ข่าวต่างประเทศ-ทาทา มอเตอร์ ประกาศเปิดไลน์ผลิตเอสยูวีระดับหรูจากอังกฤษอย่างแลนด์โรเวอร์ในอินเดียแล้ว ตั้งเป้าเจาะตลาดในบ้านตัวเอง ขณะที่บริษัทคู่แฝดอย่างจากัวร์ที่เทคโอเวอร์กิจการมาพร้อมกันจากค่ายฟอร์ดนั้น ทางทาทายังไม่ได้เปิดเผยว่าจะมีการผลิตรถยนต์จากไลน์ผลิตในอินเดียออกมาขายหรือไม่
ราล์ฟ สเป็ธ บอสส์ใหญ่ของทางแลนด์โรเวอร์เผยว่า ในตอนนี้ทางแลนด์โรเวอร์ให้ความสำคัญกับตลาดรถยนต์เกิดใหม่ทั่วโลกอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบราซิล, จีน หรือรัสเซีย ซึ่งการเปิดโรงงานของแลนด์โรเวอร์ในอินเดียครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่ปรับในตลาด
สำหรับผลผลิตแรกที่เป็น Made in India ของแลนด์โรเวอร์จะเป็นรุ่นฟรีแลนเดอร์ และจากการที่ผลิตในประเทศทำให้ทางแลนด์โรเวอร์สามารถตั้งราคาขายได้ถูกลง เพราะว่าไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าที่สูงถึง 100% ให้กับรัฐบาลอินเดียเหมือนกับรถยนต์ระดับหรูแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นแบบนำเข้า ส่วนโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่เมือง Pune
การเปิดไลน์ผลิตของแลนด์โรเวอร์ถือว่าเป็นการช่วยเพิ่มสีสัน และความคึกคักในตลาดรถยนต์ระดับหรูของอินเดียได้เป็นอย่างดี เพราะว่าก่อนหน้านี้ 2 เดือน แอสตัน มาร์ติน และเฟอร์รารี่ รวมถึงมาเซราติของค่ายเฟียตก็เพิ่งเข้ามาเปิดตัวโชว์รูมและดีลเลอร์ในอินเดีย ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
ดีลเลอร์ของแอสตัน มาร์ตินรายแรกเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน และตั้งเป้าขยับยอดขายในอินเดียให้เพิ่มขึ้น โดยภายใน 5 ปีนับจากนี้ ส่วนแบ่งทางด้านยอดขายของอินเดียจะต้องมีสัดส่วนอยู่ในระดับ 25% จากยอดขายรวมของภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง จากเดิมอยู่แค่ 10-12% เท่านั้น ขณะที่เฟอร์รารี่วางแผนเพิ่มยอดขายได้ในระดับ 100 คันภายในปี 2014
นับจากทุ่มเงินจำนวน 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 72,000 ล้านบาท เพื่อซื้อกิจการแบบแพ็คคู่ของจากัวร์ และแลนด์โรเวอร์มาจากฟอร์ดเมื่อปี 2008 ทางทาทา มอเตอร์พยายามปลุกปั้นและพลิกโอกาสให้ทั้ง 2 แบรนด์กลับมายืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเองอีกครั้ง และจัดการรวม 2 บริษัทเข้าด้วยกันในชื่อ JLR หรือ Jaguar and Land Rover
ในปีที่แล้ว ทั้ง 2 บริษัทมียอดขายรวมกันอยู่ในระดับ 243,621 คัน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2009 ถึง 26% โดยเป็นผลมาจากการได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดจีนและรัสเซียที่ขยับขึ้นถึง 43% โดยในจีนแห่งเดียวสามารถทำยอดขายได้ถึง 29,600 คัน
คาร์ล-ปีเตอร์ ฟอสเตอร์ ซีอีโอของทาทา มอเตอร์ กล่าวเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ทางบริษัทจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพของทั้ง 2 แบรนด์ในการแข่งขันตลาดโลก โดยจะมีการทุ่มเงินลงทุนจำนวน 5,000 ล้านปอนด์ หรือ 250,000 ล้านบาท ในการทำตลาดของทั้ง 2 บริษัทตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า และมีการพิจารณาการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ที่อินเดียอีกด้วย
