอีกจำนวนมากที่แสดงความสนใจ และโทรศัพท์มาสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่สำนักงานขายด้วย
จุดเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภค
หากย้อนดูจุดเปลี่ยนวงการมอเตอร์ไซค์ในเมืองไทย ยุคแรกเปลี่ยนจากเครื่องยนต์ 2 จังหวะ มาเป็น 4 จังหวะ จนมาสู่ระบบออโตเมติก และปัจจุบันพัฒนาในด้านการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด และคาดว่าในอนาคตจุดเปลี่ยนต่อไปคือ การเลือกใช้รถที่มีความแตกต่างและเฉพาะกลุ่มมากขึ้น
เปิดตัวโมเดลใหม่เร็วๆ นี้
ยังมีอีกหลายรุ่นที่น่าสนใจแต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ ภายในปีนี้ขอทำตลาดเพียง 3 รุ่น ส่วนมอเตอร์โชว์ปีหน้าก็จับตาดูกันต่อไปว่า บิ๊กบูลจะมีเซอร์ไพร์สมายั่วสิงห์นักบิดกันอีกหรือไม่