"สวัสดิ์ หอรุ่งเรือง"เป็นนักธุรกิจชาวไทยเชื้อสายจีนกวางตุ้งที่อยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมเหล็กกล้า และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทย ภายหลังวิกฤตการณ์ทางการเงินในเอเชีย พ.ศ. 2540 ธุรกิจของเขา ต้องแบกรับภาระหนี้กว่าแสนล้านบาท เขาได้ประกาศต่อสาธารณชนว่า "ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย" ซึ่งถือว่าเป็นวลีเด็ดที่ไม่มีใครลืม แต่เขาก็ผ่านช่วงเลวร้ายมาได้ ในวันนี้เราจะมาพูดคุยกับเขาเกี่ยวกับเรื่องความชื่นชอบในรถคลาสสิก และน้อยครั้งนักที่เราจะพบเขานำรถมาออกโชว์ตามงานต่างๆ แต่คันที่เราจะมาชมกันคือ "Mercedes-Benz 300 SL Gullwing ปี 1952" สยายปีกดำขลับอวดศักดาต่อสายตาผู้พบเห็นให้ต้องเหลียวมอง
“ก่อนหน้าที่ผมจะได้มานั้นเดิมทีเจ้าของเป็นชาวอังกฤษตัวผมเองก็สนใจด้านนี้อยู่แล้วกำลังมองหารถหลังสงครามโลกสักคัน ผมชอบดีไซน์ทำให้คิดถึงว่าในยุค 1952 หลังสงครามฯ อะไรในโลกนี้สวยหมดเลย ทุกอย่างกำลังฟื้นฟู เห็นรูปครั้งแรกก็ประทับใจแล้ว ตอนนี้ก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาได้ 20 ปีแล้วครับเรียกได้ว่าเป็นน้องชายก็ได้"
เมื่อได้มาเป็นเจ้าของเขาจึงเริ่มกระบวนการปรับปรุงตกแต่งให้ออกมาตามที่ฝันคือ เปลี่ยนสีควันบุหรี่มาเป็นสีดำให้เหมือนรถของแบตแมนฮีโร่ขวัญใจเขา
“พอมีเงินก็ซื้อคันนี้เลย แต่ว่าสภาพไม่ใช่อย่างนี้นะ ได้มาแล้วต้องซ่อม หนักมาก...เรียกว่าใช้ไม่ได้เลยครับ ใช้เวลาซ่อมประมาณ 3 ปี เพราะซ่อมไปหาอะไหล่ไปกว่าจะรอแต่ละชิ้นส่วนมาประกอบกัน ที่หนักที่สุดคือซ่อมเสร็จแล้วก็ยังขับไม่ได้อีกเพราะว่าพวงมาลัยซ้ายและไม่มีพาวเวอร์อีก มันหนักมาก กัลล์วิงนี่เสียอยู่อย่างคือพอปิดประตูลงแล้ว (กระจก) หูช้างเล็กนิดเดียวสำหรับเมืองไทยขับไม่ได้เลย อาศัยผมเป็นช่างเก่าผมก็เลยเปลี่ยนแปลงไปบ้าง มีแอร์คอนดิชั่น เครื่องเสียงนี่เยี่ยม สภาพในตอนนี้ผมให้100% ครับ เรื่องอุปกรณ์ภายในผมไม่ได้ยึดถือ โครงสร้างของเบาะนั้นเป็นของเดิม แต่ว่าผมมาเพิ่มของผมเองเยอะ เช่นตัวคอนโซลเพื่อรองรับความต้องการว่าจะต้องใส่ซีดีได้ หรือของต่างๆ และติดแอร์”
นอกจากคันนี้แล้วเขายังรถคลาสสิกอีกหลายคันไม่ว่าจะเป็น 1983 Rolls Royce Corniche II , Mercedes-Benz 600 (Pullman Limo ปี 1975 ลีมูซีนสีดำของอดีตประธานาธิบดีเหงียน วัน เตียว แห่งเวียดนามใต้) สวัสดิ์บอกว่าบางวันมีอารมณ์แบบคนอเมริกันก็ขับอเมริกันคลาสสิก บางครั้งเกิดอารมณ์ผู้ดีอังกฤษก็ขับโรสลอยส์เปิดประทุน
ทุกวันนี้เมื่อมีเวลาว่างสวัสดิ์ยังคงให้ความสำคัญกับบรรดารถคลาสสิกพวกนี้อยู่เสมอ โดยเฉพาะรถที่ผลิตในช่วงปี 1940 จนถึง 1970 ซึ่งเป็นช่วงชีวิตวัยหนุ่มของเขา และเหลือเชื่อว่าจนตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยซื้อรถใหม่สักคัน ด้วยมีเพียงเหตุผลเดียวคือ
"ผมมีรสนิยมแบบนี้ ของใหม่สวยสู้ของเก่าไม่ได้แน่นอน และมีเงินถ้าซื้อได้ก็ซื้อมันซะถือว่าเป็นรางวัลของชีวิต".....
