งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 25 หรือ “มอเตอร์เอ็กซ์โป 2008” ไฮไลต์สำคัญนอกจากจะเป็นพวกรถต้นแบบ ที่หลายค่ายต่างขนกันมาอวดโฉมแล้ว ในส่วนของรถใหม่พร้อมขายยังมีมาให้เลือกมากมาย ไล่ตั้งแต่รถหรู-สปอร์ตราคาแพงระยับ ลงมาถึงเก๋งบ้าน และปิกอัพที่กระตุ้นตลาดด้วยรุ่นพิเศษเอาใจคนชอบต่าง รวมถึงพวกรถอเนกประสงค์ราคาประหยัดจากจีน ก็ใช้เวทีนี้เปิดตัวกับสาธารณะชนอย่างเป็นทางการเช่นกัน
สปอร์ต-หรู โฉบเฉี่ยวตื่นตา
เริ่มกับตลาดที่อยู่นอกเหนือสภาวะเศรษฐกิจ โดยไฮไลต์ที่ผู้จัดงานภูมิใจเสนอ และใครที่ไม่หวังซื้อแต่ก็มิควรพลาดเดินไปชมนั่นคือ “บิตซ์ซาร์รีนี”(BIZZARRINI) ซูเปอร์คาร์ สัญชาติอีตาเลียนที่เคยโด่งดังในอดีต มาคราวนี้ในเวอร์ชัน พี 538 ที่ออกแบบโดยฝีมือคนไทย โดยอภิชาต ภูมิสุข อาจารย์พิเศษ วิชาออกแบบรถยนต์ ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับกลุ่มนักศึกษาจากภาควิชาฯ อีก 3 คน กับตัวถังโรดสเตอร์สุดเท่ที่ยังคงกลิ่นไอรุ่นเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมขุมพลังเบนซิน วี 8 ซึ่งกำลังแรงม้าและราคายังไม่เปิดเผย แต่ที่แน่ๆรถรุ่นนี้จะผลิตออกมาขายเพียง 100 คันเท่านั้น
ถัดมาเป็นรถหรูเมืองเบียร์ “ออดี้” ที่งานนี้ไม่น้อยหน้า ส่งรถใหม่มาถึง 3 รุ่น ตั้งแต่การไมเนอร์เชนจ์ของเอสยูวี คิว7 และเก๋งกลาง เอ6 รวมถึงน้องเล็ก เอ4 โมเดลเชนจ์ กับเครื่องยนต์ 1.8 TFSI 160 แรงม้า สนนราคา 2.89 ล้านบาท ขณะที่สหายกระเป๋าเดียวกัน(ในไทย) อย่างเอ็มทีเอ็ม เตรียมส่งตัวแรง ออดี้ อาร์เอส4 4.2FSI ซูเปอร์ชาร์จ 500 แรงม้า มายั่วน้ำลายไฮโซเท้าหนักเช่นกัน
ด้านวอลโว่ มากับรถยนต์ FlexiFuel รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อย่าง S80 2.5 FT รุ่นประกอบในประเทศเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จแบบ 5 สูบ 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที ราคา 3.1 ล้านบาท รวมถึงเจ้าตัวเล็ก C30 1.8 F ที่เป็นรถนำเข้าทั้งคัน ราคา 1.899 ล้านบาท ส่วนอดีตเพื่อนร่วมหลังคา(ฟอร์ด)เดียวกันอย่างแลนด์โรเวอร์ ที่ในไทยเพิ่งปรับโครงสร้างใหม่ โดย Guava International Limited เข้ามาดูแลตลาด และงานนี้เตรียมลุยกับรุ่น “ฟรีแลนเดอร์2” คอมแพกต์เอสยูวี ขุมพลังดีเซล ทีดี4 ขนาด 2.2 ลิตร พร้อมด้วยออฟโรดรุ่นเก๋า “ดีเฟนเดอร์ 2”
สำหรับขาประจำ“เอสอีซี” ที่ปีนี้นำรถหรูกว่า 40 คัน 25 รุ่นเข้าร่วมงาน แต่ไฮไลต์คงต้องยกให้ “แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอส” พาหนะคู่กายสายลับ 007 และถือเป็นผลผลิตล่าสุดจากตระกูลดีบี9 ที่มากับรูปลักษณ์อันโดดเด่นและรายละเอียดทางวิศวกรรม โดยการพัฒนามีขึ้นบนพื้นตัวถังรุ่น VH เช่นเดียวกับดีบี9 โครงสร้างตัวถังคูเป้ผลิตจากอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมเครื่องยนต์ 6.0 ลิตร วี12 517 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 302 กม./ชม.
