ข่าวต่างประเทศ - มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประกาศเตรียมปรับทัพและแนวทางในการผลิตรถยนต์ใหม่ โดยจะเตรียมยกเลิกแนวคิดในการผลิตรถยนต์ออกมาเพื่อตลาดเพียงแห่งเดียว โดยเริ่มที่สหรัฐอเมริกาด้วยการยกเลิกรุ่นอย่างอีคลิปส์ และเอ็นเดียฟเวอร์ วางเป้าหมายเพื่อลดต้นทุนในการผลิต และเพิ่มโอกาสในการแข่งขันในตลาดโลกมากยิ่งขึ้น
โอซามุ มาซึโกะ ประธานของมิตซูบิชิ มอเตอร์สกล่าวว่า แนวทางดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์ธุรกิจในระยะกลางของมิตซูบิชิที่เรียกว่า Jump 2013 โดยเนมเพลท (ชื่อรุ่นรถยนต์) เหล่านั้น จะถูกขจัดออกไป ซึ่งรถยนต์ที่จะยุติบทบาทในการทำตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นที่ผลิตขึ้นมาเพื่อขายในตลาดอเมริกาเป็นหลัก เช่น อีคลิปส์ทั้งตัวถังคูเป้ และเปิดประทุน, เอ็นเดียฟเวอร์ ซึ่งเป็นเอสยูวีขนาดใหญ่ และกาแลนท์ รถยนต์ขนาดกลาง
นอกจากนั้น ทางมิตซูบิชิ มอเตอร์สยังวางแผนปรับไลน์การผลิตให้กับโรงงานของตัวเองในอเมริกา ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองนอร์มัล มลรัฐอิลลินอยส์ โดยทางมาซึโกะเผยว่าจะมีการปรับปรุงไลน์ผลิตเพื่อรองรับกับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่แชร์พื้นฐานเดียวกับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็กค์ เช่น แลนเซอร์ และเอาท์แลนเดอร์ ส่วนในเรื่องของรายละเอียดยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ แต่จะมีทั้งการผลิตเพื่อขายในประเทศ (อเมริกา) และส่งออกบางส่วนไปยังตลาดต่างแดน
การยุติการทำตลาดของรถยนต์เหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญของมิตซูบิชิในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับมาตรฐานในด้านการแข่งขัน และทางมาซาโกะไม่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบอะไรกับยอดขายและส่วนแบ่งในตลาด ซึ่งปัจจุบันมิตซูบิชิมีสัดส่วนอยู่ที่ 3% ในตลาดแห่งนี้
โดยเขาระบุว่าการเลิกผลิตรถยนต์พร้อมกันทีเดียวถึง 4 ตัวถังจาก 3 รุ่นอาจจะทำให้มีผลบ้างในแง่ของจิตวิทยา แต่ความจริงแล้ว ทางมิตซูบิชิก็มีแผนการรองรับเอาไว้ด้วย กับการเปิดตัวรถยนต์ตระกูลใหม่ๆ ออกมาเสริมตลาด และหนึ่งในนั้นคือ ต้นแบบที่มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า Global Small Car ที่จะเปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011 เดือนมีนาคมนี้ และมีเมืองไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิต
นอกจากนั้น ทางประธานมิตซูบิชิยังเปิดเผยอีกว่า ทางบริษัทมุ่งเน้นไปในเรื่องของการพัฒนารถยนต์ และเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่มีความประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีพลังไฟฟ้า อีกทั้งยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโปรเจ็กต์การร่วมมือกันพัฒนาปิกอัพขนาด 1 ตันระหว่างมิตซูบิชิกับนิสสัน เพื่อขายในตลาดรถยนต์ที่มีอัตราการขยายตัวแบบก้าวกระโดดนั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
