xs
xsm
sm
md
lg

100 ปีแห่งการเดินทางของ "ซูซูกิ" จากเครื่องทอผ้าสู่เทคโนโลยียานยนต์

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

กับภาพลักษณ์ในปัจจุบัน เรารู้จักชื่อของซูซูกิจาก 3 ผลิตภัณฑ์ ซึ่งถ้าไม่ใช่รถยนต์ มอเตอร์ไซค์ ก็ต้องเป็นเครื่องยนต์อเนกประสงค์ แต่ใครเลยจะทราบว่าความจริงแล้ว บริษัทแห่งนี้มีจุดเริ่มต้นมาจากการทำธุรกิจเครื่องทอผ้า และในเดือนตุลาคมนี้ ซูซูกิจะเป็นอีกบริษัทที่มีอายุครบ 100 ปีของการก่อตั้ง

ซูซูกิเริ่มต้นธุรกิจด้วยการเจาะตลาดเครื่องทอผ้า อย่างในภาพนี้เป็นเครื่องทอผ้ารุ่น A46 ที่ผลิตในปี 1955
ใครที่มีโอกาสไปเยือนพิพิธภัณฑ์ของซูซูกิคงทราบดีถึงเรื่องนี้ ซึ่ง Suzuki Heritage Plaza ที่ตั้งอยู่ในสำนักงานใหญ่ของซูซูกิในเมืองฮามามัตซึ ชิซึโอกะ ประเทศญี่ปุ่น ถือเป็นจุดศูนย์รวมความสำเร็จตลอด 100 ปีของบริษัทแห่งนี้ โดยพื้นที่จัดแสดงจำนวน 5,424 ตารางเมตรได้รวบรวมประวัติและความเป็นมา

ย้อนกลับไปในปี 1909 มิชิโอ ซูซูกิได้ก่อตั้งบริษัท Suzuki Loom Company ขึ้นในเมืองฮามามัตซึ ทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น เพื่อรับหน้าที่ผลิตเครื่องทอผ้า พร้อมกับมีการพัฒนาเครื่องทอผ้าให้สามารถรองรับกับความต้องการของลูกค้าในยุคนั้นซึ่งต้องการเครื่องจักรที่สามารถผลิตเสื้อผ้าที่มีลายในแนวนอนและแนวตั้งได้ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของแนวคิดในการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้งานอย่างแท้จริง
ซูซูกิ Power Free มอเตอร์ไซค์รุ่นแรกที่มากับเครื่องยนต์ 36 ซีซีซึ่งเปิดตัวในปี 1952
ธุรกิจของซูซูกิในตอนแรกดูเหมือนว่าจะมุ่งเน้นไปที่เครื่องทอผ้าเป็นหลัก และเหตุการณ์ทำท่าว่าจะเป็นเช่นนั้น จนกระทั่งถึงจุดพลิกสำคัญของชีวิต เมื่อหนทางที่ทำท่าว่าจะสดใสกลับพังลงมา เพราะหลังจากที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเปิดโอกาสให้มีการนำเข้าสิ่งทอจากญี่ปุ่นได้ไม่นาน ตลาดสิ่งทอของญี่ปุ่นก็ล้มครืนลงในปี 1951 ส่งผลให้ซูซูกิต้องหันมามองการเจาะเข้าสู่ธุรกิจอื่นๆ และการผลิตยานพาหนะถือเป็นอีกความท้าทายที่พวกเขามองเอาไว้นานแล้ว

เรื่องของเรื่องคือในช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซูซูกิมีไอเดียที่จะผลิตรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ออกขายในตลาดญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่ทว่ากลับมาเกิดสงครามขึ้นก่อน และทำให้รัฐบาลประกาศว่า ‘การผลิตรถยนต์ยังไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไรสำหรับช่วงนี้’ ทำให้ซูซูกิต้องหันกลับไปสู่ธุรกิจการผลิตเครื่องทอผ้าเหมือนเดิม
Suzulight รถยนต์ขนาดคอมแพ็กต์รุ่นแรกของซูซูกิที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และวางเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 360 ซีซีเป็นขุมพลัง
ยานพาหนะแบบ 2 ล้อที่เหมือนกับนำจักรยานมาติดเครื่องยนต์ 2 จังหวะขนาด 36 ซีซีและเปิดตัวในปี 1952 ด้วยชื่อ Power Fee ถือเป็นผลงานชิ้นแรกของซูซูกิในตลาดมอเตอร์ไซค์ ด้วยรูปทรงที่เรียบง่ายเช่นเดียวกับการใช้งานและการดูแลรักษาทำให้มอเตอร์ไซค์รุ่นนี้ได้รับความนิยมอย่างมาก และทำให้ปีต่อมาซูซูกิต้องผลิตออกขายถึงเดือนละ 6,000 คัน

