หลังจากที่ "Pretty Zone" ของเราได้นำเสนอเรื่องราวของสาวๆพริตตี้เกี่ยวกับรายได้ของพวกเธอกันไปแล้ว ทำให้หลายคนสงสัยและถกเถียงกันเป็นอย่างมากว่าเหตุใดพวกเธอถึงทำเงินกันได้มากมายขนาดนี้ แล้วการทำงานนั้นมันสบายอย่างที่คิดจริงหรือไม่ แค่เดินสวย ยิ้มหวาน พูดจาเพราะๆ แล้วก็ได้เงินเป็นพันเป็นหมื่นมาใช้กัน
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าการทำงานแบบนี้มีหลายแบบให้เรียกไม่ว่าจะเป็น "Pretty" ที่เราคุ้นเคยกันหรือ "Presenter" ซึ่งการทำงานจะต่างกันเล็กน้อยแต่เหมือนกันตรงที่ต้องชูจุดเด่นของสินค้าออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้หายข้องใจเราจะมาคุยกับพวกเธอกันว่าอันที่จริงแล้วงานพริตตี้เบื่อหน้าอาจจะดูสวยงามแต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเธอต้องฝ่าฟันอะไรหรือแข่งขันกันอย่างไรบ้างกว่าที่จะมาทำงานตรงนี้กัน
**กว่าจะเป็นพริตตี้**
พริตตี้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เข้ามาทำงานเพราะมีเพื่อนวักชวนกันมาทั้งนั้น นอกจากนี้ก็เป็นการไปสมัครด้วยตัวเองตามโมเดลลิ่งที่มีอยู่มากมาย อีกส่วนหนึ่งเป็นพวกที่บังเอิญไปเจอแมงมองหรือโมเดลลิ่งแล้วชวนให้มาเทสต์งานก็ถือว่าฟลุ๊คได้งานกันไปทำระหว่างเรียน แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือ"เพื่อนชวนเพื่อน"เพราะวิธีนี้ถือว่าเป็นการสแกนพริตตี้ไปในตัวด้วย เพราะคนที่ทำงานมาก่อนย่อมจะรู้ว่าเพื่อนคนไหนที่มีแววว่าจะรุ่งในหน้าที่การงานแบบนี้ นิสัยเป็นอย่างไร จะเข้ากับคนอื่นได้ไหม ที่สำคัญการชวนเพื่อนเข้ามาทำถ้าตั้งใจทำงานก็จะช่วยกันรุ่งเพราะจะมีการส่งรูปให้กับบริษัทต่าง
**สวยอย่างเดียว.....ไม่พอ**
ใครที่คิดว่าผู้หญิงที่มาทำงานพริตตี้หรือพรีเซ็นเตอร์นั้นขอแค่เพียงสวย รูปร่างดี อย่างเดียวก็หางานได้แล้วนั้น ขอบอกว่าคุณคิดผิด เพราะทุกวันนี้เจ้าของงานก่อนที่จะจ้างทำงานนั้นต้องมีการเทสต์กันหลายขั้นตอนทีเดียว ยกตัวอย่างของค่ายรถหรูหระดับ 5 ดาว อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีการจัดทีม "Mercedes-Benz Presenter" เป็นประจำทุกปีในงาน Motor Show ซึ่งการคัดเลือกหรือระบบระเบียบในค่ายนี้ขอบอกว่าไม่ธรรมดาทีเดียว จากแหล่งข่าวภายในเปิดเผยกับเราว่าสาวๆที่จะมาเป็นหนึ่งในทีมนั้นจะต้องมีคุณสมบัติเข้าขั้นนางงามทีเดียว
