การนั่งทำงานในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูง ที่ทุกวันมีแต่ประชุมและประชุม แน่นอนความเครียดเป็นสิ่งตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และพวกเขาทำอย่างไร วันนี้ “ผู้จัดการมอเตอริ่ง” ขอนำเสนอ เรื่องราวการบำบัดความเครียดของ “วุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์ ” ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ด้วยวิธีง่ายๆ คือ “เพลงโปรดกับเครื่องเสียงดีๆ หนึ่งชุด”

“มันเริ่มต้นมาจากสมัยเรียนมหาวิทยาลัย อายุประมาณ 20 ปี กำลังวัยรุ่น คือผมเรียนวิศวะเลยทำให้ชอบทำอะไรเอง ตอนนั้นนึกอยากได้เครื่องเสียงสักชุด เลยเดินไปบ้านหม้อ หาซื้อแผงวงจร IC สายไฟ หม้อแปลงแล้วเอามาประกอบ บัดกรีเอง ส่วนลำโพงก็ซื้อกรวย ต่อตู้ ทุกอย่างทำเองหมดจนครบชุดทั้ง แอมป์ จูนเนอร์ (วิทยุ) อยากให้ดังมากน้อยแค่ไหน เสียงเป็นอย่างไร ผมเลือกตั้งแต่ตอนซื้อแผงวงจรแล้ว ” คุณวุฒิกร เอ่ยถึงที่มาของความชอบฟังเพลงและเครื่องเสียง
ถามว่าทำไมถึงทำเอง วุฒิกร กล่าวสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “มันเป็นความสนุกในตอนประกอบและมีความสุขที่ทำ” หลังจากเริ่มเล่นสักพักความอยากเพิ่มขึ้น รวมถึงความอยากลองของใหม่ เขาจึงเริ่มหาแนวทางเครื่องเสียงที่ตนเองชอบ ซึ่งภาษาคนในวงการหูทองเขาเรียกว่าพฤติกรรมนี้ว่าเป็นอาการเริ่มแรกของ “คนบ้าเครื่องเสียง”
ช่วงแรกการเล่นจะเป็นพวกแผ่นเสียง และคลาสเซ็ทเทป เนื่องจากยุคนั้นเป็นรอยต่อระหว่างการเข้ามาของเทปและการจากไปของแผ่นเสียง แต่เขายังมีแผ่นเสียงหลายแผ่นที่ชอบเก็บสะสมอยู่จนถึงปัจจุบัน เช่น แผ่นของคาราบาว ชุดเมดอินไทยแลนด์ และอเมริโกย ยุคนั้นราคาประมาณแผ่นละ 400 บาท แต่ตอนนี้ในตลาดแว่วว่าหากันในราคาเป็นหมื่นบาท

ที่สำคัญช่วงเวลาดังกล่าวเขายังโสด จึงสนุก-เล่นเต็มที่ มีการเปลี่ยนเครื่องเสียงหลายชุดทั้งทำเอง และซื้อหา อาทิยี่ห้อ NAD คือเมื่อฟังจนเบื่อ หรือไม่ชอบ ก็จะขาย นับเป็นการเล่นเครื่องเสียงในแบบพอเพียง มิใช่ซื้อสะสมหรือเล่นของราคาเกินตัว ส่วนแนวการเล่นจะเน้นเชิงเทคนิคและวิธีการฟัง อย่างไรก็ตามวุฒิกร สนุกกับเล่นเครื่องเสียงได้ประมาณ 5-6 ปี ก็ต้องหยุด ไม่ใช่เพราะเบื่อแต่เป็นเพราะ ครอบครัวต้องมาก่อน ทำให้กิจกรรมนี้ห่างหายนานนับ 10 ปี