เก๋งบ้าน…เกือบใหม่
ชิงเปิดตัวโหมกระแสกับสื่อมวลชนไปก่อนจะเข้างานจริง สำหรับรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของฟอร์ด โฟกัส และ
ฮอนด้า ซีวิค โดยค่ายแรกประเดิมเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ที่ประกบมากับเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด แบบดูอัลคลัทซ์ สนนราคา 1.099 ล้านบาท จากนั้นในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป จะเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 และ 2.0 ลิตร ทั้งตัวถังซีดานและแฮทซ์แบ็ก 5 ประตู พร้อมเคาะราคาอย่างเป็นทางการ โดยจะพร้อมส่งมอบได้ต้นปีหน้า
ขณะที่ “ซีวิค” มีการปรับโฉมเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าคมเข้มแบบ Smoked Chrome ไฟท้ายทรงแปดเหลี่ยม พร้อมเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ เครื่องเล่นดีวีดี รวมถึงเนวิเกเตอร์แบบทัชสกรีน เครื่องยนต์บล็อกเดิม i-VTEC 1.8 ลิตร 140 แรงม้า และ 2.0 ลิตร 155 แรงม้า ไม่มีการปรับจูน สนนราคา 7.49 แสนบาท ถึง 1.101 ล้านบาท
ค่ายรถมาเลเซีย “โปรตอน” โดยพระนครโอโตเซลส์ ยังร้อนแรงไม่หยุด ทั้งยอดขายและการเสริมไลน์โปรดักต์เพราะหลังเปิดตัว เพอร์โซนา ซีเอ็นจี ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเพิ่มทางเลือกในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินใช้น้ำมันอย่างเดียว กับราคาเริ่มต้น 4.99 แสนบาท
โดยเพอร์โซนา มากับออปชันเพียบ อาทิ ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์ พร้อมไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยด์ลายใหม่พร้อมยางขนาด 195/60 R15 ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD วางเครื่องยนต์ขนาด 1600 ซีซี 110 ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ พร้อมรอบรับน้ำมันแก็สโซฮอล์ อี20
นอกจากนี้บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์ คาร์ส จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ อย่างเป็นทางการ โดย “พลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์” พยามปั้นยอดขายด้วยการนำเข้าโปรดักต์ราคาประหยัดอย่างรุ่น 206 ซับ-คอมแพกต์ที่นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งรู้กันว่ารถยนต์รุ่นนี้ถูกปลดระวางจากบริษัทแม่ประเทศฝรั่งเศสไปแล้ว และอัพขึ้นไปเป็นรุ่น 207
สำหรับ 206 มากับเครื่องยนต์เบนซิน รหัส TU 3 JP ขนาด 1,400 ซีซี 75 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่ปรับเล่นเป็นเกียร์ธรรมดาได้ ด้านความปลอดภัยประกอบด้วย ถุงลมนิรภัยพร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อนและดรัมเบรกหลัง เสริมด้วย ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA ราคาเริ่มต้น 7.59 แสนบาท
