ข่าวในประเทศ - ยักษ์ใหญ่ “โตโยต้า” เตรียมถอดสองรถในตระกูลเอ็มพีวี “วิช” และ “อินโนวา” ออกจากแผนการทำตลาดในไทย เมื่อยอดขายเฉลี่ยต่อเดือนไม่ถึง 200 คัน ไม่คุ้มต่อการบริหารงาน โดยเฉพาะวิชที่จะต้องผลิตครั้งไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน จึงต้องปิดไลน์ไปแล้วเรียบร้อย เหลือเพียงแค่เคลียร์สต็อกสุดท้ายให้หมด เช่นเดียวกับอินโนวาที่ยุติการนำเข้าแล้ว เผยงานนี้โตโยต้าเตรียมทุ่มสรรพกำลัง และเสบียงกรังทั้งหมด ไปให้กับเก๋งคอมแพ็กต์ “โตโยต้า อัลติส โฉมใหม่” ที่ขณะนี้ขึ้นไลน์ผลิตแล้ว ตามแผนกำหนดจะเปิดตัวกุมภาพันธ์ปีหน้า แต่หากสถานการณ์เข้าทาง อาจมีพลิกแผนเผยโฉมและเคาะราคา ให้ลูกค้าจับจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2007 นี้ ซึ่งมีเครื่องยนต์ให้เลือกทั้งเบนซิน 1600 และ 1800 ซีซี และแบ่งจำนวนรุ่นเป็นเช่นเดิม J, E และ G พร้อมเพิ่มรุ่น S เวอร์ชั่นตกแต่งแบบสปอร์ตเข้ามาให้เลือกอีกรุ่น

ในฐานะเป็นยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่ง โลน์โปรดักซ์ของ “โตโยต้า” ในไทย จึงค่อนข้างจะครอบคลุมทุกเซกเม้นท์ตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเก๋งเล็กกลุ่มซับคอมแพ็กต์ คอมแพ็กต์ซีดาน เก๋งขนาดกลาง ปิกอัพ เอสยูวี และเอ็มพีวี หรือแม้แต่รถยนต์หรูหราก็มี ด้วยการทำตลาดในแบรนด์ “เล็กซัส” แต่จากสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ในอนาคตอีกไม่ไกล ถึงเวลาที่โตโยต้าจำเป็นต้องตัดทิ้งรถยนต์บางรุ่น ออกจากไลน์โปรดักซ์ในไทย เพราะไม่เพียงสามารถทำยอดขายเป็นกอบเป็นกำได้ แต่ยังเป็นภาระในการผลิตอีกด้วย
ซึ่งนั่นก็คือ...... รถยนต์ในกลุ่มเอ็มพีวี (Multi-Purpose Vehicle : MPV ) ที่ปัจจุบันมีทำตลาดในไทยด้วยกัน 2 รุ่น คือ “โตโยต้า วิช” และ “โตโยต้า อินโนวา”
ในจำนวนรถทั้งสองรุ่นต้องยอมรับว่า มินิเอ็มพีวี “โตโยต้า วิช” (Toyota Wish) เป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จสูงมาก นับตั้งแต่เปิดตัวสู่ตลาดไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2546 ซึ่งถือเป็นการตอบโต้คู่แข่งสำคัญอย่างฮอนด้า ที่ได้มีการเปิดตัวรถมินิเอ็มพีวีรุ่น “สตรีม” (Stream) ทำยอดขายไปตั้งแต่ก่อนหน้าเมื่อปลายปี 2545 และโตโยต้า วิช ก็สามารถทำสำเร็จ เพราะภายหลังจากการเปิดตัว ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างดีเยี่ยม จนทำให้ฮอนด้า สตรีม ยอดขายหล่นวูบ และที่สุดก็ยุติการทำตลาดในไทยไป หลังจากมีการเปลี่ยนโฉมใหม่
ตลอดช่วงการทำตลาดมา 4 ปี โตโยต้า วิช มีการปรับเปลี่ยนโฉมหลักๆ ไปแล้ว 1 ครั้งเท่านั้น และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่า จะมีเจนเนอเรชั่น หรือโมเดลใหม่ ที่จะมาทำตลาดแทนเลย แต่ในส่วนของการทำตลาดในไทย มีรายงานค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า โตโยต้าจะยุติการผลิตและทำตลาดรถรุ่นนี้ในไทยแน่นอนแล้ว