"คนที่จะมาทำงานกับเราตรงนี้ต้องมีประวัติที่ดีไม่ด่างพร้อย ไม่เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือพริตตี้ของค่ายอื่นใดมาก่อน นอกเหนือจากรูปร่างหน้าตาที่ชวนมองแล้วก็ต้องมีความอดทนเพราะเมื่อได้รับการคัดเลือกจะต้องมีการเข้าคอร์สฝึกทางด้านภาษาและการออกเสียงต้องสามารถใช้ภาษาทั้งไทยและอังกฤษได้อย่างถูกต้อง รวมถึงความเข้าใจในเรื่องรถยนต์ของบริษัท จริงๆการคัดเลือกนั้นเราไม่ต้องการคนที่สวยมากแต่เราเน้นบุคคลิกที่ดีเพราะผู้หญิงสวยได้ถ้ารู้จักแต่งตัว ที่สำคัญต้องมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานนี้ บางคนการศึกษาสูงๆระดับปริญญาโทก็ยังมาสมัครซึ่งเราคิดว่าการทำงานแบบนี้ควรมองในแง่บวกมากกว่าจะมองว่าสวยอย่างเดียว"
นอกจากคุณสมบัติมากมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น คณะกรรมที่คัดเลือกของเมอร์เซเดส-เบนซ์นั้นต้องการยกระดับการทำงานของพรีเซ็นเตอร์ให้เป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถสำคัญกว่าความสวย รวมทั้งต้องช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของตัวสินค้าให้ดูดีขึ้น
**ใครดี...ใครได้**
ไม่ว่าจะเป็นวงการไหนก็ต้องมีการแข่งขันกันทั้งสิ้น ไม่เว้นวงการนี้เพราะขึ้นว่าพริตตี้ แต่ละคนย่อมมีความสวยแตกต่างกันไป ความสามารถก็เช่นเดียวกัน ยิ่งทุกวันนี้พริตตี้หน้าใหม่เกิดกันทุกวันยิ่งกว่าดารานักร้อง เรียกได้ว่านับสิบคนที่มาเป็นคลื่นลูกใหม่พร้อมจะมากระแทกคลื่นลูกเก่าให้จมหายไป เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการแข่งขันกันหน่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าตา ความสามารถ เส้นสาย เรียกได้แข่งกันชนิดใครดีใครได้ไม่มีใครยอมกันทั้งนั้น อย่างงานที่ทำให้พวกเธอต้องทุ่มเทกันสุดก็มี Motor Show , Motor Expo เพราะเป็นงานแสดงรถยนต์ระดับประเทศที่ปีหนึ่งจะมีแค่ 2 ครั้งเท่านั้น สาวพริตตี้หลายคนถือว่าการได้มายืนงานแบบนี้ถือว่าเป็นจุดสูงสุดในชีวิตพริตตี้เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ก็ยังมีรายได้งามอีกเป็นหลักหมื่น (อย่างที่เราบอกไปในตอนที่แล้ว)
สำหรับการหางานของพริตตี้แต่ละคนนั้นถือว่าเทคนิคแตกต่างกันออกไป อย่าง "น้องอุ้ม เมริษา จงภู่" บอกกับเราว่า "การหางานของอุ้มส่วนมากจะเป็นการฝากเพื่อนเอารูปไปส่งค่ะ แต่ก็มีบางทีเจอเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนะพี่แบบว่าเอาแต่รูปตัวเองไปส่งแล้วไม่เอารูปเพื่อนไปส่งอันนี้บางทีเกิดจากการหมั่นไส้กันด้วย แต่ถ้าเราอยู่มานานก็จะรู้วิธีหางานที่สำคัญต้องตรงต่อเวลาทำตัวดีๆแล้วเจ้าของงานเขาจะเมตตาจ้างเราเรื่อยๆค่ะ"