อย่างไรก็ตามถ้าหันกลับไปมอง “กลุ่มยนตรกิจ” (บ้านเดิมของเปอโยต์) หลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ แบ่งสันปันส่วนชัดเจนก็เริ่มลุยตลาดอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้ง ซึ่งนอกจาก 7 แบรนด์ที่มีอยู่ในมือ(ออดี้ ซีตรอง เกีย นาซ่า สโกด้า เซียท มิตซึโอกะ)แล้ว “เสี่ยเชียร” วิเชียร ลีนุตพงษ์ ยังเพิ่มอาวุธด้วยแบรนด์ดังจากจีนอย่าง “จีลี่”
ในงานมอเตอร์โชว์ ยนตรกิจจะนำจีลี่ รุ่น “ซีเค” มาอวดโฉม เพื่อวัดการตอบรับ แล้วถ้าผลออกมาดี จะเตรียมนำเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ทั้งนี้ “ซีเค” เป็นเก๋งซับคอมแพกต์ ระดับเดียวกับ วีออส-ซิตี้ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร คาดราคาขายอยู่ประมาณ 4 แสนบาท
ปิกอัพ-อเนกประสงค์...หลากทางเลือก
ต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ปีของปิกอัพ เพราะล่าสุดยอดขาย 10 เดือนตลาดยังตกถึง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และแม้ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา 2 ค่ายยักษ์ โตโยต้า-อีซูซุ จะทุ่มตลาดอย่างหนัก ทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ออกอีเวนท์ทั่วประเทศ โดยค่ายแรกมีอาวุธเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ทั้งยังเสริม ตัวถังแค็บเปิดได้แบบตู้กับข้าว ส่วนค่ายหลังมี “ก็อต จักรพรรณ” และ ดีแมคซ์ แพลตินั่ม
ขณะที่เบอร์ 3 ตลาดปิกอัพเมืองไทย “นิสสัน” พยายามปิดช่องว่าง ฟรอนเทียร์ นาวารา ด้วยการเสริมรุ่น “คาลิเบอร์” ปิกอัพขับสองยกสูงตามสมัยนิยม ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ได้ยกสูงอะไรมากมาย(เพราะเดิมสูงอยู่แล้ว) หากแต่เป็นยกรูปลักษณ์ของรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมาไว้ในรุ่นนี้ ทั้ง โป่งล้อโตๆ บันไดข้างสไตล์ออฟโรด กันชนหลัง และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ประกบยางขนาด 255/70R16
ขุมพลัง D25DDTi คอมมอนเรลไดเร็กอินเจ็กชั่น 2.5 ลิตร 144 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 356 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด(เท่านั้น) โดยรุ่นคิงส์แค็บ(เปิดได้แบบตู้กับข้าว)ราคา 6.39 แสนบาท และดับเบิ้ลแค็บ ราคา 7.15 แสนบาท
ส่วนพระรองอย่าง “มิตซูบิชิ” มีการขยับเช่นกัน กับไทรทัน พลัส ตัวถังเมกะแค็บ ที่เปลี่ยนกระจังหน้าใหม่(คล้ายปาเจโร) พร้อมยกสูงขึ้นอีก 57 มิลลิเมตร ส่วนมาสด้านั้นจัดการเปิดตัว “บีที-50 สปอร์ต ซีรี่ส์” ลิมิเต็ตอิดิชั่น โดยรุ่นดับเบิลแค็บจะผลิตเพียง 10 คัน และรุ่นแค็บเปิด 100 คัน
ด้านปิกอัพ “ทาทา” ที่ช่วงหลังแม้จะเงียบไปบ้าง แต่สำหรับงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ ค่ายรถอินเดียส่ง “ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี” ปิกอัพที่วิ่งด้วยก๊าซ ธรรมชาติล้วนๆไม่พึ่งพา(ถัง)น้ำมันแม้แต่หยดเดียว ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลกอีกด้วย
สำหรับซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี มากับรุ่นเอ็กซ์เท็นด์แค็บ เครื่องยนต์ 2.1 ลิตร DOHC หัวฉีดมัลติพอยต์ 115 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ที่ 3,750 รอบ/นาที โดยระบบซีเอ็นจีใช้วัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูง อาทิ ระบบท่อก๊าซของ Sandvik เยอรมัน และ Swagelok สหรัฐอเมริกา วาล์วนิรภัยของ OMB อิตาลี ช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการรั่วซึม แรงดัน และอุณหภูมิ ส่วนระบบประมวลผลอัจฉริยะคำนวณการผสมผสานก๊าซ อากาศ สภาพการขับขี่ ใช้ของ Bosch เยอรมัน และเซ็นเซอร์ของ Valeo ฝรั่งเศส โดยทั้งหลายทั้งปวงแลกกับราคา 5.19 แสนบาท
ด้านยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” จัดการแต่งเท่ให้ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ ด้วยรุ่น 3.0V TRD Sportivo โดดเด่นกับสีขาวมุข ชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน บันไดข้างอลูมิเนียม ท่อไอเสียสแตนเลส โช้คอัพและคอยล์สปริง TRD ขณะที่ความสูงตัวรถจะลดลงประมาณ 25 ม.ม. ภายในสีทูโทนดำ-ครีม และคอนโซลกลาง พวงมาลัย แผงควบคุมกระจกไฟฟ้า แผงครอบคอนโซลเกียร์ ลายสปอร์ตเคฟลาร์ เครื่องเสียงอัลไพน์แบบ 2Din
ขณะเดียวกันโตโยต้ายังใช้เวทีนี้เปิดตัว รถตู้หรูรุ่น “อัลพาร์ด” โดยเป็นการนำเข้าและจัดจำหน่าย(เอง)อย่างเป็นทางการ มีให้เลือก 2 รุ่น 3.5V และ 3.5Q (หลังคามูนรูฟ) เครื่องยนต์เบนซิน V6 3,500 ซีซี Dual VVT-i 275 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ Sequential shift 6 สปีด เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์พิเศษสำหรับเมืองไทย อาทิ สเกิร์ตรอบคัน เบาะนวดไฟฟ้า ระบบ entertainment เต็มรูปแบบ กล้องมองหลังขณะถอย ราคาประมาณ4.1-4.4 ล้านบาท
ที่ขาดไม่ได้เห็นจะเป็นรถยนต์น้องใหม่จากจีนนำโดย DFM ภายใต้การทำตลาดของกลุ่ม “ยูเนี่ยนแสงทอง” ที่เรียงหน้าโปรดักต์กับ ปิกอัพขนาดเล็ก รวมถึงรถตู้เล็ก 7 ที่นั่ง และแบบตู้ทึบใช้งาน ซึ่งทั้ง 3 รุ่นใช้โครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.1 ลิตร 52 แรงม้า และ 1.3 ลิตร 82 แรงม้า พร้อมติดตั้งระบบซีเอนจี มาตรฐานโรงงานฟรี สนนราคาตั้งแต่ 2.79-4.39 แสนบาท
นอกจากนี้ยังมี “โพลาร์ซัน” รถจีนอีกยี่ห้อที่ยนตรกิจนำเข้ามาทำตลาด ประเดิมกับ“เซ็นทูรี ซีรี่” รถตู้อเนกประสงค์ ในราคาเริ่มต้น5.99 แสนบาท หรือใครต้องการความเหนือชั้นกว่า ต้องนี่ “ซีตรอง จัมเปอร์” รถตู้ระดับหรู เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 และ 3.0 ลิตร ขณะที่ตัวถังมีทั้งฐานล้อยาว-หลังคาสูง ราคา 1.59-2.49 ล้านบาท
ปิดท้ายด้วยซูบารุ ที่นำ “เอ็กซิก้า” (Exiga) รถสแตชันแวกอน ที่สั่งตรงสดๆร้อนๆมาจากญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยความอเนกประสงค์กับ เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง หลังคาแบบพาโนรามิคโปร่งใส เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 4 สูบนอน 2,000 ซีซี เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 218 แรงม้า ทั้งนี้ยังแว่วๆมาว่าค่ายรถดาวลูกไก่ ยังนำอิมเพรสซ่า ตัวถังซีดาน มาเปิดตัวพร้อมขายอีกด้วย