โดยเหตุผลสำคัญมาจากปัจจุบัน โตโยต้า วิช มียอดขายเฉลี่ยเดือนละไม่ถึง 200 คัน ขณะที่ต้องผลิตครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน ซึ่งนั่นต้องหมายความว่า กว่าจะผลิตแต่ละล็อตต้องรอถึง 5 เดือน ซึ่งถือเป็นไลน์ผลิตที่ไม่ค่อยคุ้มที่จะดำเนินงานอีกต่อไป เพราะวิชเป็นรถโมเดลเดียวในไลน์ประกอบไทย ที่ต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นมาผลิตเกือบทั้งหมด
เหตุนี้ตามรายงานข่าว โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จึงได้ตัดสินใจปิดไลน์ผลิต โตโยต้า วิช ไปในที่สุด และทันทีที่ล็อตสุดท้ายจำหน่ายหมดเมื่อไหร่ จะยุติการทำตลาดในไทยไปโดยปริยาย ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะเคลียร์สต็อกหมด หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปีหน้า
ขณะที่เอ็มพีวีอีกรุ่น “โตโยต้า อินโนวา” (Toyota Innova ) เป็น 1 ใน 3 รถยนต์ที่เกิดจากโครงการไอเอ็มวี (Innovative International Multi-Purpose Vehicle : IMV) โดยมีปิกอัพโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ และเอสยูวี โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เป็นโมเดลร่วมในโครงการไอเอ็มวี ซึ่งทั้งหมดใช้ปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ เป็นโครงสร้างพื้นฐานตัวถังร่วมกัน แต่ได้มีการออกแบบรูปลักษณ์แยกเฉพาะไปเป็นแต่ละประเภทรถ
ทั้งนี้ สองรุ่นหลังได้ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลัก เพื่อทำตลาดในไทยและส่งออกทั่วโลก ขณะที่โตโยต้า อินโนวา ได้ใช้โครงสร้างพื้นฐานตัวถังของปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ และชิ้นส่วนบางอย่างจากไทย เพื่อนำไปผลิตที่ประเทศอินโดนีเซีย และส่งกลับมาทำตลาดในไทย รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม โตโยต้า อินโนวา เป็นรถเอ็มพีวีที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมในไทยอยู่แล้ว ซึ่งโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็รู้ดีถึงเรื่องนี้ แต่ต้องนำเข้ามาทำตลาด เพราะเสมือนเป็นการต่างตอบแทน ที่โตโยต้าอินโดนีเซียได้นำเข้าปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ และฟอร์จูนเนอร์ จากไทยเข้าไปขายในอินโดนีเซีย

จึงไม่แปลกที่การทำตลาด โตโยต้า อินโนวา จะไม่ร้อนแรงเท่าอีกสองรุ่นร่วมโครงการ เมื่อบวกกับความนิยมของผู้บริโภคชาวไทยต่อรถประเภทนี้ที่มีไม่มากนัก ยอดขายของอินโนวาจึงไม่หวือหวา หรือร้อนแรงนัก หากเทียบกับช่วงเปิดตัว โตโยต้า วิช ใหม่ๆ
จากการทำตลาดต่างตอบแทน และการไม่ผลักดันอย่างจริงจังมากนัก ทำให้สภาพของ โตโยต้า อินโนวา ในช่วงที่ผ่านมา จึงรอเพียงเวลาที่จะยุติบทบาทไปเท่านั้น และเวลานั้นก็มาถึงพร้อมๆ กับรถในตระกูลเอ็มพีวีอย่าง โตโยต้า วิช ที่จะเลิกการทำตลาดไปภายในสิ้นปีนี้ หรือเมื่อเคลียร์สต็อกหมด
โดยโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จะทุ่มเทแนวรบทั้งหมดไปที่รถยนต์นั่งรุ่นอื่นแทน นั่นก็คือ… โตโยต้า อัลติส โฉมใหม่ ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้มีรายงานระบุว่า โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส โฉมใหม่ ได้ขึ้นไลน์ประกอบเรียบร้อยแล้ว และพร้อมส่งทำตลาดเขย่าคู่แข่งได้ ภายในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีนี้ ซึ่งตามแผนงานจะเปิดตัวประมาณเดือนกุมพันธ์ปีหน้า แต่เมื่อทุกอย่างพร้อมแว่วว่าอาจจะมีเซอร์ไพรส์เปิดตัวและเคาะราคาให้ลูกค้าได้จับจองภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2007 ปลายเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ แต่กำหนดส่งมอบรถให้กับลูกค้าเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นไป
อัลติสโฉมใหม่ที่จะทำตลาดในไทย ยังคงจะยืนพื้นจำนวนรุ่น เช่นเดียวกับโฉมปัจจุบัน คือ มีรุ่น J, E และ G แต่ในโฉมใหม่จะเพิ่มรุ่น S เข้ามา ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นตกแต่งแบบสปอร์ต เช่นเดียวกับ โตโยต้า วีออส โฉมใหม่ ในส่วนของรูปลักษณ์จะอิงหลักๆ กับ โตโยต้า โคโรลล่า รุ่นที่ทำตลาดนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตัวถัง Wide Body เพียงแต่ในเมืองไทย อาจจะมีการตกแต่งหรือใส่ละเอียดให้แตกต่างบ้างเล็กน้อย

สำหรับโตโยต้า โคโรลล่า โฉมใหม่ ได้เปิดตัวและขายในญี่ปุ่นตั้งแต่ปลายปี 2549 มีทั้งตัวถังซีดานที่มีคำว่าแอกซิโอ (Axio) ต่อท้าย และแวกอน ฟิลเดอร์ (Fielder) ส่วนตลาดโลกมีการเผยโฉมครั้งแรก ในงานปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ หรือออโต้ ไชน่า เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2549 ก่อนที่จะเปิดตัวอีกครั้งในยุโรป ที่งานเฮลซิงกิ มอเตอร์โชว์ ประเทศฟินแลนด์ปีเดียวกัน และเปิดตัวขายในเดือนมีนาคม 2550 ที่ผ่านมา
เวอร์ชัน Wide Body สำหรับตลาดโลกของโคโรลล่าใหม่ อิงพื้นฐานเดียวกับเวอร์ชันญี่ปุ่น เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดด้านหน้าและหลังใหม่ เพื่อเอาใจรสนิยมของลูกค้าต่างแดน ที่แตกต่างจากคนญี่ปุ่น ขณะที่รูปลักษณ์ด้านหน้าและหลัง มีส่วนคล้ายกับคัมรี่รุ่นปัจจุบัน จนหลายคนถึงกับออกปากว่าเป็น ‘มินิ คัมรี่’
ขนาดตัวถังมีความยาว 4,540 มิลลิเมตร กว้าง 1,760 มิลลิเมตร สูง 1,470 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร โดยจุดเด่นของตัวรถนอกจากรูปลักษณ์รอบคัน ที่ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อเน้นความโฉบเฉี่ยว และสร้างความโดดเด่นขณะแล่นบนถนนแล้ว ยังอยู่ที่การติดตั้งระบบความปลอดภัยครบครัน โดยเฉพาะถุงลมนิรภัยที่มีทั้งคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยที่หัวเข่าสำหรับคนขับ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานในทุกรุ่นตกแต่ง