ส่วนน้องเก๋ที่ถือว่าเป็นพริตตี้มือใหม่นั้น เธอบอกกับเราว่าตอนนี้งานยังไม่เยอะเพราะบางทีก็โดนรุ่นพี่กลั่นแกล้งหรือไม่ก็เส้นสายยังไม่เยอะพอ เลยยังไม่มีคนแนะนำเท่าไหร่ "ก่อนหน้านี้เคยอยู่กับโมเดลลิ่งนะคะแล้วทีนี้โดนหักค่าตัวเยอะน่ะพี่ เราก็ไม่ไหวต้องออกมาหาเงินเองแต่ก็ลำบากเพราะบางทีเราไม่มีเส้นสายหรือไม่ก็ถูกโมฯแย่งงานให้เด็กเขาเอง แค่ถ้ารักจะอยู่ในวงการต่อไปก็ต้องสู้"
**Miss Presenter ยกระดับปรับมาตราฐานพริตตี้**
ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมานั้นนอกจากรถยนต์หลากกรุ่นที่นำมาโชว์และให้ช็อปกันสนั่นแล้วยังมีการประกวดอีก 2 เวทีใหญ่ก็คือ "Miss Motorshow 2007" ถือว่าเป็นเวทีที่สร้างชื่อเสียงให้กับผู้ที่ได้รับตำแหน่งมาก ไม่แพ้เวที “ Miss Presenter Contest 2007” ดังนั้นคณะกรรมการการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์จึงได้จัดการประกวด ขึ้นมาเพื่อเป็นการให้บรรดาพรีเซ็นเตอร์และพริตตี้ที่ไม่ได้มีแค่ความสวยแต่มากด้วยความสามารถเป็นที่รู้จักกัน
“น้องแยม” พรธิดา สุริยะโชติ เจ้าของตำแหน่ง Miss Presenter Contest 2007 คนล่าสุด ตอนนี้เธอมีอายุ 21 ปี เพิ่งเป็นบัญฑิตหมาดๆจาก คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เปิดเผยความในใจให้เราฟังว่า ตอนแรก ๆ ที่มาประกวดเธอเตรียมตัวมาอย่างดีเหมือนกับเพื่อน ๆทุกคน โดยจุดเด่นที่ทำให้แยมชนะในการประกวดครั้งนี้ คงเป็นบุคลิกภาพและสไตล์การพูดที่เป็นธรรมชาติ
เมื่อถามถึงประสบการณ์ที่ได้จากการเป็นพริตตี้นั้นน้องแยมบอกว่า “เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและเป็นความภูมิใจ ที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ด้วย นอกจากนี้แยมก็ยังได้ประสบการณ์ในด้านของนำเสนอและความกล้าแสดงออกค่ะ การเป็นพริตตี้นั้นไม่ได้ใช้แค่ความสวย ถ้ามาดูกันจริงๆแล้วพริตตี้สมัยนี้ก็จบปริญญากันทั้งนั้น”
**มาเร็ว-ไปเร็ว**
นอกจากการแข่งขันกับเพื่อนๆน้องๆในวงการแล้ว พริตตี้ทั้งหลายยังต้องแข่งขันกับตัวเองในการทำอาชีพนี้ให้นานที่สุดและเพราะงานแบบนี้ถือว่าอายุงานสั้นมาก อยู่ที่ประมาณ 3-5 ปีแล้วแต่หน้าตาและความสามารถ ถ้าใครไม่คิดทำอาชีพเสริมแบบนี้จริงจังก็ไม่กังวลเท่าไหร่ แต่กับสาวบางคนที่ต้องทำเพื่อค่าค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายทางบ้านนั้นพวกเธอต้องอยู่ให้นานที่สุด แถมยังต้องมารับมือกับพวกผู้ชายที่คอยแทะโลมด้วยสายตาและคำพูดอีก
เห็นไหมว่าการเป็นพริตตี้นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เป็นมันต่างกันมากมาย ทาง "Pretty Zone" จึงนำมาเล่าผ่านตัวหนังสือให้คุณผู้อ่านได้พิจารณากันเอาเองว่างานแบบนี้ต้องสวย ใส ไร้สมอง...จริงหรือ(ไม่)?
