ในที่สุดข่าวรถยนต์ 4 ประตูปริศนาของบูกัตตี้ที่เคยถูกลืออยู่ในโลกไซเบอร์ก็ได้รับการเฉลยแล้ว เมื่อซีดานคันนี้คือ ต้นแบบที่จะเปิดตัวในแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ 2009 ระหว่างวันที่ 17-27 กันยายนนี้ โดยใช้ชื่อว่า Galibier เพื่อเป็นการสานต่อความคลาสสิคของบูกัตตี้ที่เคยโด่งดังอย่างมากในยุคทศวรรษที่ 1930-1940
จริงอยู่ที่ในยุคเริ่มต้นของบูกัตตี้ในปี 1901 ด้วยฝีมือของเอ็ตโตเร บูกัตตี้ รถยนต์ส่วนใหญ่จะเป็นรถสปอร์ตที่ถูกเน้นในเรื่องของความแรงในสนามแข่งเป็นหลัก แต่ทว่าในช่วงนั้น บูกัตตี้เองก็ไม่เคยลืมที่จะมีทางเลือกของรถยนต์ระดับหรูหราแบบลิมูซีนในการทำตลาด และมาโด่งดังเอากับ Type 41 ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 1927-1933 ซึ่งมีการผลิตออกมาเพียง 6 คันเท่านั้นในโลก
สำหรับบูกัตตี้ยุคใหม่ จริงอยู่ที่บริษัทแม่อย่างโฟล์คสวาเกนจะวางบทบาทให้เน้นไปที่การเจาะตลาดรถสปอร์ตในกลุ่มซูเปอร์คาร์ระดับหรูหรา แต่ทว่าความจริงแล้วทางโฟล์คสวาเกนก็ยังหวังลึกๆ ที่จะให้บูกัตตี้มีบทบาทในตลาดรถยนต์ระดับหรูหราด้วย เพราะอย่างต้นแบบที่ทยอยเปิดตัวในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 หลังจากที่บูกัตตี้ย้ายมาอยู่ในร่มเงาของของโฟล์คสวาเกนนั้นก็มีตัวถังซีดาน 4 ประตูรวมอยู่ด้วย นั่นคือ EB218 ที่เปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โขว์ 1999
Galibier เป็นชื่อของเส้นทางช่วงหนึ่งที่โหดที่สุดซึ่งตัดผ่านเทือกเขาแอลป์ และเป็นเส้นทางสำหรับใช้ในการแข่งขันจักรยาน Tour de France ก่อนที่บูกัตตี้จะนำมาใช้ตั้งชื่อต้นแบบทรง 4 ประตูของตัวเอง
แน่นอนว่า Galibier เป็นต้นแบบทรง 4 ประตูรุ่นที่ 2 ของบูกัตตี้ยุคใหม่ ซึ่งเมื่อเปิดตัวออกมาแล้วก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกตั้งคำถามเอาว่า โฟล์คสวาเกนจะหวังใช้บูกัตตี้เป็นแบรนด์หรูสารพัดประโยชน์ในการเจาะตลาดไฮเอนด์ทั้งในกลุ่มสปอร์ตและซีดานเลยหรือไม
ตัวรถได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของเครื่องยนต์วางด้านหน้าและใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยขุมพลังที่วางอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้ายังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดมากนัก บอกแค่ว่าเป็นบล็อก W16 ที่มีความจุ 8,000 ซีซีเหมือนกับเวย์รอน แต่แทนที่จะใช้ควอเทอร์โบ หรือเทอร์โบ 4 ตัว ก็เปลี่ยนมาเป็นติดตั้งซูเปอร์ชาร์แบบ Two-Stage เข้าไป 2 ชุด แถมยังพัฒนาให้เป็น Flex-Fuel สามารถใช้เชื้อเพลิงแบบเอธานอล E85 ได้ ซึ่งโดยรวมแล้วน่าจะสามารถรีดกำลังออกมาได้พอฟัดพอเหวี่ยงกับเวย์รอน คือ 1,001 แรงม้า