จนเมื่อปี 2540 ลูกเริ่มโตเข้าโรงเรียนกันแล้ว วุฒิกรจึงกลับมาเล่นอีกครั้ง เพียงแต่หนนี้หมดยุคของการประกอบเองหันมาซื้อหาแทน และเล่นอยู่ในระดับที่เรียกว่า มิด-เอนด์ (Mid-End) คือขยับขึ้นมาจากช่วงแรก ชุดเครื่องเสียงที่เล่นจะเป็นยี่ห้อ ประมาณ แม็ค คอร์แมค (Mc Cormack) ลำโพง โปรแอค (Proac) และเครื่องเสียงชุดนี้กลายเป็นเรื่องที่น่าจดจำสำหรับเขา โดยเฉพาะตัวลำโพงเพราะสามารถขายขาดทุนประมาณ 5 พันบาท ทั้งที่เขาใช้งานมามากกว่า 5 ปี
ขณะเดียวกันเป็นจังหวะการเริ่มบูมของยุคซีดีหลังพ้นยุคของแผ่นเสียงและเทป เขาจึงเริ่มเก็บสะสมซีดีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนปัจจุบันมีมากกว่า 300 แผ่น และช่วงนี้เขาสนุกกับการเล่นเครื่องเสียงได้แค่ 5-6 ปี ก็ต้องหยุดอีก เพิ่งกลับมาเล่นใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา เหนืออื่นใดการกลับมาครั้งล่าสุดถือว่าไม่ธรรมดาเพราะมันเป็น “จุดสุดยอดของคนบ้าเครื่องเสียงหรือ Hi-End” ก็ว่าได้
อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ว่าเขากลับไปประกอบเครื่องเสียงเล่นเองอีก...มิใช่ครับ เพียงแต่ว่า วุฒิกร ค้นพบแนวทางที่ชัดเจนของตนเอง และเจอกับเครื่องเสียงที่ตอบสนองตรงความต้องการของเขา คือ แอคคิวเฟส(Accuphase) หนึ่งชุด กับลำโพงดีๆ สักคู่ อย่าง โซนัส ฟาเบอร์ (Sonus Faber) พร้อมสายสัญญาณ คาร์ดัส (Cardas) จิ๊กซอร์ตัวสุดท้ายที่เติมเต็มความรู้สึก พ่วงด้วยการสร้างห้องสุดพิเศษสำหรับการฟังเพลงโดยเฉพาะ
สำหรับเครื่องเสียงชุดนี้ เขาใช้เวลาในการเสาะหาไม่น้อย หลังตระเวนไปลองตามร้านเครื่องเสียงต่างๆ อยู่หลายแห่งแต่ไม่ถูกใจ เนื่องจากเดิมทีความฝันและความตั้งใจปลายทางตามสไตล์ของนักเล่นเครื่องเสียงแทบทุกคน แน่นอนว่า จะไปอยู่ที่ “มาร์ค เลวินสัน (Mark Levinson)” แต่เมื่อเขาลองฟังในวันที่พร้อมจะเป็นเจ้าของ พบว่า ความรู้สึกหลังได้ฟังมาร์ค เลวินสัน ไม่ใช่แนวของตัวเองเสียแล้ว

เมื่อไม่ใช่ดังใจคิด ก็ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ จนมาเจอกับ แอคคิวเฟส และ โซนัส ฟาร์เบอร์ ที่ วุฒิกร บอกว่าสามารถสร้างความผ่อนคลายและจินตนาการบรรเจิดเพื่อฟื้นความสดใสหลังจากคร่ำเครียดในการทำงานมาทั้งวันและแน่นอนความสุขในการฟังเพลงจากเครื่องเสียงที่ชอบสักชุด ...มันสุดลึกล้ำเหนือจะบรรยายเลยทีเดียว
