xs
xsm
sm
md
lg

Maybach 62 Landaulet ความหรูเผชิญสายลม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ก่อนหน้านี้มีความลือกันอย่างจริงจังว่าเมอร์เซเดส-เบนซ์จะเอาใจเศรษฐีที่มีเงินถุงเงินถังด้วยเวอร์ชันพิเศษแบบเปิดประทุนสำหรับขายภายใต้แบรนด์มายบัคของตัวเอง แต่ประเด็นอยู่ตรงที่ข่าวนี้ระบุออกมาว่า รถยนต์เปิดประทุนของมายบัคจะมาในลักษณะคล้ายกับที่โรลล์ส-รอยซ์ของบีเอ็มดับเบิลยูทำกับรุ่นแฟนธอม ดรอปเฮด คูเป้ คือ เป็นคันใหม่ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องในเชิงรูปลักษณ์กับตัวถังซีดานแต่อย่างใด

สุดท้ายข่าวลือก็ยังเป็นแค่ข่าวลือ แต่อย่างน้อยข่าวนี้ดีหน่อยตรงที่มีเค้าความจริงส่วนหนึ่ง คือ มายบัคสนใจที่จะผลิตเวอร์ชันเปิดประทุนออกขายในตลาด แต่อีกครึ่งที่ไม่ถูกคือ รถยนต์เปิดประทุนรุ่นนี้ไม่ใช่ของที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ทั้งคัน และหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงเรื่องนี้คือ ต้นแบบที่มีความใกล้เคียงกับรุ่นจำหน่ายจริงอย่างมายบัค 62 แลนดอเล็ต ที่แม้จะยังเป็น Study Car หรือรถยนต์ที่ผลิตขึ้นมาเพื่อหยั่งเชิงกระแสตลาด ก่อนที่จะมีการผลิตออกขายในอนาคต (แต่มีข้อแม้ว่าถ้ากระแสตอบรับดี)

มายบัคไม่สนใจการพัฒนารถยนต์เปิดประทุนขึ้นมาใหม่ทั้งคันเหมือนกับคู่ปรับ แต่เลือกคงแนวคิดเดิมที่เคยได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงที่มายบัคขายในตลาดยุโรปช่วงก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งคำว่า Landaulet คือ รถม้าที่มีหลังคาทางด้านหลังพับได้ และสื่อให้เห็นถึงรูปแบบของตัวรถอย่างชัดเจน เพราะว่ามายบัครุ่นเก่าในอดีต และของใหม่ที่เป็นต้นแบบต่างได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานเดียวกัน คือ เปิดประทุนเฉพาะในส่วนของเบาะนั่งหลัง ซึ่งเป็นที่นั่งประจำของผู้เป็นเจ้าของหรือผู้บริหาร

ตัวรถได้รับการพัฒนาบนพื้นฐานของรุ่น 62S ซึ่งเป็นท็อป ออฟ เดอะ ไลน์ของมายบัค โดยเป็นรุ่นสปอร์ตที่มาพร้อมกับตัวถังซึ่งมีความยาว 6.2 เมตร (อันเป็นที่มาของชื่อรุ่น 62) และบนตัวถังสีขาวล้วนของต้นแบบรุ่นนี้สามารถสังเกตเห็นความแตกต่างจากรุ่นพื้นฐานอย่างชัดเจนตรงที่ด้านท้ายของตัวรถ ซึ่งถูกตัดหลังคาเพื่อเปิดโล่งรับลมเย็นเฉพาะเบาะนั่งด้านหลัง และมากับล้อแม็กขนาดใหญ่สะใจถึง 20 นิ้วที่ผลิตขึ้นมาเพื่อรถยนต์ต้นแบบรุ่นนี้โดยเฉพาะ

ตรงนี้ทีมวิศวกรของเซอร์เซเดส-เบนซ์เปิดเผยว่าต้องใช้ความใส่ใจอย่างมากโดยเฉพาะในเรื่องของโครงสร้างตัวถังที่จะส่งผลต่อความปลอดภัย เพราะว่ามีเฉพาะตัวถังด้านท้ายเท่านั้นที่ถูกหั่นหลังคาออกเพื่อรับลมและติดตั้งหลังคาอ่อนแบบพับเก็บได้ด้วยไฟฟ้ามาให้ ขณะที่ตัวถังช่วงด้านหน้าตรงส่วนของคนขับยังเป็นหลังคาแข็งแบบเดิมอยู่ โดยระบบหลังคาอ่อนสามารถพับเก็บได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลา 16 วินาทีและควบคุมการทำงานผ่านทางปุ่มที่ติดตั้งอยู่ทางแผงคอนโซลกลางของตัวรถตรงฝั่งคนขับ

แน่นอนว่ารายละเอียดของเบาะนั่งทางด้านหลังได้รับการออกแบบและเติมความหรูหราอย่างเต็มรูปแบบ และแตกต่างจากรุ่น 62S ทั่วไป โดยทุกรายละเอียดของชิ้นส่วนภายในตกแต่งในโทนสีขาวสลับกับดำเพื่อเพิ่มความหรูอย่างเต็มพิกัด รวมถึงยังติดตั้งระบบความบันเทิงครบครัน เช่น เครื่องเล่น DVD และ CD Changer แบบ 6 แผ่น รวมถึงตู้แช่แบบแยกส่วน
สมรรถนะในการขับเคลื่อนไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากรุ่น 62S โดยขุมพลังหลักยังเป็นเครื่องยนต์วี12 ที่มีความจุ 6,000 ซีซี แต่เสริมกำลังด้วยเทอร์โบคู่จนรีดตัวเลขของแรงม้าออกมาได้ 612 ตัว ที่ 4,800-5,100 รอบต่อนาที ส่วนแรงบิดมหาศาลถึง 101.9 กก.-ม. ที่ 2,000-4,000 รอบต่อนาที

สำหรับระบบต่างๆ ติดตั้งกันแบบเพียบ เช่น AIRMATIC DC (Dual Control) และ Adaptive Damping System (ADS II) ควบคุมการทำงานของระบบช่วงล่างแบบถุงลมด้วยอิเล็กทรอนิกส์ เน้นความนุ่มนวลควบคู่กับการยึดเกาะถนน โดยสามารถปรับเซ็ตระดับความอ่อนนุ่มได้จากห้องโดยสาร ระบบสั่งงานด้วยเสียง หรือ LINGUATRONIC และหน้าจอควบคุมการทำงานของระบบต่างๆ ในตัวรถ หรือ COMAND APSรวมถึงระบบความปลอดภัยสำหรับช่วยเหลือการขับในรูปแบบต่างๆ เช่น เอบีเอส, ระบบเสริมแรงเบรก หรือระบบควบคุมการทรงตัว ESP ที่ได้รับการปรับปรุงมาเพื่อรองรับกับรถยนต์ขนาดใหญ่โดยเฉพาะ

คงต้องรออีกพักใหญ่ๆ สำหรับคนที่สนใจอยากได้ความหรูแบบไฮเอนด์บนแนวคิดย้อนยุคเหมือนกับสมัยรถม้ายังเฟื่องฟู เพราะถ้าถึงขนาดมีคันต้นแบบตัวเป็นๆ ให้เห็นแล้ว เชื่อว่ายังไงมายบัคก็คงต้องส่งลงมาเสริมตลาดอย่างแน่นอน เพราะถ้าไม่มีอะไรใหม่ๆ ออกมากระตุ้น เห็นทีตลาดสุดยอดความหรูคงจะเสร็จคู่ปรับสำคัญอย่างโรลล์ส-รอยซ์อย่างแน่นอน
กำลังโหลดความคิดเห็น