ข่าวในประเทศ - กรมการขนส่งทางบก เผยยอดรถจดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) ปี 52 ทั่วประเทศกว่า 2 ล้านคัน ลดลงจากปี 51 กว่า 3 แสนคัน หรือ 12.54 เปอร์เซ็นต์ รถปิคอัพลดลงมากที่สุดกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ส่วนรถเก๋งลดลงเกือบ 7 เปอร์เซ็นต์ ชี้น้ำมันแพงทำให้คนหันมาใช้รถยนต์ขนาดเล็กมากขึ้น
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในปี 2552 ที่ผ่านมา มีผู้นำรถใหม่(ป้ายแดง) มาจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก และสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศกว่า 2 ล้านคันซึ่งลดลงจากปี 2551 กว่า 3 แสนคัน หรือคิดเป็น 12.54 เปอร์เซ็นต์ โดยรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถปิคอัพ) มียอดจดทะเบียนลดลงมากที่สุดถึงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรถจักรยานยนต์ลดลงกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง) ลดลงเกือบ 7 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ จากสภาพเศรษฐกิจและราคาน้ำมันปรับตัวสูงทำให้ประชาชนหันมาประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการใช้รถยนต์ขนาดเล็ก
สำหรับ ยอดรถจดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) ในปี 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,108,596 คัน ลดลงจากปี 2551 จำนวน 302,376 คัน เป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2522 ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง) จำนวน 296,442 คัน ลดลง 21,701 คัน หรือคิดเป็น 6.82 เปอร์เซ็นต์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เกิน 7 คน (รถตู้) จำนวน 12,811 คัน ลดลง 5,110 คัน หรือคิดเป็น 28.51 เปอร์เซ็นต์ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถปิคอัพ) จำนวน 190,844 คัน ลดลง 83,587 คัน หรือคิดเป็น 30.45 เปอร์เซ็นต์ และรถจักรยานยนต์จำนวน 1,529,350 คัน ลดลง 185,694 คัน หรือคิดเป็น 10.82 เปอร์เซ็นต์
ส่วนรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ได้แก่ รถบรรทุก รถโดยสาร และรถขนาดเล็ก มียอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 25,842 คันลดลงจากปี 2551 จำนวน 5,829 คัน หรือคิดเป็น 18.40 เปอร์เซ็นต์ โดยรถบรรทุกมียอดจดทะเบียน จำนวน 21,527 คัน ลดลง 4,673 คัน หรือคิดเป็น 17.83 เปอร์เซ็นต์ รถโดยสาร จำนวน 4,254 คัน ลดลง 1,134 คัน หรือคิดเป็น 21 เปอร์เซ็นต์ และรถขนาดเล็ก จำนวน 61 คัน ลดลง 22 คัน หรือคิดเป็น 26.50 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้จากสภาพเศรษฐกิจและปัญหาน้ำมันมีราคาแพง ทำให้ประชาชนหันมาเลือกใช้รถยนต์ขนาดเล็กที่มีความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี) ต่ำกันมากขึ้น โดยรถเก๋งที่มีความจุกระบอกสูบ ระหว่าง 1,301-1,600 ซี.ซี. ในปี 2552มียอดจดทะเบียน จำนวน 140,646 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 จำนวน 10,126 คัน หรือ คิดเป็น 7.19 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่รถเก๋งที่มีความจุกระบอกสูบ ตั้งแต่ 2,000 ซี.ซี. ขึ้นไป มียอดจดทะเบียน จำนวน 98,903 คัน ลดลงจาก ปี 2551ถึง 23,004 คัน หรือคิดเป็น 18.87 เปอร์เซ็นต์
นายชัยรัตน์ สงวนชื่อ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยว่า ในปี 2552 ที่ผ่านมา มีผู้นำรถใหม่(ป้ายแดง) มาจดทะเบียนกับกรมการขนส่งทางบก และสำนักงานขนส่งจังหวัดทั่วประเทศกว่า 2 ล้านคันซึ่งลดลงจากปี 2551 กว่า 3 แสนคัน หรือคิดเป็น 12.54 เปอร์เซ็นต์ โดยรถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถปิคอัพ) มียอดจดทะเบียนลดลงมากที่สุดถึงกว่า 30 เปอร์เซ็นต์ ส่วนรถจักรยานยนต์ลดลงกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ และรถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง) ลดลงเกือบ 7 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ จากสภาพเศรษฐกิจและราคาน้ำมันปรับตัวสูงทำให้ประชาชนหันมาประหยัดค่าใช้จ่ายด้วยการใช้รถยนต์ขนาดเล็ก
สำหรับ ยอดรถจดทะเบียนใหม่ (ป้ายแดง) ในปี 2552 มีจำนวนทั้งสิ้น 2,108,596 คัน ลดลงจากปี 2551 จำนวน 302,376 คัน เป็นรถตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ พ.ศ. 2522 ได้แก่ รถยนต์นั่งส่วนบุคคลไม่เกิน 7 คน (รถเก๋ง) จำนวน 296,442 คัน ลดลง 21,701 คัน หรือคิดเป็น 6.82 เปอร์เซ็นต์ รถยนต์นั่งส่วนบุคคล เกิน 7 คน (รถตู้) จำนวน 12,811 คัน ลดลง 5,110 คัน หรือคิดเป็น 28.51 เปอร์เซ็นต์ รถยนต์บรรทุกส่วนบุคคล (รถปิคอัพ) จำนวน 190,844 คัน ลดลง 83,587 คัน หรือคิดเป็น 30.45 เปอร์เซ็นต์ และรถจักรยานยนต์จำนวน 1,529,350 คัน ลดลง 185,694 คัน หรือคิดเป็น 10.82 เปอร์เซ็นต์
ส่วนรถตามกฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก พ.ศ. 2522 ได้แก่ รถบรรทุก รถโดยสาร และรถขนาดเล็ก มียอดจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 25,842 คันลดลงจากปี 2551 จำนวน 5,829 คัน หรือคิดเป็น 18.40 เปอร์เซ็นต์ โดยรถบรรทุกมียอดจดทะเบียน จำนวน 21,527 คัน ลดลง 4,673 คัน หรือคิดเป็น 17.83 เปอร์เซ็นต์ รถโดยสาร จำนวน 4,254 คัน ลดลง 1,134 คัน หรือคิดเป็น 21 เปอร์เซ็นต์ และรถขนาดเล็ก จำนวน 61 คัน ลดลง 22 คัน หรือคิดเป็น 26.50 เปอร์เซ็นต์
ทั้งนี้จากสภาพเศรษฐกิจและปัญหาน้ำมันมีราคาแพง ทำให้ประชาชนหันมาเลือกใช้รถยนต์ขนาดเล็กที่มีความจุกระบอกสูบ (ซี.ซี) ต่ำกันมากขึ้น โดยรถเก๋งที่มีความจุกระบอกสูบ ระหว่าง 1,301-1,600 ซี.ซี. ในปี 2552มียอดจดทะเบียน จำนวน 140,646 คัน เพิ่มขึ้นจากปี 2551 จำนวน 10,126 คัน หรือ คิดเป็น 7.19 เปอร์เซ็นต์ ในขณะที่รถเก๋งที่มีความจุกระบอกสูบ ตั้งแต่ 2,000 ซี.ซี. ขึ้นไป มียอดจดทะเบียน จำนวน 98,903 คัน ลดลงจาก ปี 2551ถึง 23,004 คัน หรือคิดเป็น 18.87 เปอร์เซ็นต์