"แอคคิวเฟส ก็เหมือนกับ เล็กซัส ของวงการยานยนต์ ที่ชื่อเสียงอาจจะไม่เทียบเท่ากับเมอร์เซเดส- เบนซ์ เพราะความเป็นสินค้าญี่ปุ่น แต่ถ้าวัดกันที่คุณภาพแล้วสู้กันได้สบาย" ส่วนอนาคตถามว่าอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม ....เขาตอบทันที คงเป็นแอมป์หลอดดีๆสักชุดหนึ่ง เพราะเมื่อเราเล่นมาถึงจุดหนึ่ง อะไรที่ไม่สลับซับซ้อน เสียงสะอาดหมดจรด บริสุทธิ์ ไร้การปรุงแต่ง เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้ว
สำหรับแนวเพลงที่เขาชื่นชอบ จะเป็นประมาณ แจ๊สหรือบลู ทั้งเพลงไทยและเพลงสากล โดยจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ แผ่นเพลงทั่วไป กับแผ่นออดิโอไฟล์ (Audiofile) แผ่นเพลงทั่วไปเช่น ทูล ทองใจ ชุด นิราศเวียงพิงค์ที่ชอบฟังตอนเช้าๆ บางอารมณ์อาจจะฟังครูเอื้อ ลูกทุ่งมี ก็อต จักรพันธ์ เป็นซีรี่ย์ทั้งหมด 9 อัลบั้มเลย ส่วนเพลงวัยรุ่นสมัยใหม่ก็พยายามฟังแต่ทำใจไม่ได้กับคุณภาพของเพลงที่การร้องตัวควบกล้ำ ร ล มั่วไปหมด

ส่วนแผ่นออดิโอไฟล์ จะเป็นแผ่นอ้างอิงสำหรับคนบ้าเครื่องเสียง ที่ต้องมีเอาไว้ในการทดสอบหาคุณภาพของเสียงที่เครื่องเสียงปลดปล่อยออกมา โดยการซื้อแผ่นพวกนี้จะมีคู่มือแนะนำว่า คุณภาพเพลงเป็นอย่างไร บันทึกเสียงดีระดับกี่ดาว
แม้จะมีแผ่นซีดี สะสมถึง 300 กว่าแผ่นแต่ความเป็นจริงที่ฟังบ่อยๆ มีเพียง 20 แผ่นเท่านั้น สำหรับเพลงที่ชอบฟังมากสุดขณะนี้คือ เพลงจีน ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นอัลบั้มเพลงร้องที่มีการบันทึกเสียงดีเยี่ยม ฟังแล้วเพลินใจ ผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดได้ แม้จะไม่เข้าใจถึงเนื้อหาเพลงก็ตาม
“เพลง สไตล์ หวานพริ้ว กระชับ และเป็นเสียงร้องของผู้หญิง ผมก็ชอบนะ เพราะมันรู้สึกผ่อนคลาย หลังจากที่เราเครียดจากการทำงานมาทั้งวัน ซึ่งงานของผมต้องประชุม คือ 90% ในวันทำงานอยู่ในห้องประชุมตลอด โต๊ะทำงานของตัวเองไม่มีความหมายเลย ดังนั้นการมีเครื่องเสียงชุดนี้จึงมาช่วยให้สิ่งที่ตันในห้องประชุมสามารถหาทางออกได้”
สุดท้าย สำหรับนักเล่นเครื่องเสียง ไม่ว่าจะมือเก่าหรือมือใหม่ วุฒิกร ฝากบอกว่า ก่อนซื้อต้องอ่านให้มาก ถามให้มาก , เมื่อซื้อแล้วอย่าอ่านอีก และสำคัญที่สุดจงเชื่อหูตัวเองเพราะคนฟังคือตัวเองไม่ใช่ใครอื่นแล้วความสุขจะอยู่กับเรา
นี่คือแนวทางการหาความสุขกับสิ่งรอบตัวเล็กๆ น้อยๆ เพื่อฟื้นคืนพลังและผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานของผู้บริหารระดับสูงผู้กุมชะตาและกำหนดทิศทางการตลาดของค่ายรถยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ในเมืองไทย “โตโยต้า” และแนวทางของคุณ....เป็นอย่างไร?