พร้อมกับเผยอีกว่า นอกจากความร่วมมือในการผลิตปิกอัพแล้ว ทางมิตซูบิชิจะดึงนิสสันให้เข้ามาร่วมมือกับโปรเจ็กต์ผลิตรถยนต์ขนาดเล็กด้วย เช่นเดียวกับการดึงซูซูกิให้เข้ามาร่วมงานในการพัฒนารถยนต์ไซส์เล็กทั้งในกลุ่มรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เพื่อส่งขายในตลาดทั่วโลก แต่ไม่มีการยืนยันช่วงเวลาที่แน่ชัดของโปรเจ็กต์นี้
โอซามุ มาซึโกะ ประธานของมิตซูบิชิ มอเตอร์สกล่าวว่า แนวทางดังกล่าวเป็นไปตามกลยุทธ์ธุรกิจในระยะกลางของมิตซูบิชิที่เรียกว่า Jump 2013 โดยเนมเพลท (ชื่อรุ่นรถยนต์) เหล่านั้น จะถูกขจัดออกไป ซึ่งรถยนต์ที่จะยุติบทบาทในการทำตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นรุ่นที่ผลิตขึ้นมาเพื่อขายในตลาดอเมริกาเป็นหลัก เช่น อีคลิปส์ทั้งตัวถังคูเป้ และเปิดประทุน, เอ็นเดียฟเวอร์ ซึ่งเป็นเอสยูวีขนาดใหญ่ และกาแลนท์ รถยนต์ขนาดกลาง
นอกจากนั้น ทางมิตซูบิชิ มอเตอร์สยังวางแผนปรับไลน์การผลิตให้กับโรงงานของตัวเองในอเมริกา ซึ่งตั้งอยู่ที่เมืองนอร์มัล มลรัฐอิลลินอยส์ โดยทางมาซึโกะเผยว่าจะมีการปรับปรุงไลน์ผลิตเพื่อรองรับกับการผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ที่แชร์พื้นฐานเดียวกับรถยนต์ในกลุ่มคอมแพ็กค์ เช่น แลนเซอร์ และเอาท์แลนเดอร์ ส่วนในเรื่องของรายละเอียดยังไม่มีการเปิดเผยออกมาในตอนนี้ แต่จะมีทั้งการผลิตเพื่อขายในประเทศ (อเมริกา) และส่งออกบางส่วนไปยังตลาดต่างแดน
การยุติการทำตลาดของรถยนต์เหล่านี้ถือเป็นส่วนสำคัญของมิตซูบิชิในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์เพื่อยกระดับมาตรฐานในด้านการแข่งขัน และทางมาซาโกะไม่เชื่อว่าจะส่งผลกระทบอะไรกับยอดขายและส่วนแบ่งในตลาด ซึ่งปัจจุบันมิตซูบิชิมีสัดส่วนอยู่ที่ 3% ในตลาดแห่งนี้
โดยเขาระบุว่าการเลิกผลิตรถยนต์พร้อมกันทีเดียวถึง 4 ตัวถังจาก 3 รุ่นอาจจะทำให้มีผลบ้างในแง่ของจิตวิทยา แต่ความจริงแล้ว ทางมิตซูบิชิก็มีแผนการรองรับเอาไว้ด้วย กับการเปิดตัวรถยนต์ตระกูลใหม่ๆ ออกมาเสริมตลาด และหนึ่งในนั้นคือ ต้นแบบที่มีชื่ออย่างไม่เป็นทางการว่า Global Small Car ที่จะเปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โชว์ 2011 เดือนมีนาคมนี้ และมีเมืองไทยเป็นศูนย์กลางในการผลิต
นอกจากนั้น ทางประธานมิตซูบิชิยังเปิดเผยอีกว่า ทางบริษัทมุ่งเน้นไปในเรื่องของการพัฒนารถยนต์ และเทคโนโลยีเพื่อสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเครื่องยนต์ที่มีความประหยัดน้ำมัน และเทคโนโลยีพลังไฟฟ้า อีกทั้งยังกล่าวเพิ่มเติมว่า สำหรับโปรเจ็กต์การร่วมมือกันพัฒนาปิกอัพขนาด 1 ตันระหว่างมิตซูบิชิกับนิสสัน เพื่อขายในตลาดรถยนต์ที่มีอัตราการขยายตัวแบบก้าวกระโดดนั้นจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
พร้อมกับเผยอีกว่า นอกจากความร่วมมือในการผลิตปิกอัพแล้ว ทางมิตซูบิชิจะดึงนิสสันให้เข้ามาร่วมมือกับโปรเจ็กต์ผลิตรถยนต์ขนาดเล็กด้วย เช่นเดียวกับการดึงซูซูกิให้เข้ามาร่วมงานในการพัฒนารถยนต์ไซส์เล็กทั้งในกลุ่มรถยนต์นั่ง และรถยนต์เพื่อการพาณิชย์เพื่อส่งขายในตลาดทั่วโลก แต่ไม่มีการยืนยันช่วงเวลาที่แน่ชัดของโปรเจ็กต์นี้