ราล์ฟ สเป็ธ บอสส์ใหญ่ของทางแลนด์โรเวอร์เผยว่า ในตอนนี้ทางแลนด์โรเวอร์ให้ความสำคัญกับตลาดรถยนต์เกิดใหม่ทั่วโลกอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบราซิล, จีน หรือรัสเซีย ซึ่งการเปิดโรงงานของแลนด์โรเวอร์ในอินเดียครั้งนี้จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดี และจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันกับคู่ปรับในตลาด
สำหรับผลผลิตแรกที่เป็น Made in India ของแลนด์โรเวอร์จะเป็นรุ่นฟรีแลนเดอร์ และจากการที่ผลิตในประเทศทำให้ทางแลนด์โรเวอร์สามารถตั้งราคาขายได้ถูกลง เพราะว่าไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าที่สูงถึง 100% ให้กับรัฐบาลอินเดียเหมือนกับรถยนต์ระดับหรูแบรนด์อื่นๆ ที่เป็นแบบนำเข้า ส่วนโรงงานผลิตตั้งอยู่ที่เมือง Pune
การเปิดไลน์ผลิตของแลนด์โรเวอร์ถือว่าเป็นการช่วยเพิ่มสีสัน และความคึกคักในตลาดรถยนต์ระดับหรูของอินเดียได้เป็นอย่างดี เพราะว่าก่อนหน้านี้ 2 เดือน แอสตัน มาร์ติน และเฟอร์รารี่ รวมถึงมาเซราติของค่ายเฟียตก็เพิ่งเข้ามาเปิดตัวโชว์รูมและดีลเลอร์ในอินเดีย ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นตลาดเกิดใหม่ที่มีอัตราการขยายตัวสูงที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
ดีลเลอร์ของแอสตัน มาร์ตินรายแรกเปิดตัวเมื่อเดือนเมษายน และตั้งเป้าขยับยอดขายในอินเดียให้เพิ่มขึ้น โดยภายใน 5 ปีนับจากนี้ ส่วนแบ่งทางด้านยอดขายของอินเดียจะต้องมีสัดส่วนอยู่ในระดับ 25% จากยอดขายรวมของภูมิภาคเอเชียและตะวันออกกลาง จากเดิมอยู่แค่ 10-12% เท่านั้น ขณะที่เฟอร์รารี่วางแผนเพิ่มยอดขายได้ในระดับ 100 คันภายในปี 2014
นับจากทุ่มเงินจำนวน 2,400 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 72,000 ล้านบาท เพื่อซื้อกิจการแบบแพ็คคู่ของจากัวร์ และแลนด์โรเวอร์มาจากฟอร์ดเมื่อปี 2008 ทางทาทา มอเตอร์พยายามปลุกปั้นและพลิกโอกาสให้ทั้ง 2 แบรนด์กลับมายืนอยู่ได้ด้วยลำแข้งของตัวเองอีกครั้ง และจัดการรวม 2 บริษัทเข้าด้วยกันในชื่อ JLR หรือ Jaguar and Land Rover
ในปีที่แล้ว ทั้ง 2 บริษัทมียอดขายรวมกันอยู่ในระดับ 243,621 คัน หรือเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันในปี 2009 ถึง 26% โดยเป็นผลมาจากการได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดจีนและรัสเซียที่ขยับขึ้นถึง 43% โดยในจีนแห่งเดียวสามารถทำยอดขายได้ถึง 29,600 คัน
คาร์ล-ปีเตอร์ ฟอสเตอร์ ซีอีโอของทาทา มอเตอร์ กล่าวเมื่อต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาว่า ทางบริษัทจะมีการลงทุนอย่างต่อเนื่องเพื่อเพิ่มศักยภาพของทั้ง 2 แบรนด์ในการแข่งขันตลาดโลก โดยจะมีการทุ่มเงินลงทุนจำนวน 5,000 ล้านปอนด์ หรือ 250,000 ล้านบาท ในการทำตลาดของทั้ง 2 บริษัทตลอดช่วง 5 ปีข้างหน้า และมีการพิจารณาการก่อสร้างโรงงานผลิตเครื่องยนต์ที่อินเดียอีกด้วย