“มันเริ่มต้นมาจากสมัยเรียนมหาวิทยาลัย อายุประมาณ 20 ปี กำลังวัยรุ่น คือผมเรียนวิศวะเลยทำให้ชอบทำอะไรเอง ตอนนั้นนึกอยากได้เครื่องเสียงสักชุด เลยเดินไปบ้านหม้อ หาซื้อแผงวงจร IC สายไฟ หม้อแปลงแล้วเอามาประกอบ บัดกรีเอง ส่วนลำโพงก็ซื้อกรวย ต่อตู้ ทุกอย่างทำเองหมดจนครบชุดทั้ง แอมป์ จูนเนอร์ (วิทยุ) อยากให้ดังมากน้อยแค่ไหน เสียงเป็นอย่างไร ผมเลือกตั้งแต่ตอนซื้อแผงวงจรแล้ว ” คุณวุฒิกร เอ่ยถึงที่มาของความชอบฟังเพลงและเครื่องเสียง
ถามว่าทำไมถึงทำเอง วุฒิกร กล่าวสั้นๆ ง่ายๆ ว่า “มันเป็นความสนุกในตอนประกอบและมีความสุขที่ทำ” หลังจากเริ่มเล่นสักพักความอยากเพิ่มขึ้น รวมถึงความอยากลองของใหม่ เขาจึงเริ่มหาแนวทางเครื่องเสียงที่ตนเองชอบ ซึ่งภาษาคนในวงการหูทองเขาเรียกว่าพฤติกรรมนี้ว่าเป็นอาการเริ่มแรกของ “คนบ้าเครื่องเสียง”
ช่วงแรกการเล่นจะเป็นพวกแผ่นเสียง และคลาสเซ็ทเทป เนื่องจากยุคนั้นเป็นรอยต่อระหว่างการเข้ามาของเทปและการจากไปของแผ่นเสียง แต่เขายังมีแผ่นเสียงหลายแผ่นที่ชอบเก็บสะสมอยู่จนถึงปัจจุบัน เช่น แผ่นของคาราบาว ชุดเมดอินไทยแลนด์ และอเมริโกย ยุคนั้นราคาประมาณแผ่นละ 400 บาท แต่ตอนนี้ในตลาดแว่วว่าหากันในราคาเป็นหมื่นบาท
ที่สำคัญช่วงเวลาดังกล่าวเขายังโสด จึงสนุก-เล่นเต็มที่ มีการเปลี่ยนเครื่องเสียงหลายชุดทั้งทำเอง และซื้อหา อาทิยี่ห้อ NAD คือเมื่อฟังจนเบื่อ หรือไม่ชอบ ก็จะขาย นับเป็นการเล่นเครื่องเสียงในแบบพอเพียง มิใช่ซื้อสะสมหรือเล่นของราคาเกินตัว ส่วนแนวการเล่นจะเน้นเชิงเทคนิคและวิธีการฟัง อย่างไรก็ตามวุฒิกร สนุกกับเล่นเครื่องเสียงได้ประมาณ 5-6 ปี ก็ต้องหยุด ไม่ใช่เพราะเบื่อแต่เป็นเพราะ ครอบครัวต้องมาก่อน ทำให้กิจกรรมนี้ห่างหายนานนับ 10 ปี
จนเมื่อปี 2540 ลูกเริ่มโตเข้าโรงเรียนกันแล้ว วุฒิกรจึงกลับมาเล่นอีกครั้ง เพียงแต่หนนี้หมดยุคของการประกอบเองหันมาซื้อหาแทน และเล่นอยู่ในระดับที่เรียกว่า มิด-เอนด์ (Mid-End) คือขยับขึ้นมาจากช่วงแรก ชุดเครื่องเสียงที่เล่นจะเป็นยี่ห้อ ประมาณ แม็ค คอร์แมค (Mc Cormack) ลำโพง โปรแอค (Proac) และเครื่องเสียงชุดนี้กลายเป็นเรื่องที่น่าจดจำสำหรับเขา โดยเฉพาะตัวลำโพงเพราะสามารถขายขาดทุนประมาณ 5 พันบาท ทั้งที่เขาใช้งานมามากกว่า 5 ปี