ก่อนอื่นต้องขอบอกว่าการทำงานแบบนี้มีหลายแบบให้เรียกไม่ว่าจะเป็น "Pretty" ที่เราคุ้นเคยกันหรือ "Presenter" ซึ่งการทำงานจะต่างกันเล็กน้อยแต่เหมือนกันตรงที่ต้องชูจุดเด่นของสินค้าออกมาให้ดีที่สุด เพื่อให้หายข้องใจเราจะมาคุยกับพวกเธอกันว่าอันที่จริงแล้วงานพริตตี้เบื่อหน้าอาจจะดูสวยงามแต่ในความเป็นจริงแล้วพวกเธอต้องฝ่าฟันอะไรหรือแข่งขันกันอย่างไรบ้างกว่าที่จะมาทำงานตรงนี้กัน
**กว่าจะเป็นพริตตี้**
พริตตี้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์เข้ามาทำงานเพราะมีเพื่อนวักชวนกันมาทั้งนั้น นอกจากนี้ก็เป็นการไปสมัครด้วยตัวเองตามโมเดลลิ่งที่มีอยู่มากมาย อีกส่วนหนึ่งเป็นพวกที่บังเอิญไปเจอแมงมองหรือโมเดลลิ่งแล้วชวนให้มาเทสต์งานก็ถือว่าฟลุ๊คได้งานกันไปทำระหว่างเรียน แต่ที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือ"เพื่อนชวนเพื่อน"เพราะวิธีนี้ถือว่าเป็นการสแกนพริตตี้ไปในตัวด้วย เพราะคนที่ทำงานมาก่อนย่อมจะรู้ว่าเพื่อนคนไหนที่มีแววว่าจะรุ่งในหน้าที่การงานแบบนี้ นิสัยเป็นอย่างไร จะเข้ากับคนอื่นได้ไหม ที่สำคัญการชวนเพื่อนเข้ามาทำถ้าตั้งใจทำงานก็จะช่วยกันรุ่งเพราะจะมีการส่งรูปให้กับบริษัทต่าง
**สวยอย่างเดียว.....ไม่พอ**
ใครที่คิดว่าผู้หญิงที่มาทำงานพริตตี้หรือพรีเซ็นเตอร์นั้นขอแค่เพียงสวย รูปร่างดี อย่างเดียวก็หางานได้แล้วนั้น ขอบอกว่าคุณคิดผิด เพราะทุกวันนี้เจ้าของงานก่อนที่จะจ้างทำงานนั้นต้องมีการเทสต์กันหลายขั้นตอนทีเดียว ยกตัวอย่างของค่ายรถหรูหระดับ 5 ดาว อย่างเมอร์เซเดส-เบนซ์ ที่มีการจัดทีม "Mercedes-Benz Presenter" เป็นประจำทุกปีในงาน Motor Show ซึ่งการคัดเลือกหรือระบบระเบียบในค่ายนี้ขอบอกว่าไม่ธรรมดาทีเดียว จากแหล่งข่าวภายในเปิดเผยกับเราว่าสาวๆที่จะมาเป็นหนึ่งในทีมนั้นจะต้องมีคุณสมบัติเข้าขั้นนางงามทีเดียว
"คนที่จะมาทำงานกับเราตรงนี้ต้องมีประวัติที่ดีไม่ด่างพร้อย ไม่เคยเป็นพรีเซ็นเตอร์หรือพริตตี้ของค่ายอื่นใดมาก่อน นอกเหนือจากรูปร่างหน้าตาที่ชวนมองแล้วก็ต้องมีความอดทนเพราะเมื่อได้รับการคัดเลือกจะต้องมีการเข้าคอร์สฝึกทางด้านภาษาและการออกเสียงต้องสามารถใช้ภาษาทั้งไทยและอังกฤษได้อย่างถูกต้อง รวมถึงความเข้าใจในเรื่องรถยนต์ของบริษัท จริงๆการคัดเลือกนั้นเราไม่ต้องการคนที่สวยมากแต่เราเน้นบุคคลิกที่ดีเพราะผู้หญิงสวยได้ถ้ารู้จักแต่งตัว ที่สำคัญต้องมีทัศนคติที่ดีต่อการทำงานนี้ บางคนการศึกษาสูงๆระดับปริญญาโทก็ยังมาสมัครซึ่งเราคิดว่าการทำงานแบบนี้ควรมองในแง่บวกมากกว่าจะมองว่าสวยอย่างเดียว"
