ข่าวในประเทศ – สแกนเนีย เปิดศึกตลาดรถหัวลาก เผยรถใหม่ทีเดียว 3 ซีรี่ส์รวด ทั้ง P ,G และ R ตั้งเป้าขาย 150 คันต่อปี ชี้ธุรกิจข้ามแดนส่งผลให้ตลาดเติบโตได้ ชูบริการหลังการขายโดดเด่น ลั่นพร้อมทำตลาดเครื่องยนต์พลังงานทดแทน CNG แต่ต้องรอความชัดเจนของภาครัฐ
นายวิชัย จิราธิยุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถบรรทุกหัวลากและรถบัสขนาดใหญ่ภายใต้ แบรนด์ สแกนเนีย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ เปิดตัวรถบรรทุกชนิดหัวลากรุ่นใหม่พร้อมกันถึง 3 รุ่น คือ รุ่น P, G, และ R ซีรี่ส์ หลังจากที่บริษัทฯ เปิดตัวรถรุ่น ซีรี่ส์ 4 และทำตลาดอย่างต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
“การที่เราเปิดตัวรถใหม่ถึง 3 รุ่นพร้อมกันนั้นเป็นนโยบายของบริษัทฯ แม่ที่สวีเดน โดยจุดเด่นของรถทั้ง 3 ซีรี่ส์ อยู่ที่อัตราการบริโภคน้ำมันประหยัดกว่ารถญี่ปุ่นถึง 25% และเราจะใช้กลยุทธ์ด้านเครือข่ายการบริการในการทำตลาดซึ่งคลอบคลุมถึง 3 ประเทศได้แก่ ไทย , มาเลเซีย และสิงคโปร์”
ทั้งนี้เฉพาะในส่วนของศูนย์บริการในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ มีมากถึง 6 แห่งได้แก่ กรุงเทพฯ , หาดใหญ่ , สุราษฎ์ธานี, สระบุรี, ระยอง และกำแพงเพชร และยังมีบริการ สแกนเนีย แอสซิสแตนท์ หน่วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับรถสแกนเนียทุกคันทั่วประเทศ ฉะนั้นบริษัทฯ จึงมีความโดดเด่นในด้านของการให้บริการหลังการขาย
นายวิชัยกล่าวว่า ปี 2551 บริษัทฯ ตั้งเป้าจำหน่ายหลังการเปิดตัวรถรุ่นใหม่นี้ไว้ประมาณ 130-150 คันต่อปี เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ประมาณ 10% เนื่องจากธุรกิจข้ามแดนมีจำนวนมากขึ้น และเส้นทางการขนส่งทางบกข้ามประเทศระหว่างไทย ลาว และจีน เริ่มเปิดใช้อย่างเป็นทางการ
ส่วนการใช้เชื้อเพลิงชนิด CNG นั้นทางบริษัทฯ มีเครื่องยนต์ที่รองรับพร้อมอยู่แล้ว แต่ต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐ เรื่องจำนวนปั๊มสำหรับรถใหญ่และมาตรฐานการติดตั้งที่เป็นสากล สำหรับตลาดรวมของรถบรรทุกประเภทหัวลากของไทยอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นคันต่อปี โดยรถยุโรปมีสัดส่วนการตลาดที่ประมาณ 2-3% ที่เหลือเป็นของแบรนด์จากญี่ปุ่น
นายวิชัย จิราธิยุต กรรมการผู้จัดการ บริษัท สแกนเนีย สยาม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรถบรรทุกหัวลากและรถบัสขนาดใหญ่ภายใต้ แบรนด์ สแกนเนีย เปิดเผยว่า ในปีนี้บริษัทฯ เปิดตัวรถบรรทุกชนิดหัวลากรุ่นใหม่พร้อมกันถึง 3 รุ่น คือ รุ่น P, G, และ R ซีรี่ส์ หลังจากที่บริษัทฯ เปิดตัวรถรุ่น ซีรี่ส์ 4 และทำตลาดอย่างต่อเนื่องมาตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา
“การที่เราเปิดตัวรถใหม่ถึง 3 รุ่นพร้อมกันนั้นเป็นนโยบายของบริษัทฯ แม่ที่สวีเดน โดยจุดเด่นของรถทั้ง 3 ซีรี่ส์ อยู่ที่อัตราการบริโภคน้ำมันประหยัดกว่ารถญี่ปุ่นถึง 25% และเราจะใช้กลยุทธ์ด้านเครือข่ายการบริการในการทำตลาดซึ่งคลอบคลุมถึง 3 ประเทศได้แก่ ไทย , มาเลเซีย และสิงคโปร์”
ทั้งนี้เฉพาะในส่วนของศูนย์บริการในประเทศไทยนั้น บริษัทฯ มีมากถึง 6 แห่งได้แก่ กรุงเทพฯ , หาดใหญ่ , สุราษฎ์ธานี, สระบุรี, ระยอง และกำแพงเพชร และยังมีบริการ สแกนเนีย แอสซิสแตนท์ หน่วยบริการช่วยเหลือฉุกเฉินสำหรับรถสแกนเนียทุกคันทั่วประเทศ ฉะนั้นบริษัทฯ จึงมีความโดดเด่นในด้านของการให้บริการหลังการขาย
นายวิชัยกล่าวว่า ปี 2551 บริษัทฯ ตั้งเป้าจำหน่ายหลังการเปิดตัวรถรุ่นใหม่นี้ไว้ประมาณ 130-150 คันต่อปี เพิ่มขึ้นจากปี 2550 ประมาณ 10% เนื่องจากธุรกิจข้ามแดนมีจำนวนมากขึ้น และเส้นทางการขนส่งทางบกข้ามประเทศระหว่างไทย ลาว และจีน เริ่มเปิดใช้อย่างเป็นทางการ
ส่วนการใช้เชื้อเพลิงชนิด CNG นั้นทางบริษัทฯ มีเครื่องยนต์ที่รองรับพร้อมอยู่แล้ว แต่ต้องรอความชัดเจนจากภาครัฐ เรื่องจำนวนปั๊มสำหรับรถใหญ่และมาตรฐานการติดตั้งที่เป็นสากล สำหรับตลาดรวมของรถบรรทุกประเภทหัวลากของไทยอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นคันต่อปี โดยรถยุโรปมีสัดส่วนการตลาดที่ประมาณ 2-3% ที่เหลือเป็นของแบรนด์จากญี่ปุ่น