ขณะเดียวกันเป็นจังหวะการเริ่มบูมของยุคซีดีหลังพ้นยุคของแผ่นเสียงและเทป เขาจึงเริ่มเก็บสะสมซีดีตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนปัจจุบันมีมากกว่า 300 แผ่น และช่วงนี้เขาสนุกกับการเล่นเครื่องเสียงได้แค่ 5-6 ปี ก็ต้องหยุดอีก เพิ่งกลับมาเล่นใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา เหนืออื่นใดการกลับมาครั้งล่าสุดถือว่าไม่ธรรมดาเพราะมันเป็น “จุดสุดยอดของคนบ้าเครื่องเสียงหรือ Hi-End” ก็ว่าได้
อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ว่าเขากลับไปประกอบเครื่องเสียงเล่นเองอีก...มิใช่ครับ เพียงแต่ว่า วุฒิกร ค้นพบแนวทางที่ชัดเจนของตนเอง และเจอกับเครื่องเสียงที่ตอบสนองตรงความต้องการของเขา คือ แอคคิวเฟส(Accuphase) หนึ่งชุด กับลำโพงดีๆ สักคู่ อย่าง โซนัส ฟาเบอร์ (Sonus Faber) พร้อมสายสัญญาณ คาร์ดัส (Cardas) จิ๊กซอร์ตัวสุดท้ายที่เติมเต็มความรู้สึก พ่วงด้วยการสร้างห้องสุดพิเศษสำหรับการฟังเพลงโดยเฉพาะ
สำหรับเครื่องเสียงชุดนี้ เขาใช้เวลาในการเสาะหาไม่น้อย หลังตระเวนไปลองตามร้านเครื่องเสียงต่างๆ อยู่หลายแห่งแต่ไม่ถูกใจ เนื่องจากเดิมทีความฝันและความตั้งใจปลายทางตามสไตล์ของนักเล่นเครื่องเสียงแทบทุกคน แน่นอนว่า จะไปอยู่ที่ “มาร์ค เลวินสัน (Mark Levinson)” แต่เมื่อเขาลองฟังในวันที่พร้อมจะเป็นเจ้าของ พบว่า ความรู้สึกหลังได้ฟังมาร์ค เลวินสัน ไม่ใช่แนวของตัวเองเสียแล้ว
เมื่อไม่ใช่ดังใจคิด ก็ต้องมาเริ่มต้นนับหนึ่งกันใหม่ จนมาเจอกับ แอคคิวเฟส และ โซนัส ฟาร์เบอร์ ที่ วุฒิกร บอกว่าสามารถสร้างความผ่อนคลายและจินตนาการบรรเจิดเพื่อฟื้นความสดใสหลังจากคร่ำเครียดในการทำงานมาทั้งวันและแน่นอนความสุขในการฟังเพลงจากเครื่องเสียงที่ชอบสักชุด ...มันสุดลึกล้ำเหนือจะบรรยายเลยทีเดียว
"แอคคิวเฟส ก็เหมือนกับ เล็กซัส ของวงการยานยนต์ ที่ชื่อเสียงอาจจะไม่เทียบเท่ากับเมอร์เซเดส- เบนซ์ เพราะความเป็นสินค้าญี่ปุ่น แต่ถ้าวัดกันที่คุณภาพแล้วสู้กันได้สบาย" ส่วนอนาคตถามว่าอยากได้อะไรเพิ่มอีกไหม ....เขาตอบทันที คงเป็นแอมป์หลอดดีๆสักชุดหนึ่ง เพราะเมื่อเราเล่นมาถึงจุดหนึ่ง อะไรที่ไม่สลับซับซ้อน เสียงสะอาดหมดจรด บริสุทธิ์ ไร้การปรุงแต่ง เป็นอะไรที่ดีที่สุดแล้ว
