ข่าวในประเทศ - สหการประมูลเผยกลยุทธ์ปี 2553 เน้นบริการครบวงจรและสร้างความพึงพอใจสูงสุด รับมือธุรกิจประมูลรถยนต์มือสองแข่งขันรุนแรง มั่นใจตลาดมือสองต่างจังหวัดสดใสไร้คู่แข่ง เผยยอดขายรถเก๋ง-กระบะได้กว่า 5 หมื่นคัน มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท ชี้เทรนด์ผู้บริโภคมือสองมั่นใจซื้อรถประมูล
เสาวลักษณ์ ชัยเดชสุริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด เปิดเผยว่า การแข่งขันของธุรกิจประมูลในปี 2552 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าในปี 2553 นั้นสถานการณ์ตลาดรถยนต์มือสองจะมีการแข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจประมูลรถยนต์มือสองที่เชื่อว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากซัพพลายมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งรถบ้านที่เกิดจากการซื้อรถยนต์ใหม่และรถยึดจากไฟแนนซ์ต่าง ๆ ได้ทยอยสู่ตลาดมือสองอย่างต่อเนื่อง
“ธุรกิจประมูลรถยนต์ต้องแข่งขันกันสร้างความพึงใจให้กับลูกค้า ทั้งกับสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าของรถยนต์ ด้วยเงื่อนไขที่จูงใจ รวมทั้งรูปแบบการจัดกิจกรรมการประมูล นอกจากนี้แล้วยังเน้นเรื่องความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคฝ่ายผู้ซื้อ ทั้งเรื่องการลดค่าดำเนินการและเงื่อนไขอื่น ๆ ที่สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าร่วมประมูลซื้อกับบริษัทของตนเอง”
ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทประมูลรายใหม่เกิดขึ้นหลายแห่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สหการประมูลต้องทบทวนกลยุทธ์การตลาด โดยเฉพาะในปี 2553 นี้บริษัทยังคงกำหนดค่าดำเนินการเท่าเดิม ทั้งในส่วนของรถยนต์และจักรยานยนต์มือสอง ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ถูกกว่าคู่แข่งอยู่แล้ว ในขณะที่การให้บริการนั้นได้มาตรฐานระดับสากลเทียบเท่ากับการประมูลรถยนต์ในยุโรปและอเมริกา
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนารูปแบบการให้บริการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เช่น เน้นเรื่องบริการที่ครบวงจร ตั้งแต่การให้บริการข้อมูลจริงของรถยนต์ทุกคันกับผู้ซื้อ มีการตรวจสอบคุณภาพจากองค์กรที่เป็นกลาง รวมทั้งการให้บริการอื่น ๆ เช่น การโอน จดทะเบียน จัดไฟแนนซ์ และอื่น ๆ ที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้า
นางสาวเสาวลักษณ์กล่าว และเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ธุรกิจประมูลรถยนต์มือสองมีการแข่งขันสูงและจำนวนรถยนต์มือสองได้เพิ่มขึ้นนี้เป็นโอกาสที่ดีในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การแข่งขันด้านราคาขาย เงื่อนไขและค่าดำเนินการ รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่จะทำให้พึงพอใจมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนารูปแบบการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ในการตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสอง เนื่องจากการประมูลได้กลายเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าในปัจจุบันไปแล้ว และเชื่อว่าความนิยมซื้อรถยนต์จากการประมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะได้มีการพัฒนาระบบการประมูลที่น่าเชื่อถือและสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าได้มากกว่าในอดีต