นอกจากคุณสมบัติมากมายที่กล่าวมาแล้วข้างต้น คณะกรรมที่คัดเลือกของเมอร์เซเดส-เบนซ์นั้นต้องการยกระดับการทำงานของพรีเซ็นเตอร์ให้เป็นงานที่ต้องใช้ความสามารถสำคัญกว่าความสวย รวมทั้งต้องช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ของตัวสินค้าให้ดูดีขึ้น
**ใครดี...ใครได้**
ไม่ว่าจะเป็นวงการไหนก็ต้องมีการแข่งขันกันทั้งสิ้น ไม่เว้นวงการนี้เพราะขึ้นว่าพริตตี้ แต่ละคนย่อมมีความสวยแตกต่างกันไป ความสามารถก็เช่นเดียวกัน ยิ่งทุกวันนี้พริตตี้หน้าใหม่เกิดกันทุกวันยิ่งกว่าดารานักร้อง เรียกได้ว่านับสิบคนที่มาเป็นคลื่นลูกใหม่พร้อมจะมากระแทกคลื่นลูกเก่าให้จมหายไป เพราะฉะนั้นก็ต้องมีการแข่งขันกันหน่อย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของหน้าตา ความสามารถ เส้นสาย เรียกได้แข่งกันชนิดใครดีใครได้ไม่มีใครยอมกันทั้งนั้น อย่างงานที่ทำให้พวกเธอต้องทุ่มเทกันสุดก็มี Motor Show , Motor Expo เพราะเป็นงานแสดงรถยนต์ระดับประเทศที่ปีหนึ่งจะมีแค่ 2 ครั้งเท่านั้น สาวพริตตี้หลายคนถือว่าการได้มายืนงานแบบนี้ถือว่าเป็นจุดสูงสุดในชีวิตพริตตี้เลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ก็ยังมีรายได้งามอีกเป็นหลักหมื่น (อย่างที่เราบอกไปในตอนที่แล้ว)
สำหรับการหางานของพริตตี้แต่ละคนนั้นถือว่าเทคนิคแตกต่างกันออกไป อย่าง "น้องอุ้ม เมริษา จงภู่" บอกกับเราว่า "การหางานของอุ้มส่วนมากจะเป็นการฝากเพื่อนเอารูปไปส่งค่ะ แต่ก็มีบางทีเจอเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดนะพี่แบบว่าเอาแต่รูปตัวเองไปส่งแล้วไม่เอารูปเพื่อนไปส่งอันนี้บางทีเกิดจากการหมั่นไส้กันด้วย แต่ถ้าเราอยู่มานานก็จะรู้วิธีหางานที่สำคัญต้องตรงต่อเวลาทำตัวดีๆแล้วเจ้าของงานเขาจะเมตตาจ้างเราเรื่อยๆค่ะ"
ส่วนน้องเก๋ที่ถือว่าเป็นพริตตี้มือใหม่นั้น เธอบอกกับเราว่าตอนนี้งานยังไม่เยอะเพราะบางทีก็โดนรุ่นพี่กลั่นแกล้งหรือไม่ก็เส้นสายยังไม่เยอะพอ เลยยังไม่มีคนแนะนำเท่าไหร่ "ก่อนหน้านี้เคยอยู่กับโมเดลลิ่งนะคะแล้วทีนี้โดนหักค่าตัวเยอะน่ะพี่ เราก็ไม่ไหวต้องออกมาหาเงินเองแต่ก็ลำบากเพราะบางทีเราไม่มีเส้นสายหรือไม่ก็ถูกโมฯแย่งงานให้เด็กเขาเอง แค่ถ้ารักจะอยู่ในวงการต่อไปก็ต้องสู้"