สำหรับแนวเพลงที่เขาชื่นชอบ จะเป็นประมาณ แจ๊สหรือบลู ทั้งเพลงไทยและเพลงสากล โดยจะแบ่งเป็นสองส่วนคือ แผ่นเพลงทั่วไป กับแผ่นออดิโอไฟล์ (Audiofile) แผ่นเพลงทั่วไปเช่น ทูล ทองใจ ชุด นิราศเวียงพิงค์ที่ชอบฟังตอนเช้าๆ บางอารมณ์อาจจะฟังครูเอื้อ ลูกทุ่งมี ก็อต จักรพันธ์ เป็นซีรี่ย์ทั้งหมด 9 อัลบั้มเลย ส่วนเพลงวัยรุ่นสมัยใหม่ก็พยายามฟังแต่ทำใจไม่ได้กับคุณภาพของเพลงที่การร้องตัวควบกล้ำ ร ล มั่วไปหมด
ส่วนแผ่นออดิโอไฟล์ จะเป็นแผ่นอ้างอิงสำหรับคนบ้าเครื่องเสียง ที่ต้องมีเอาไว้ในการทดสอบหาคุณภาพของเสียงที่เครื่องเสียงปลดปล่อยออกมา โดยการซื้อแผ่นพวกนี้จะมีคู่มือแนะนำว่า คุณภาพเพลงเป็นอย่างไร บันทึกเสียงดีระดับกี่ดาว
แม้จะมีแผ่นซีดี สะสมถึง 300 กว่าแผ่นแต่ความเป็นจริงที่ฟังบ่อยๆ มีเพียง 20 แผ่นเท่านั้น สำหรับเพลงที่ชอบฟังมากสุดขณะนี้คือ เพลงจีน ด้วยเหตุผลที่ว่า เป็นอัลบั้มเพลงร้องที่มีการบันทึกเสียงดีเยี่ยม ฟังแล้วเพลินใจ ผ่อนคลายอารมณ์และความเครียดได้ แม้จะไม่เข้าใจถึงเนื้อหาเพลงก็ตาม
“เพลง สไตล์ หวานพริ้ว กระชับ และเป็นเสียงร้องของผู้หญิง ผมก็ชอบนะ เพราะมันรู้สึกผ่อนคลาย หลังจากที่เราเครียดจากการทำงานมาทั้งวัน ซึ่งงานของผมต้องประชุม คือ 90% ในวันทำงานอยู่ในห้องประชุมตลอด โต๊ะทำงานของตัวเองไม่มีความหมายเลย ดังนั้นการมีเครื่องเสียงชุดนี้จึงมาช่วยให้สิ่งที่ตันในห้องประชุมสามารถหาทางออกได้”
สุดท้าย สำหรับนักเล่นเครื่องเสียง ไม่ว่าจะมือเก่าหรือมือใหม่ วุฒิกร ฝากบอกว่า ก่อนซื้อต้องอ่านให้มาก ถามให้มาก , เมื่อซื้อแล้วอย่าอ่านอีก และสำคัญที่สุดจงเชื่อหูตัวเองเพราะคนฟังคือตัวเองไม่ใช่ใครอื่นแล้วความสุขจะอยู่กับเรา
นี่คือแนวทางการหาความสุขกับสิ่งรอบตัวเล็กๆ น้อยๆ เพื่อฟื้นคืนพลังและผ่อนคลายความเครียดจากการทำงานของผู้บริหารระดับสูงผู้กุมชะตาและกำหนดทิศทางการตลาดของค่ายรถยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ในเมืองไทย “โตโยต้า” และแนวทางของคุณ....เป็นอย่างไร?