คาดว่างานต้นแบบในครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นแค่ของโชว์เล่นเหมือนกับที่ผ่านมาๆ ซึ่งกว่าจะเปิดตัวเวย์รอนรุ่นจำหน่ายจริงออกมาขายได้ บูกัตตี้ต้องเสียเวลาเปิดตัวต้นแบบมานานถึง 6 ปี เพราะนับจากปี 1998 ที่โฟล์คสวาเกนเริ่มเดินเครื่องให้บูกัตตี้ ใครที่มีโอกาสไปเยือนมอเตอร์โชว์บ่อยๆ จะพบว่า พื้นที่ของบูกัตตี้มีแต่ต้นแบบจัดแสดงเท่านั้น จนกระทั่งถึงปี 2004 จึงจะมีรุ่นจำหน่ายจริงของเวย์รอนออกมาให้สัมผัส...เพียงแต่ว่าสำหรับ Galibier แล้ว ไม่รู้ว่าจะรอนานขนาดไหน
จริงอยู่ที่ในยุคเริ่มต้นของบูกัตตี้ในปี 1901 ด้วยฝีมือของเอ็ตโตเร บูกัตตี้ รถยนต์ส่วนใหญ่จะเป็นรถสปอร์ตที่ถูกเน้นในเรื่องของความแรงในสนามแข่งเป็นหลัก แต่ทว่าในช่วงนั้น บูกัตตี้เองก็ไม่เคยลืมที่จะมีทางเลือกของรถยนต์ระดับหรูหราแบบลิมูซีนในการทำตลาด และมาโด่งดังเอากับ Type 41 ที่เปิดตัวออกสู่ตลาดในปี 1927-1933 ซึ่งมีการผลิตออกมาเพียง 6 คันเท่านั้นในโลก
สำหรับบูกัตตี้ยุคใหม่ จริงอยู่ที่บริษัทแม่อย่างโฟล์คสวาเกนจะวางบทบาทให้เน้นไปที่การเจาะตลาดรถสปอร์ตในกลุ่มซูเปอร์คาร์ระดับหรูหรา แต่ทว่าความจริงแล้วทางโฟล์คสวาเกนก็ยังหวังลึกๆ ที่จะให้บูกัตตี้มีบทบาทในตลาดรถยนต์ระดับหรูหราด้วย เพราะอย่างต้นแบบที่ทยอยเปิดตัวในช่วงปลายทศวรรษที่ 1990 หลังจากที่บูกัตตี้ย้ายมาอยู่ในร่มเงาของของโฟล์คสวาเกนนั้นก็มีตัวถังซีดาน 4 ประตูรวมอยู่ด้วย นั่นคือ EB218 ที่เปิดตัวในเจนีวา มอเตอร์โขว์ 1999
Galibier เป็นชื่อของเส้นทางช่วงหนึ่งที่โหดที่สุดซึ่งตัดผ่านเทือกเขาแอลป์ และเป็นเส้นทางสำหรับใช้ในการแข่งขันจักรยาน Tour de France ก่อนที่บูกัตตี้จะนำมาใช้ตั้งชื่อต้นแบบทรง 4 ประตูของตัวเอง
แน่นอนว่า Galibier เป็นต้นแบบทรง 4 ประตูรุ่นที่ 2 ของบูกัตตี้ยุคใหม่ ซึ่งเมื่อเปิดตัวออกมาแล้วก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกตั้งคำถามเอาว่า โฟล์คสวาเกนจะหวังใช้บูกัตตี้เป็นแบรนด์หรูสารพัดประโยชน์ในการเจาะตลาดไฮเอนด์ทั้งในกลุ่มสปอร์ตและซีดานเลยหรือไม
ตัวรถได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของเครื่องยนต์วางด้านหน้าและใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยขุมพลังที่วางอยู่ใต้ฝากระโปรงหน้ายังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดมากนัก บอกแค่ว่าเป็นบล็อก W16 ที่มีความจุ 8,000 ซีซีเหมือนกับเวย์รอน แต่แทนที่จะใช้ควอเทอร์โบ หรือเทอร์โบ 4 ตัว ก็เปลี่ยนมาเป็นติดตั้งซูเปอร์ชาร์แบบ Two-Stage เข้าไป 2 ชุด แถมยังพัฒนาให้เป็น Flex-Fuel สามารถใช้เชื้อเพลิงแบบเอธานอล E85 ได้ ซึ่งโดยรวมแล้วน่าจะสามารถรีดกำลังออกมาได้พอฟัดพอเหวี่ยงกับเวย์รอน คือ 1,001 แรงม้า
คาดว่างานต้นแบบในครั้งนี้ไม่น่าจะเป็นแค่ของโชว์เล่นเหมือนกับที่ผ่านมาๆ ซึ่งกว่าจะเปิดตัวเวย์รอนรุ่นจำหน่ายจริงออกมาขายได้ บูกัตตี้ต้องเสียเวลาเปิดตัวต้นแบบมานานถึง 6 ปี เพราะนับจากปี 1998 ที่โฟล์คสวาเกนเริ่มเดินเครื่องให้บูกัตตี้ ใครที่มีโอกาสไปเยือนมอเตอร์โชว์บ่อยๆ จะพบว่า พื้นที่ของบูกัตตี้มีแต่ต้นแบบจัดแสดงเท่านั้น จนกระทั่งถึงปี 2004 จึงจะมีรุ่นจำหน่ายจริงของเวย์รอนออกมาให้สัมผัส...เพียงแต่ว่าสำหรับ Galibier แล้ว ไม่รู้ว่าจะรอนานขนาดไหน