**Miss Presenter ยกระดับปรับมาตราฐานพริตตี้**
ในงานบางกอกอินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ที่ผ่านมานั้นนอกจากรถยนต์หลากกรุ่นที่นำมาโชว์และให้ช็อปกันสนั่นแล้วยังมีการประกวดอีก 2 เวทีใหญ่ก็คือ "Miss Motorshow 2007" ถือว่าเป็นเวทีที่สร้างชื่อเสียงให้กับผู้ที่ได้รับตำแหน่งมาก ไม่แพ้เวที “ Miss Presenter Contest 2007” ดังนั้นคณะกรรมการการจัดงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์จึงได้จัดการประกวด ขึ้นมาเพื่อเป็นการให้บรรดาพรีเซ็นเตอร์และพริตตี้ที่ไม่ได้มีแค่ความสวยแต่มากด้วยความสามารถเป็นที่รู้จักกัน
“น้องแยม” พรธิดา สุริยะโชติ เจ้าของตำแหน่ง Miss Presenter Contest 2007 คนล่าสุด ตอนนี้เธอมีอายุ 21 ปี เพิ่งเป็นบัญฑิตหมาดๆจาก คณะมนุษยศาสตร์ เอกสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยรามคำแหง ได้เปิดเผยความในใจให้เราฟังว่า ตอนแรก ๆ ที่มาประกวดเธอเตรียมตัวมาอย่างดีเหมือนกับเพื่อน ๆทุกคน โดยจุดเด่นที่ทำให้แยมชนะในการประกวดครั้งนี้ คงเป็นบุคลิกภาพและสไตล์การพูดที่เป็นธรรมชาติ
เมื่อถามถึงประสบการณ์ที่ได้จากการเป็นพริตตี้นั้นน้องแยมบอกว่า “เป็นประสบการณ์ที่คุ้มค่าและเป็นความภูมิใจ ที่สามารถหาเงินได้ด้วยตัวเอง ไม่ต้องรบกวนพ่อแม่ด้วย นอกจากนี้แยมก็ยังได้ประสบการณ์ในด้านของนำเสนอและความกล้าแสดงออกค่ะ การเป็นพริตตี้นั้นไม่ได้ใช้แค่ความสวย ถ้ามาดูกันจริงๆแล้วพริตตี้สมัยนี้ก็จบปริญญากันทั้งนั้น”
**มาเร็ว-ไปเร็ว**
นอกจากการแข่งขันกับเพื่อนๆน้องๆในวงการแล้ว พริตตี้ทั้งหลายยังต้องแข่งขันกับตัวเองในการทำอาชีพนี้ให้นานที่สุดและเพราะงานแบบนี้ถือว่าอายุงานสั้นมาก อยู่ที่ประมาณ 3-5 ปีแล้วแต่หน้าตาและความสามารถ ถ้าใครไม่คิดทำอาชีพเสริมแบบนี้จริงจังก็ไม่กังวลเท่าไหร่ แต่กับสาวบางคนที่ต้องทำเพื่อค่าค่าเล่าเรียนและค่าใช้จ่ายทางบ้านนั้นพวกเธอต้องอยู่ให้นานที่สุด แถมยังต้องมารับมือกับพวกผู้ชายที่คอยแทะโลมด้วยสายตาและคำพูดอีก
เห็นไหมว่าการเป็นพริตตี้นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่เป็นมันต่างกันมากมาย ทาง "Pretty Zone" จึงนำมาเล่าผ่านตัวหนังสือให้คุณผู้อ่านได้พิจารณากันเอาเองว่างานแบบนี้ต้องสวย ใส ไร้สมอง...จริงหรือ(ไม่)?