....ถึงบรรทัดนี้ ตัวหนังสือคงไม่สามารถอธิบายสรรพคุณของรถยนต์แต่ละคันได้หมด ดังนั้นควรไปไปสัมผัส-ลองขับคันจริงด้วยตนเอง ซึ่งงาน“มอเตอร์เอ็กซ์โป” ถือเป็นตลาดนัดสำคัญที่คุณจะได้เห็น ได้เลือกครบทุกรุ่นในที่เดียว แล้วถ้าพอใจคันไหนก็เชิญจับจองกันตามสะดวก
สปอร์ต-หรู โฉบเฉี่ยวตื่นตา
เริ่มกับตลาดที่อยู่นอกเหนือสภาวะเศรษฐกิจ โดยไฮไลต์ที่ผู้จัดงานภูมิใจเสนอ และใครที่ไม่หวังซื้อแต่ก็มิควรพลาดเดินไปชมนั่นคือ “บิตซ์ซาร์รีนี”(BIZZARRINI) ซูเปอร์คาร์ สัญชาติอีตาเลียนที่เคยโด่งดังในอดีต มาคราวนี้ในเวอร์ชัน พี 538 ที่ออกแบบโดยฝีมือคนไทย โดยอภิชาต ภูมิสุข อาจารย์พิเศษ วิชาออกแบบรถยนต์ ภาควิชาออกแบบผลิตภัณฑ์ มหาวิทยาลัยศิลปากร ร่วมกับกลุ่มนักศึกษาจากภาควิชาฯ อีก 3 คน กับตัวถังโรดสเตอร์สุดเท่ที่ยังคงกลิ่นไอรุ่นเดิมไว้อย่างเหนียวแน่น พร้อมขุมพลังเบนซิน วี 8 ซึ่งกำลังแรงม้าและราคายังไม่เปิดเผย แต่ที่แน่ๆรถรุ่นนี้จะผลิตออกมาขายเพียง 100 คันเท่านั้น
ถัดมาเป็นรถหรูเมืองเบียร์ “ออดี้” ที่งานนี้ไม่น้อยหน้า ส่งรถใหม่มาถึง 3 รุ่น ตั้งแต่การไมเนอร์เชนจ์ของเอสยูวี คิว7 และเก๋งกลาง เอ6 รวมถึงน้องเล็ก เอ4 โมเดลเชนจ์ กับเครื่องยนต์ 1.8 TFSI 160 แรงม้า สนนราคา 2.89 ล้านบาท ขณะที่สหายกระเป๋าเดียวกัน(ในไทย) อย่างเอ็มทีเอ็ม เตรียมส่งตัวแรง ออดี้ อาร์เอส4 4.2FSI ซูเปอร์ชาร์จ 500 แรงม้า มายั่วน้ำลายไฮโซเท้าหนักเช่นกัน
ด้านวอลโว่ มากับรถยนต์ FlexiFuel รองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E85 อย่าง S80 2.5 FT รุ่นประกอบในประเทศเครื่องยนต์ 2.5 ลิตรเทอร์โบชาร์จแบบ 5 สูบ 200 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 300 นิวตันเมตรที่ 1,500-4,000 รอบต่อนาที ราคา 3.1 ล้านบาท รวมถึงเจ้าตัวเล็ก C30 1.8 F ที่เป็นรถนำเข้าทั้งคัน ราคา 1.899 ล้านบาท ส่วนอดีตเพื่อนร่วมหลังคา(ฟอร์ด)เดียวกันอย่างแลนด์โรเวอร์ ที่ในไทยเพิ่งปรับโครงสร้างใหม่ โดย Guava International Limited เข้ามาดูแลตลาด และงานนี้เตรียมลุยกับรุ่น “ฟรีแลนเดอร์2” คอมแพกต์เอสยูวี ขุมพลังดีเซล ทีดี4 ขนาด 2.2 ลิตร พร้อมด้วยออฟโรดรุ่นเก๋า “ดีเฟนเดอร์ 2”
สำหรับขาประจำ“เอสอีซี” ที่ปีนี้นำรถหรูกว่า 40 คัน 25 รุ่นเข้าร่วมงาน แต่ไฮไลต์คงต้องยกให้ “แอสตัน มาร์ติน ดีบีเอส” พาหนะคู่กายสายลับ 007 และถือเป็นผลผลิตล่าสุดจากตระกูลดีบี9 ที่มากับรูปลักษณ์อันโดดเด่นและรายละเอียดทางวิศวกรรม โดยการพัฒนามีขึ้นบนพื้นตัวถังรุ่น VH เช่นเดียวกับดีบี9 โครงสร้างตัวถังคูเป้ผลิตจากอะลูมิเนียมและคาร์บอนไฟเบอร์ พร้อมเครื่องยนต์ 6.0 ลิตร วี12 517 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ธรรมดา 6 สปีด อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ทำได้ 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 302 กม./ชม.
