xs
xsm
sm
md
lg

นิสสันเปิดแผนธุรกิจโตเท่าตัว ใช้อีโคคาร์เป็นหัวหอกนำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายโทรุ ฮาเซกาวา
ข่าวในประเทศ – ค่าย “นิสสัน” ฮึกเหิม เปิดแผนปรับปรุงปฎิรูปธุรกิจ 4 ปี ผลักดันแชร์โตเป็นเท่าตัว หรือไม่ต่ำกว่า 10% ภายในปี 2555 โดยมีอีโคคาร์ที่จะเปิดตัวเดือนมี.ค.ปีหน้าเป็นหัวหอกนำ พร้อมประกาศใช้ไทยเป็นฐานการผลิตเก๋งหลากรุ่น ขณะที่บีโอไอประกาศความสำเร็จโครงการอีโคคาร์ และเดินหน้าเปิดตัวโครงการใหม่มูลค่าหมื่นล้านบาท แย้มมีค่ายรถสนใจลงทุนและจะเปิดตัวเร็วๆ นี้

นายโทรุ ฮาเซกาวา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท นิสสัน มอเตอร์(ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ในรอบการดำเนินงานของนิสสันผ่านเข้าสู่ครึ่งหลังของปีงบประมาณ 2552 ซึ่งเป็นช่วงสำคัญของนิสสันในประเทศไทย เพราะเป็นการเริ่มต้นแผนธุรกิจ 4 ปี ภายใต้ชื่อ “แผนการปรับปรุงปฏิรูป 2555” สำหรับการผลักดันธุรกิจของนิสสันให้เติบโตเป็นเท่าตัว

“ตามแผนธุรกิจ 4 ปี นิสสันตั้งเป้าจะมีส่วนแบ่งการตลาด หรือแชร์เติบโตเป็นดับเบิล หรือไม่ต่ำกว่า 10% ภายในปี 2555 โดยมีโครงการอีโคคาร์ที่รัฐบาลจะเริ่มให้สิทธิประโยชน์ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคมนี้เป็นต้นไป โดยนิสสันจะเปิดตัวอีโคคาร์เป็นโมเดลแรกของโลกในประเทศไทย ในเดือนมีนาคม 2553 ที่จะถึงนี้”

ภาพสเก็ตช์อีโคคาร์ของค่ายนิสสัน
ทั้งนี้ตามแผนปรับปรุงปฏิรูปธุรกิจของนิสสัน หรือ nissan way มีกลยุทธ์สำคัญที่จะผลักดันไปสู่เป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด หรือแชร์ 10% จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 5% คือการใช้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ต้นทุนต่ำ (LCC : Leading Competitive Countries) เพื่อทำตลาดรถยนต์นั่ง หรือเก๋งขนาดเล็กในประเทศและส่งออก โดยโมเดลแรกที่แนะนำสู่ตลาดจะเป็นรถยนต์ในโครงการอีโคคาร์

นายฮาเซกาวาเปิดเผยว่า ปัจจัยสำคัญต่อมาคือการปรับปรุงคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงพัฒนาเครือข่ายการขาย การรักษามาตรฐานการผลิตสินค้า และการบริหารจัดการ ทั้งเรื่ององค์กร บุคลากร และการบริการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า และสุดท้ายการเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรมองค์กร ทั้งการเปลี่ยนชื่อบริษัทที่ได้ดำเนินการไปแล้ว การผลักดันให้เป็นตลาดโลกที่ดำเนินการโดยคนไทย และปรับเปลี่ยนทัศนคติของบุคลากรในการดำเนินงาน

“แผนธุรกิจใหม่ของนิสสันในประเทศไทยนี้ โดยเฉพาะการเปิดตัวรถยนต์ในโครงการอีโคคาร์ ไม่เพียงจะผลักดันให้ธุรกิจของนิสสันเติบโตแล้ว ยังช่วยส่งเสริมสนับสนุนเศรษฐกิจไทยด้วย ซึ่งเห็นได้จากการเพิ่มกำลังการผลิตเป็น 200,000 คัน จากปัจจุบัน 63,000 คัน และมีการขยายการส่งออกชิ้นส่วนจาก 13 ประเทศ เป็น 18 ประเทศ”นายฮาเซกาวากล่าวและว่า