สำหรับเครื่องยนต์ในต่างประเทศ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล แต่เมืองไทยน่าจะเป็น 2 เครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่ แบบ Dual VVT-I ใช้ระบบวาล์วแปรผันควบคุมการทำงานของวาล์วทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย ตัวแรกมากับรหัส 1ZR-FE 1600 ซีซี 124 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.0 กก.-ม.ที่ 5,200 รอบ/นาที ส่วนอีกรุ่นรหัส 2ZR-FE 1800 ซีซี 136 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.9 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที
เรียกว่า... โตโยต้าพร้อมเปิดศึกตลาดเก๋งคอมแพ็กต์แล้ว และการปิดฉากสองเอ็มพีวีในไทย ยิ่งตอกย้ำให้เห็นความมุ่งมั่นของโตโยต้า ที่จะนำสรรพกำลัง ความคิด และเสบียงกรังทั้งหมด ส่ง “โตโยต้า อัลติส” โฉมใหม่ ท้าชิงยอดขายจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าไหนก็ตาม ทั้ง “ฮอนด้า ซีวิค” และที่จะเปิดตัวสู่ตลาดไทยในอนาคต “มิตซูบิชิ แลนเซอร์” โฉมใหม่ด้วย
ในฐานะเป็นยักษ์ใหญ่เบอร์หนึ่ง โลน์โปรดักซ์ของ “โตโยต้า” ในไทย จึงค่อนข้างจะครอบคลุมทุกเซกเม้นท์ตลาดที่มีอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเก๋งเล็กกลุ่มซับคอมแพ็กต์ คอมแพ็กต์ซีดาน เก๋งขนาดกลาง ปิกอัพ เอสยูวี และเอ็มพีวี หรือแม้แต่รถยนต์หรูหราก็มี ด้วยการทำตลาดในแบรนด์ “เล็กซัส” แต่จากสภาพตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ในอนาคตอีกไม่ไกล ถึงเวลาที่โตโยต้าจำเป็นต้องตัดทิ้งรถยนต์บางรุ่น ออกจากไลน์โปรดักซ์ในไทย เพราะไม่เพียงสามารถทำยอดขายเป็นกอบเป็นกำได้ แต่ยังเป็นภาระในการผลิตอีกด้วย
ซึ่งนั่นก็คือ...... รถยนต์ในกลุ่มเอ็มพีวี (Multi-Purpose Vehicle : MPV ) ที่ปัจจุบันมีทำตลาดในไทยด้วยกัน 2 รุ่น คือ “โตโยต้า วิช” และ “โตโยต้า อินโนวา”
ในจำนวนรถทั้งสองรุ่นต้องยอมรับว่า มินิเอ็มพีวี “โตโยต้า วิช” (Toyota Wish) เป็นโมเดลที่ประสบความสำเร็จสูงมาก นับตั้งแต่เปิดตัวสู่ตลาดไทยเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2546 ซึ่งถือเป็นการตอบโต้คู่แข่งสำคัญอย่างฮอนด้า ที่ได้มีการเปิดตัวรถมินิเอ็มพีวีรุ่น “สตรีม” (Stream) ทำยอดขายไปตั้งแต่ก่อนหน้าเมื่อปลายปี 2545 และโตโยต้า วิช ก็สามารถทำสำเร็จ เพราะภายหลังจากการเปิดตัว ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคชาวไทยอย่างดีเยี่ยม จนทำให้ฮอนด้า สตรีม ยอดขายหล่นวูบ และที่สุดก็ยุติการทำตลาดในไทยไป หลังจากมีการเปลี่ยนโฉมใหม่
ตลอดช่วงการทำตลาดมา 4 ปี โตโยต้า วิช มีการปรับเปลี่ยนโฉมหลักๆ ไปแล้ว 1 ครั้งเท่านั้น และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีวี่แววว่า จะมีเจนเนอเรชั่น หรือโมเดลใหม่ ที่จะมาทำตลาดแทนเลย แต่ในส่วนของการทำตลาดในไทย มีรายงานค่อนข้างชัดเจนแล้วว่า โตโยต้าจะยุติการผลิตและทำตลาดรถรุ่นนี้ในไทยแน่นอนแล้ว
โดยเหตุผลสำคัญมาจากปัจจุบัน โตโยต้า วิช มียอดขายเฉลี่ยเดือนละไม่ถึง 200 คัน ขณะที่ต้องผลิตครั้งละไม่ต่ำกว่า 1,000 คัน ซึ่งนั่นต้องหมายความว่า กว่าจะผลิตแต่ละล็อตต้องรอถึง 5 เดือน ซึ่งถือเป็นไลน์ผลิตที่ไม่ค่อยคุ้มที่จะดำเนินงานอีกต่อไป เพราะวิชเป็นรถโมเดลเดียวในไลน์ประกอบไทย ที่ต้องนำเข้าชิ้นส่วนจากญี่ปุ่นมาผลิตเกือบทั้งหมด