เก๋งบ้าน…เกือบใหม่
ชิงเปิดตัวโหมกระแสกับสื่อมวลชนไปก่อนจะเข้างานจริง สำหรับรุ่นไมเนอร์เชนจ์ของฟอร์ด โฟกัส และ
ฮอนด้า ซีวิค โดยค่ายแรกประเดิมเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร ที่ประกบมากับเกียร์พาวเวอร์ชิฟท์ 6 สปีด แบบดูอัลคลัทซ์ สนนราคา 1.099 ล้านบาท จากนั้นในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป จะเปิดตัวรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 และ 2.0 ลิตร ทั้งตัวถังซีดานและแฮทซ์แบ็ก 5 ประตู พร้อมเคาะราคาอย่างเป็นทางการ โดยจะพร้อมส่งมอบได้ต้นปีหน้า
ขณะที่ “ซีวิค” มีการปรับโฉมเล็กน้อย ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า กันชนหน้าดีไซน์ใหม่ ไฟหน้าคมเข้มแบบ Smoked Chrome ไฟท้ายทรงแปดเหลี่ยม พร้อมเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ เครื่องเล่นดีวีดี รวมถึงเนวิเกเตอร์แบบทัชสกรีน เครื่องยนต์บล็อกเดิม i-VTEC 1.8 ลิตร 140 แรงม้า และ 2.0 ลิตร 155 แรงม้า ไม่มีการปรับจูน สนนราคา 7.49 แสนบาท ถึง 1.101 ล้านบาท
ค่ายรถมาเลเซีย “โปรตอน” โดยพระนครโอโตเซลส์ ยังร้อนแรงไม่หยุด ทั้งยอดขายและการเสริมไลน์โปรดักต์เพราะหลังเปิดตัว เพอร์โซนา ซีเอ็นจี ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ล่าสุดเพิ่มทางเลือกในรุ่นเครื่องยนต์เบนซินใช้น้ำมันอย่างเดียว กับราคาเริ่มต้น 4.99 แสนบาท
โดยเพอร์โซนา มากับออปชันเพียบ อาทิ ไฟหน้ามัลติรีเฟล็กเตอร์ พร้อมไฟตัดหมอก ล้ออัลลอยด์ลายใหม่พร้อมยางขนาด 195/60 R15 ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ระบบเบรก ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD วางเครื่องยนต์ขนาด 1600 ซีซี 110 ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ พร้อมรอบรับน้ำมันแก็สโซฮอล์ อี20
นอกจากนี้บริษัท ยูโรเปียน มอเตอร์ คาร์ส จำกัด ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์เปอโยต์ อย่างเป็นทางการ โดย “พลกฤษณ์ ลีนุตพงษ์” พยามปั้นยอดขายด้วยการนำเข้าโปรดักต์ราคาประหยัดอย่างรุ่น 206 ซับ-คอมแพกต์ที่นำเข้ามาจากประเทศมาเลเซีย ซึ่งรู้กันว่ารถยนต์รุ่นนี้ถูกปลดระวางจากบริษัทแม่ประเทศฝรั่งเศสไปแล้ว และอัพขึ้นไปเป็นรุ่น 207
สำหรับ 206 มากับเครื่องยนต์เบนซิน รหัส TU 3 JP ขนาด 1,400 ซีซี 75 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ที่ปรับเล่นเป็นเกียร์ธรรมดาได้ ด้านความปลอดภัยประกอบด้วย ถุงลมนิรภัยพร้อมเข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติ ดิสก์เบรกหน้าพร้อมช่องระบายความร้อนและดรัมเบรกหลัง เสริมด้วย ABS ระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยเบรกฉุกเฉิน EBA ราคาเริ่มต้น 7.59 แสนบาท
อย่างไรก็ตามถ้าหันกลับไปมอง “กลุ่มยนตรกิจ” (บ้านเดิมของเปอโยต์) หลังปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ แบ่งสันปันส่วนชัดเจนก็เริ่มลุยตลาดอย่างเป็นเรื่องเป็นราวอีกครั้ง ซึ่งนอกจาก 7 แบรนด์ที่มีอยู่ในมือ(ออดี้ ซีตรอง เกีย นาซ่า สโกด้า เซียท มิตซึโอกะ)แล้ว “เสี่ยเชียร” วิเชียร ลีนุตพงษ์ ยังเพิ่มอาวุธด้วยแบรนด์ดังจากจีนอย่าง “จีลี่”