“ก่อนหน้าที่ผมจะได้มานั้นเดิมทีเจ้าของเป็นชาวอังกฤษตัวผมเองก็สนใจด้านนี้อยู่แล้วกำลังมองหารถหลังสงครามโลกสักคัน ผมชอบดีไซน์ทำให้คิดถึงว่าในยุค 1952 หลังสงครามฯ อะไรในโลกนี้สวยหมดเลย ทุกอย่างกำลังฟื้นฟู เห็นรูปครั้งแรกก็ประทับใจแล้ว ตอนนี้ก็ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมาได้ 20 ปีแล้วครับเรียกได้ว่าเป็นน้องชายก็ได้"
เมื่อได้มาเป็นเจ้าของเขาจึงเริ่มกระบวนการปรับปรุงตกแต่งให้ออกมาตามที่ฝันคือ เปลี่ยนสีควันบุหรี่มาเป็นสีดำให้เหมือนรถของแบตแมนฮีโร่ขวัญใจเขา
“พอมีเงินก็ซื้อคันนี้เลย แต่ว่าสภาพไม่ใช่อย่างนี้นะ ได้มาแล้วต้องซ่อม หนักมาก...เรียกว่าใช้ไม่ได้เลยครับ ใช้เวลาซ่อมประมาณ 3 ปี เพราะซ่อมไปหาอะไหล่ไปกว่าจะรอแต่ละชิ้นส่วนมาประกอบกัน ที่หนักที่สุดคือซ่อมเสร็จแล้วก็ยังขับไม่ได้อีกเพราะว่าพวงมาลัยซ้ายและไม่มีพาวเวอร์อีก มันหนักมาก กัลล์วิงนี่เสียอยู่อย่างคือพอปิดประตูลงแล้ว (กระจก) หูช้างเล็กนิดเดียวสำหรับเมืองไทยขับไม่ได้เลย อาศัยผมเป็นช่างเก่าผมก็เลยเปลี่ยนแปลงไปบ้าง มีแอร์คอนดิชั่น เครื่องเสียงนี่เยี่ยม สภาพในตอนนี้ผมให้100% ครับ เรื่องอุปกรณ์ภายในผมไม่ได้ยึดถือ โครงสร้างของเบาะนั้นเป็นของเดิม แต่ว่าผมมาเพิ่มของผมเองเยอะ เช่นตัวคอนโซลเพื่อรองรับความต้องการว่าจะต้องใส่ซีดีได้ หรือของต่างๆ และติดแอร์”
นอกจากคันนี้แล้วเขายังรถคลาสสิกอีกหลายคันไม่ว่าจะเป็น 1983 Rolls Royce Corniche II , Mercedes-Benz 600 (Pullman Limo ปี 1975 ลีมูซีนสีดำของอดีตประธานาธิบดีเหงียน วัน เตียว แห่งเวียดนามใต้) สวัสดิ์บอกว่าบางวันมีอารมณ์แบบคนอเมริกันก็ขับอเมริกันคลาสสิก บางครั้งเกิดอารมณ์ผู้ดีอังกฤษก็ขับโรสลอยส์เปิดประทุน
ทุกวันนี้เมื่อมีเวลาว่างสวัสดิ์ยังคงให้ความสำคัญกับบรรดารถคลาสสิกพวกนี้อยู่เสมอ โดยเฉพาะรถที่ผลิตในช่วงปี 1940 จนถึง 1970 ซึ่งเป็นช่วงชีวิตวัยหนุ่มของเขา และเหลือเชื่อว่าจนตอนนี้เขาก็ยังไม่เคยซื้อรถใหม่สักคัน ด้วยมีเพียงเหตุผลเดียวคือ
"ผมมีรสนิยมแบบนี้ ของใหม่สวยสู้ของเก่าไม่ได้แน่นอน และมีเงินถ้าซื้อได้ก็ซื้อมันซะถือว่าเป็นรางวัลของชีวิต".....