อีก 3 ปีต่อมา ซูซูกิขยายตัวเข้าสู่ธุรกิจรถยนต์ ด้วยการเปิดตัวคอมแพ็กต์คาร์รุ่น Suzulight ออกมาในปี 1955 กับเครื่องยนต์ 2 จังหวะ 360 ซีซี และถือเป็นรถยนต์รุ่นแรกๆ ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ระบบช่วงล่างแบบอิสระ 4 ล้อ และพวงมาลัยแบบแร็กแอนด์พิเนียน และในเมื่อต้องการเดินหน้าเข้าสู่อุตสาหกรรมยานยนต์อย่างเต็มตัว ซูซูกิก็เลยแยกมาก่อตั้งบริษัทใหม่อย่าง Suzuki Loom Manufacturing Co. ในปี 1961 เพื่อดูแลธุรกิจด้านการผลิตเครื่องทอผ้าเพียงอย่างเดียว ก่อนที่ในปีต่อมา จะประสบความสำเร็จในด้านมอเตอร์สปอร์ต เมื่อชนะเลิศการแข่งขันมอเตอร์ไซค์รุ่น 50 ซีซีที่ Isle of Man TT
SC-100 Wiz-Kid ที่เปิดตัวในปี 1979 ซึ่งเป็นการพัฒนาจากรุ่น Cervo เพื่อส่งมาขายในตลาดอังกฤษ
ธุรกิจต่อไปของซูซูกิ คือ การผลิตเครื่องยนต์สำหรับใช้ในเรือเมื่ปี 1965 ขณะที่ตลาดเอสยูวี ก็มาเริ่มเอาในปี 1970 ด้วยการเปิดตัวรุ่น LJ Series ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสายพันธุ์จิมนี่และแคริบเบี้ยน ตามด้วยเครื่องยนต์อเนกประสงค์สำหรับใช้ในครัวเรือนเมื่อปี 1980 และผลิตรถยนต์อเนกประสงค์แบบ ATV All Terrain Vehicle รุ่นแรกออกมาในปี 1982

นอกจากนั้น ซูซูกิยังได้ชื่อว่าเป็นเจ้าพ่อในตลาดรถยนต์ซิตี้คาร์ของญี่ปุ่น หรือ Keicar อีกด้วย โดยในปี 2003 พวกเขาครองตำแหน่งบริษัทที่มียอดขายรถยนต์ประเภทนี้ต่อปีสูงสุดในญี่ปุ่นเป็นปีที่ 30 ติดต่อกัน และเปิดตัวรุ่นทวิน ซึ่งเป็น Kei car ที่ใช้ระบบไฮบริดรุ่นแรกของตลาดประเภทนี้ออกมาขายอีกด้วย
ซูซูกิบุกเบิกตลาด ATV ด้วยการผลิตออกขายครั้งแรกในปี 1982
ความจริงแล้วการขยายตัวในเชิงตัวเลขของธุรกิจรถยนต์ของซูซูกิมีจุดเริ่มต้นขึ้นนับจากการส่งออกรุ่นฟรอนเต้ไปยังตลาดต่างๆ ในปี 1968 และนั่นทำให้ยอดการผลิตรถยนต์ของซูซูกิเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และใช้เวลาเพียง 21 ปีในการเพิ่มตัวเลขการผลิตจาก 4.5 ล้านคันมาเป็น 10 ล้านคันในปี 1989

และนับจากปี 1990 เป็นต้นมา ซูซูกิมียอดการผลิตรถยนต์ต่อปีเกิน 1 ล้านคัน ก่อนที่ตัวเลขการผลิตต่อปีจะเพิ่มเป็น 2 ล้านคันในปี 2005 และในปี 2002 ก็ฉลองยอดผลิตสะสมครบ 30 ล้านคัน ตามมาด้วย 40 ล้านคันในปี 2008 (ขณะที่มอเตอร์ไซค์ฉลองยอดผลิตสะสมครบ 40 ล้านคันไปตั้งแต่ปี 1999) พร้อมกับมีรถยนต์หลากหลายรุ่นหลายแบบ โดยที่คิซาชิเป็นรถยนต์นั่งขนาดกลางรุ่นใหม่ที่เตรียมขายในสหรัฐอเมริกาปลายปีนี้
สถานที่ตั้งของ Suzuki Heritage Plaza ที่สำนักงานใหญ่ในเมืองฮามามัตซึ เพื่อแสดงถึงอดีตอันรุ่งเรื่องของซูซูกิ
ในปัจจุบัน ซูซูกิเป็นผู้ผลิตรถยนต์ที่มียอดขายต่อปีอยู่ในอันดับที 9 ของโลก และนับจากปี 2006 เป็นต้นมา จีเอ็มได้เทขายหุ้นจำนวน 92.36 ล้านหุ้นออกมา เพื่อลดสัดส่วนการถือหุ้นในซูซูกิให้เหลือเพียง 3% เท่านั้น นับเป็นการเติบโตที่มั่นคงทั้งในตลาดยานยนต์อย่างแท้จริง

เครื่องยนต์สำหรับเรือขนาด 5.5 แรงม้าซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ซูซูกิผลิตออกขายในปี 1965
กำลังโหลดความคิดเห็น