ในงานมอเตอร์โชว์ ยนตรกิจจะนำจีลี่ รุ่น “ซีเค” มาอวดโฉม เพื่อวัดการตอบรับ แล้วถ้าผลออกมาดี จะเตรียมนำเข้ามาทำตลาดอย่างเป็นทางการในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า ทั้งนี้ “ซีเค” เป็นเก๋งซับคอมแพกต์ ระดับเดียวกับ วีออส-ซิตี้ เครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.5 ลิตร คาดราคาขายอยู่ประมาณ 4 แสนบาท
ปิกอัพ-อเนกประสงค์...หลากทางเลือก
ต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่ปีของปิกอัพ เพราะล่าสุดยอดขาย 10 เดือนตลาดยังตกถึง 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และแม้ช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา 2 ค่ายยักษ์ โตโยต้า-อีซูซุ จะทุ่มตลาดอย่างหนัก ทั้งโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อ ออกอีเวนท์ทั่วประเทศ โดยค่ายแรกมีอาวุธเป็นรุ่นไมเนอร์เชนจ์ ทั้งยังเสริม ตัวถังแค็บเปิดได้แบบตู้กับข้าว ส่วนค่ายหลังมี “ก็อต จักรพรรณ” และ ดีแมคซ์ แพลตินั่ม
ขณะที่เบอร์ 3 ตลาดปิกอัพเมืองไทย “นิสสัน” พยายามปิดช่องว่าง ฟรอนเทียร์ นาวารา ด้วยการเสริมรุ่น “คาลิเบอร์” ปิกอัพขับสองยกสูงตามสมัยนิยม ซึ่งจะว่าไปก็ไม่ได้ยกสูงอะไรมากมาย(เพราะเดิมสูงอยู่แล้ว) หากแต่เป็นยกรูปลักษณ์ของรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อมาไว้ในรุ่นนี้ ทั้ง โป่งล้อโตๆ บันไดข้างสไตล์ออฟโรด กันชนหลัง และล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ประกบยางขนาด 255/70R16
ขุมพลัง D25DDTi คอมมอนเรลไดเร็กอินเจ็กชั่น 2.5 ลิตร 144 แรงม้าและแรงบิดสูงสุด 356 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 6 สปีด(เท่านั้น) โดยรุ่นคิงส์แค็บ(เปิดได้แบบตู้กับข้าว)ราคา 6.39 แสนบาท และดับเบิ้ลแค็บ ราคา 7.15 แสนบาท
ส่วนพระรองอย่าง “มิตซูบิชิ” มีการขยับเช่นกัน กับไทรทัน พลัส ตัวถังเมกะแค็บ ที่เปลี่ยนกระจังหน้าใหม่(คล้ายปาเจโร) พร้อมยกสูงขึ้นอีก 57 มิลลิเมตร ส่วนมาสด้านั้นจัดการเปิดตัว “บีที-50 สปอร์ต ซีรี่ส์” ลิมิเต็ตอิดิชั่น โดยรุ่นดับเบิลแค็บจะผลิตเพียง 10 คัน และรุ่นแค็บเปิด 100 คัน
ด้านปิกอัพ “ทาทา” ที่ช่วงหลังแม้จะเงียบไปบ้าง แต่สำหรับงานมอเตอร์เอ็กซ์โปครั้งนี้ ค่ายรถอินเดียส่ง “ซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี” ปิกอัพที่วิ่งด้วยก๊าซ ธรรมชาติล้วนๆไม่พึ่งพา(ถัง)น้ำมันแม้แต่หยดเดียว ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวครั้งแรกของโลกอีกด้วย