เหตุนี้ตามรายงานข่าว โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จึงได้ตัดสินใจปิดไลน์ผลิต โตโยต้า วิช ไปในที่สุด และทันทีที่ล็อตสุดท้ายจำหน่ายหมดเมื่อไหร่ จะยุติการทำตลาดในไทยไปโดยปริยาย ซึ่งคาดว่าภายในสิ้นปีนี้น่าจะเคลียร์สต็อกหมด หรืออย่างช้าไม่เกินต้นปีหน้า
ขณะที่เอ็มพีวีอีกรุ่น “โตโยต้า อินโนวา” (Toyota Innova ) เป็น 1 ใน 3 รถยนต์ที่เกิดจากโครงการไอเอ็มวี (Innovative International Multi-Purpose Vehicle : IMV) โดยมีปิกอัพโตโยต้า ไฮลักซ์ วีโก้ และเอสยูวี โตโยต้า ฟอร์จูนเนอร์ เป็นโมเดลร่วมในโครงการไอเอ็มวี ซึ่งทั้งหมดใช้ปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ เป็นโครงสร้างพื้นฐานตัวถังร่วมกัน แต่ได้มีการออกแบบรูปลักษณ์แยกเฉพาะไปเป็นแต่ละประเภทรถ
ทั้งนี้ สองรุ่นหลังได้ใช้ไทยเป็นฐานการผลิตหลัก เพื่อทำตลาดในไทยและส่งออกทั่วโลก ขณะที่โตโยต้า อินโนวา ได้ใช้โครงสร้างพื้นฐานตัวถังของปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ และชิ้นส่วนบางอย่างจากไทย เพื่อนำไปผลิตที่ประเทศอินโดนีเซีย และส่งกลับมาทำตลาดในไทย รวมถึงประเทศต่างๆ ทั่วโลก
อย่างไรก็ตาม โตโยต้า อินโนวา เป็นรถเอ็มพีวีที่ไม่ค่อยได้รับความนิยมในไทยอยู่แล้ว ซึ่งโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย ก็รู้ดีถึงเรื่องนี้ แต่ต้องนำเข้ามาทำตลาด เพราะเสมือนเป็นการต่างตอบแทน ที่โตโยต้าอินโดนีเซียได้นำเข้าปิกอัพไฮลักซ์ วีโก้ และฟอร์จูนเนอร์ จากไทยเข้าไปขายในอินโดนีเซีย
จึงไม่แปลกที่การทำตลาด โตโยต้า อินโนวา จะไม่ร้อนแรงเท่าอีกสองรุ่นร่วมโครงการ เมื่อบวกกับความนิยมของผู้บริโภคชาวไทยต่อรถประเภทนี้ที่มีไม่มากนัก ยอดขายของอินโนวาจึงไม่หวือหวา หรือร้อนแรงนัก หากเทียบกับช่วงเปิดตัว โตโยต้า วิช ใหม่ๆ
จากการทำตลาดต่างตอบแทน และการไม่ผลักดันอย่างจริงจังมากนัก ทำให้สภาพของ โตโยต้า อินโนวา ในช่วงที่ผ่านมา จึงรอเพียงเวลาที่จะยุติบทบาทไปเท่านั้น และเวลานั้นก็มาถึงพร้อมๆ กับรถในตระกูลเอ็มพีวีอย่าง โตโยต้า วิช ที่จะเลิกการทำตลาดไปภายในสิ้นปีนี้ หรือเมื่อเคลียร์สต็อกหมด
โดยโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จะทุ่มเทแนวรบทั้งหมดไปที่รถยนต์นั่งรุ่นอื่นแทน นั่นก็คือ… โตโยต้า อัลติส โฉมใหม่ ที่จะเปิดตัวในเร็วๆ นี้ ทั้งนี้มีรายงานระบุว่า โตโยต้า โคโรลล่า อัลติส โฉมใหม่ ได้ขึ้นไลน์ประกอบเรียบร้อยแล้ว และพร้อมส่งทำตลาดเขย่าคู่แข่งได้ ภายในช่วงโค้งสุดท้ายปลายปีนี้ ซึ่งตามแผนงานจะเปิดตัวประมาณเดือนกุมพันธ์ปีหน้า แต่เมื่อทุกอย่างพร้อมแว่วว่าอาจจะมีเซอร์ไพรส์เปิดตัวและเคาะราคาให้ลูกค้าได้จับจองภายในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2007 ปลายเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้ แต่กำหนดส่งมอบรถให้กับลูกค้าเดือนกุมภาพันธ์ 2551 เป็นต้นไป