ที่สำคัญไทยจะเป็นฐานการผลิตสำคัญของนิสสัน ซึ่งไม่เพียงโครงการอีโคคาร์ที่จะเปิดตัวแห่งแรกในโลกต้นปีหน้า แต่ในอนาคตจะมีการแนะนำรถยนต์นั่งโมเดลใหม่ๆ สู่ตลาดอย่างต่อเนื่อง และยังส่งออกทั่วโลกด้วย แต่ไม่ใช่ว่านิสสันลดความสำคัญปิกอัพลงไป เพียงแต่ทิศทางแนวโน้มตลาดจะปรับสู่รถยนต์นั่งมากขึ้น ปิกอัพอาจจะไม่เติบโตอีกต่อไป แต่ภาพรวมตลาดรถยนต์ไทยจะขยายตัว โดยมีรถยนต์นั่งเป็นส่วนผลักดันสำคัญ


ในส่วนอีโคคาร์ของนิสสันที่จะเปิดตัว ยืนยันว่าเป็นรถยนต์ที่มีราคาไม่แพงแน่นอน โดยมีราคาสมเหตุสมผลผู้บริโภคสามารถซื้อหาเป็นเจ้าของได้ แต่เป็นรถยตน์ที่มีเทคโนโลยีระดับสูง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง 20 กิโลเมตรต่อลิตร มาตรฐานความปลอดภัยสหประชาชาติ และระดับไอเสียระดับยูโร 4 สามารถใช้น้ำมันแก๊สโซฮอล์ E20 ได้ จึงเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคแน่นอน

ขณะที่คู่แข่งรายอื่นอย่าง มิตซูบิชิ นายโนบุยูกิ มูราฮาชิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงโครงการอีโคคาร์ว่า ตอนนี้อยู่ในกระบวนการทำรายละเอียดและศึกษาข้อมูลต่าง ๆให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปและยื่นแผนลงทุนกับบีโอไอภายในเดือนมีนาคม 2553 แต่บริษัทก็ยืนยันจะลงทุนผลิตรถยนต์ขนาดเล็กในไทยแน่นอน

สำหรับนายอาซึชิ ฟูจิโมโตะ ประธาน บริษัท ฮอนด้า มอเตอร์ส ประเทศไทย จำกัด กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า โครงการอีโคคาร์กำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาแต่สถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปโดยเฉพาะการส่งออกที่ลดลงจากวิฤตเศรษฐกิจโลก ดังนั้นฮอนด้าจึงต้องกลับมาพิจารณาเรื่องของการผลิตและต้นทุนอย่างรอบคอบ โดยเฉพาะเงื่อนไขผลิต 1 แสนคันในปีที่ 5 เป็นเรื่องหนักใจของค่ายรถ

อย่างไรก็ตามนางอรรชกา ศรีบุญเรือง บริมเบิล เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอ (BOI) เปิดเผยว่า การเปิดตัวรถยนต์ของนิสสันต้นปีหน้า นับเป็นความสำเร็จของโครงการอีโคคาร์ ซึ่งรัฐบาลได้ผลักดันให้เป็นโปรดักซ์แชมเปี้ยนคู่กับปิกอัพ ในอนาคต และยังนำเงินลงทุนในไทยเป็นจำนวนมาก รวมถึงผลักดันเศรษฐกิจให้เติบโต เพราะมีบริษัทรถยนต์สนใจยี่นขอรับส่งเสริมการลงทุนในโครงการถึง 6 บริษัท

“เพื่อผลักดันให้อุตสาหกรรมยานยนต์ไทยแข็งแกร่ง บีโอไอได้ผลักดันให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ประเภทใหม่ๆ หลังจากได้ปิดโครงการอีโคคาร์ไปแล้ว โดยได้เปิดโครงการใหม่เพื่อสนับสนุนให้บริษัทรถยนต์มาลงทุนผลิตรถโมเดลใหม่ โดยมีลักษณะการสนับสนุนเหมือนอีโคคาร์ แต่อาจจะได้รับสิทธิประโยชน์น้อยกว่า และไม่ได้รับการสนับสนุนในเรื่องภาษีสรรพสามิต มูลค่าโครงการไม่ต่ำกว่าหมื่นล้านบาท ซึ่งมีค่ายรถยนต์สนใจลงทุนแล้ว และจะมีการแถลงข่าวรายละเอียดในเร็วๆ นี้”นางอรรชกากล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น