สำหรับซีนอน ซูเปอร์ ซีเอ็นจี มากับรุ่นเอ็กซ์เท็นด์แค็บ เครื่องยนต์ 2.1 ลิตร DOHC หัวฉีดมัลติพอยต์ 115 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ที่ 3,750 รอบ/นาที โดยระบบซีเอ็นจีใช้วัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูง อาทิ ระบบท่อก๊าซของ Sandvik เยอรมัน และ Swagelok สหรัฐอเมริกา วาล์วนิรภัยของ OMB อิตาลี ช่วยป้องกันอุบัติเหตุจากการรั่วซึม แรงดัน และอุณหภูมิ ส่วนระบบประมวลผลอัจฉริยะคำนวณการผสมผสานก๊าซ อากาศ สภาพการขับขี่ ใช้ของ Bosch เยอรมัน และเซ็นเซอร์ของ Valeo ฝรั่งเศส โดยทั้งหลายทั้งปวงแลกกับราคา 5.19 แสนบาท
ด้านยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” จัดการแต่งเท่ให้ฟอร์จูนเนอร์ ใหม่ ด้วยรุ่น 3.0V TRD Sportivo โดดเด่นกับสีขาวมุข ชุดแต่งสเกิร์ตรอบคัน บันไดข้างอลูมิเนียม ท่อไอเสียสแตนเลส โช้คอัพและคอยล์สปริง TRD ขณะที่ความสูงตัวรถจะลดลงประมาณ 25 ม.ม. ภายในสีทูโทนดำ-ครีม และคอนโซลกลาง พวงมาลัย แผงควบคุมกระจกไฟฟ้า แผงครอบคอนโซลเกียร์ ลายสปอร์ตเคฟลาร์ เครื่องเสียงอัลไพน์แบบ 2Din
ขณะเดียวกันโตโยต้ายังใช้เวทีนี้เปิดตัว รถตู้หรูรุ่น “อัลพาร์ด” โดยเป็นการนำเข้าและจัดจำหน่าย(เอง)อย่างเป็นทางการ มีให้เลือก 2 รุ่น 3.5V และ 3.5Q (หลังคามูนรูฟ) เครื่องยนต์เบนซิน V6 3,500 ซีซี Dual VVT-i 275 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ Sequential shift 6 สปีด เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์พิเศษสำหรับเมืองไทย อาทิ สเกิร์ตรอบคัน เบาะนวดไฟฟ้า ระบบ entertainment เต็มรูปแบบ กล้องมองหลังขณะถอย ราคาประมาณ4.1-4.4 ล้านบาท
ที่ขาดไม่ได้เห็นจะเป็นรถยนต์น้องใหม่จากจีนนำโดย DFM ภายใต้การทำตลาดของกลุ่ม “ยูเนี่ยนแสงทอง” ที่เรียงหน้าโปรดักต์กับ ปิกอัพขนาดเล็ก รวมถึงรถตู้เล็ก 7 ที่นั่ง และแบบตู้ทึบใช้งาน ซึ่งทั้ง 3 รุ่นใช้โครงสร้างพื้นฐานเดียวกัน มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินขนาด 1.1 ลิตร 52 แรงม้า และ 1.3 ลิตร 82 แรงม้า พร้อมติดตั้งระบบซีเอนจี มาตรฐานโรงงานฟรี สนนราคาตั้งแต่ 2.79-4.39 แสนบาท
นอกจากนี้ยังมี “โพลาร์ซัน” รถจีนอีกยี่ห้อที่ยนตรกิจนำเข้ามาทำตลาด ประเดิมกับ“เซ็นทูรี ซีรี่” รถตู้อเนกประสงค์ ในราคาเริ่มต้น5.99 แสนบาท หรือใครต้องการความเหนือชั้นกว่า ต้องนี่ “ซีตรอง จัมเปอร์” รถตู้ระดับหรู เครื่องยนต์ดีเซล 2.2 และ 3.0 ลิตร ขณะที่ตัวถังมีทั้งฐานล้อยาว-หลังคาสูง ราคา 1.59-2.49 ล้านบาท
ปิดท้ายด้วยซูบารุ ที่นำ “เอ็กซิก้า” (Exiga) รถสแตชันแวกอน ที่สั่งตรงสดๆร้อนๆมาจากญี่ปุ่น โดดเด่นด้วยความอเนกประสงค์กับ เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง หลังคาแบบพาโนรามิคโปร่งใส เครื่องยนต์บ็อกเซอร์ 4 สูบนอน 2,000 ซีซี เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ 218 แรงม้า ทั้งนี้ยังแว่วๆมาว่าค่ายรถดาวลูกไก่ ยังนำอิมเพรสซ่า ตัวถังซีดาน มาเปิดตัวพร้อมขายอีกด้วย
....ถึงบรรทัดนี้ ตัวหนังสือคงไม่สามารถอธิบายสรรพคุณของรถยนต์แต่ละคันได้หมด ดังนั้นควรไปไปสัมผัส-ลองขับคันจริงด้วยตนเอง ซึ่งงาน“มอเตอร์เอ็กซ์โป” ถือเป็นตลาดนัดสำคัญที่คุณจะได้เห็น ได้เลือกครบทุกรุ่นในที่เดียว แล้วถ้าพอใจคันไหนก็เชิญจับจองกันตามสะดวก