โดยเฉพาะตลาดรถยนต์มือสองในภูมิภาคต่าง ๆ ที่ได้รับความสนใจและนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ที่ผ่านมาสามารถประมูลขายในตลาดต่างจังหวัดได้ถึง 5 หมื่นคัน มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท เนื่องจากยังมีคู่แข่งน้อยในขณะที่จำนวนรถยนต์มือสองและความต้องการซื้อนั้นอยู่ในอัตราที่สูงกว่าตลาดส่วนกลาง
เสาวลักษณ์ ชัยเดชสุริยะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด เปิดเผยว่า การแข่งขันของธุรกิจประมูลในปี 2552 ที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าในปี 2553 นั้นสถานการณ์ตลาดรถยนต์มือสองจะมีการแข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจประมูลรถยนต์มือสองที่เชื่อว่าจะมีการแข่งขันรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากซัพพลายมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ทั้งรถบ้านที่เกิดจากการซื้อรถยนต์ใหม่และรถยึดจากไฟแนนซ์ต่าง ๆ ได้ทยอยสู่ตลาดมือสองอย่างต่อเนื่อง
“ธุรกิจประมูลรถยนต์ต้องแข่งขันกันสร้างความพึงใจให้กับลูกค้า ทั้งกับสถาบันการเงินที่เป็นเจ้าของรถยนต์ ด้วยเงื่อนไขที่จูงใจ รวมทั้งรูปแบบการจัดกิจกรรมการประมูล นอกจากนี้แล้วยังเน้นเรื่องความพึงพอใจให้กับผู้บริโภคฝ่ายผู้ซื้อ ทั้งเรื่องการลดค่าดำเนินการและเงื่อนไขอื่น ๆ ที่สามารถกระตุ้นให้ลูกค้าร่วมประมูลซื้อกับบริษัทของตนเอง”
ในช่วงที่ผ่านมามีบริษัทประมูลรายใหม่เกิดขึ้นหลายแห่ง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้สหการประมูลต้องทบทวนกลยุทธ์การตลาด โดยเฉพาะในปี 2553 นี้บริษัทยังคงกำหนดค่าดำเนินการเท่าเดิม ทั้งในส่วนของรถยนต์และจักรยานยนต์มือสอง ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ถูกกว่าคู่แข่งอยู่แล้ว ในขณะที่การให้บริการนั้นได้มาตรฐานระดับสากลเทียบเท่ากับการประมูลรถยนต์ในยุโรปและอเมริกา
นอกจากนี้ยังมีแผนที่จะพัฒนารูปแบบการให้บริการ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถและสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า เช่น เน้นเรื่องบริการที่ครบวงจร ตั้งแต่การให้บริการข้อมูลจริงของรถยนต์ทุกคันกับผู้ซื้อ มีการตรวจสอบคุณภาพจากองค์กรที่เป็นกลาง รวมทั้งการให้บริการอื่น ๆ เช่น การโอน จดทะเบียน จัดไฟแนนซ์ และอื่น ๆ ที่สามารถรองรับความต้องการของลูกค้า
นางสาวเสาวลักษณ์กล่าว และเปิดเผยเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่ธุรกิจประมูลรถยนต์มือสองมีการแข่งขันสูงและจำนวนรถยนต์มือสองได้เพิ่มขึ้นนี้เป็นโอกาสที่ดีในการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภค เนื่องจากจะได้รับสิทธิประโยชน์ในหลาย ๆ ด้าน เช่น การแข่งขันด้านราคาขาย เงื่อนไขและค่าดำเนินการ รวมทั้งสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่จะทำให้พึงพอใจมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้พัฒนารูปแบบการให้บริการลูกค้าอย่างต่อเนื่อง ทำให้เกิดเทรนด์ใหม่ในการตัดสินใจซื้อรถยนต์มือสอง เนื่องจากการประมูลได้กลายเป็นทางเลือกสำหรับลูกค้าในปัจจุบันไปแล้ว และเชื่อว่าความนิยมซื้อรถยนต์จากการประมูลจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะได้มีการพัฒนาระบบการประมูลที่น่าเชื่อถือและสร้างความไว้วางใจกับลูกค้าได้มากกว่าในอดีต
โดยเฉพาะตลาดรถยนต์มือสองในภูมิภาคต่าง ๆ ที่ได้รับความสนใจและนิยมจากลูกค้าเป็นอย่างดี ทำให้ที่ผ่านมาสามารถประมูลขายในตลาดต่างจังหวัดได้ถึง 5 หมื่นคัน มูลค่ากว่า 6 พันล้านบาท เนื่องจากยังมีคู่แข่งน้อยในขณะที่จำนวนรถยนต์มือสองและความต้องการซื้อนั้นอยู่ในอัตราที่สูงกว่าตลาดส่วนกลาง