อัลติสโฉมใหม่ที่จะทำตลาดในไทย ยังคงจะยืนพื้นจำนวนรุ่น เช่นเดียวกับโฉมปัจจุบัน คือ มีรุ่น J, E และ G แต่ในโฉมใหม่จะเพิ่มรุ่น S เข้ามา ซึ่งเป็นเวอร์ชั่นตกแต่งแบบสปอร์ต เช่นเดียวกับ โตโยต้า วีออส โฉมใหม่ ในส่วนของรูปลักษณ์จะอิงหลักๆ กับ โตโยต้า โคโรลล่า รุ่นที่ทำตลาดนอกประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นตัวถัง Wide Body เพียงแต่ในเมืองไทย อาจจะมีการตกแต่งหรือใส่ละเอียดให้แตกต่างบ้างเล็กน้อย
สำหรับโตโยต้า โคโรลล่า โฉมใหม่ ได้เปิดตัวและขายในญี่ปุ่นตั้งแต่ปลายปี 2549 มีทั้งตัวถังซีดานที่มีคำว่าแอกซิโอ (Axio) ต่อท้าย และแวกอน ฟิลเดอร์ (Fielder) ส่วนตลาดโลกมีการเผยโฉมครั้งแรก ในงานปักกิ่ง มอเตอร์โชว์ หรือออโต้ ไชน่า เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2549 ก่อนที่จะเปิดตัวอีกครั้งในยุโรป ที่งานเฮลซิงกิ มอเตอร์โชว์ ประเทศฟินแลนด์ปีเดียวกัน และเปิดตัวขายในเดือนมีนาคม 2550 ที่ผ่านมา
เวอร์ชัน Wide Body สำหรับตลาดโลกของโคโรลล่าใหม่ อิงพื้นฐานเดียวกับเวอร์ชันญี่ปุ่น เพียงแต่มีการปรับเปลี่ยนรายละเอียดด้านหน้าและหลังใหม่ เพื่อเอาใจรสนิยมของลูกค้าต่างแดน ที่แตกต่างจากคนญี่ปุ่น ขณะที่รูปลักษณ์ด้านหน้าและหลัง มีส่วนคล้ายกับคัมรี่รุ่นปัจจุบัน จนหลายคนถึงกับออกปากว่าเป็น ‘มินิ คัมรี่’
ขนาดตัวถังมีความยาว 4,540 มิลลิเมตร กว้าง 1,760 มิลลิเมตร สูง 1,470 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,600 มิลลิเมตร โดยจุดเด่นของตัวรถนอกจากรูปลักษณ์รอบคัน ที่ถูกปรับปรุงใหม่เพื่อเน้นความโฉบเฉี่ยว และสร้างความโดดเด่นขณะแล่นบนถนนแล้ว ยังอยู่ที่การติดตั้งระบบความปลอดภัยครบครัน โดยเฉพาะถุงลมนิรภัยที่มีทั้งคู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมนิรภัยที่หัวเข่าสำหรับคนขับ ซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานจากโรงงานในทุกรุ่นตกแต่ง
สำหรับเครื่องยนต์ในต่างประเทศ มีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซินและเทอร์โบดีเซลคอมมอนเรล แต่เมืองไทยน่าจะเป็น 2 เครื่องยนต์เบนซินบล็อกใหม่ แบบ Dual VVT-I ใช้ระบบวาล์วแปรผันควบคุมการทำงานของวาล์วทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย ตัวแรกมากับรหัส 1ZR-FE 1600 ซีซี 124 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 16.0 กก.-ม.ที่ 5,200 รอบ/นาที ส่วนอีกรุ่นรหัส 2ZR-FE 1800 ซีซี 136 แรงม้า ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 17.9 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที
เรียกว่า... โตโยต้าพร้อมเปิดศึกตลาดเก๋งคอมแพ็กต์แล้ว และการปิดฉากสองเอ็มพีวีในไทย ยิ่งตอกย้ำให้เห็นความมุ่งมั่นของโตโยต้า ที่จะนำสรรพกำลัง ความคิด และเสบียงกรังทั้งหมด ส่ง “โตโยต้า อัลติส” โฉมใหม่ ท้าชิงยอดขายจากคู่แข่ง ไม่ว่าจะเป็นหน้าไหนก็ตาม ทั้ง “ฮอนด้า ซีวิค” และที่จะเปิดตัวสู่ตลาดไทยในอนาคต “มิตซูบิชิ แลนเซอร์” โฉมใหม่ด้วย