เอ-คลาส W169 เจเนอเรชันที่สอง เริ่มทำความรู้จักกับตลาดไทยเมื่อ 2 ปีที่แล้ว โดยมาในรูปแบบนำเข้าทั้งคัน(CBU) กับรุ่น A170 และ A200 ถัดมาในปี 2549 เดมเลอร์ไครสเลอร์ (ประเทศไทย) ได้ไฟเขียวให้ขึ้นไลน์ผลิตในประเทศ ซึ่งไทยถือเป็นประเทศแรกในโลกที่ได้สิทธิ์ประกอบรถรุ่นนี้นอกถิ่นแดนเยอรมนี
ล่าสุดต้นเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้“ค่ายดาวสามเฉก”จัดการเสริมไลน์ด้วย เอ180 ซีดีไอ (A180 CDI) หัวใจดีเซล และเริ่มส่งมอบให้ลูกค้าได้ในเดือนเมษายนที่ผ่านมา
น้องเล็กในตระกูลเมอร์เซเดส-เบนซ์ มาพร้อมรูปทรงแฮทซ์แบ็กแปลกตา ขนาดกะทัดรัดพร้อมเทคโนโลยีทันสมัยที่อัดมาให้ตามสมควร โดยเฉพาะจุดเด่นของ เอ180 กับเครื่องยนต์ดีเซล คอมมอนเรล ไดเร็กอินเจคชัน (Common-rail Direct Injection - CDI) รหัส OM640 ที่ค่ายรถเมืองเบียร์คุยว่า เดินเรียบและนิ่งเงียบอย่างน่าอัศจรรย์ ทั้งยังให้ค่าไอเสียต่ำ ประหยัดน้ำมันเฉลี่ย(ตามโบรชัวร์) 18.5 กิโลเมตรต่อลิตร
สำหรับขุมพลังดีเซล ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 109 แรงม้า ที่ 4,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 1,600-2,600 รอบต่อนาที
โดยหลังบิดกุญแจสตาร์ท พลันเสียงเครื่องยนต์ก็เล็ดลอดเข้ามาภายในห้องโดยสารพอสมควร หรือเวลาไปยืนนอกรถซุ่มเสียงก็กระแทกหูพอๆกับรถปิกอัพเช่นกัน ดังนั้นคำว่า “นิ่งเงียบอย่างน่าอัศจรรย์” คงตกไป
ด้านระบบส่งกำลังเป็นเกียร์อัตโนมัติ CVT 7 สปีด ที่เมอร์เซเดส-เบนซ์เรียกว่า Autotronic นั้น ดูจะเข้ากันดีกับเครื่องยนต์บล็อกนี้ โดยทุกการเปลี่ยนเกียร์รู้สึกพลิ้วไหว นุ่มนวล อัตราทดแปรผันต่อเนื่อง ดึงกำลังเครื่องยนต์ออกมาใช้ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
ทั้งยังเลือกได้สองโหมดคือ C ที่ระบบส่งกำลังจะพยายามรักษาความเร็วรอบให้สัมพันธ์กับความเร็วบนบรรทัดฐานการสิ้นเปลืองน้ำมันน้อยที่สุด ส่วนโหมดมาตรฐาน S จะเรียนรู้สไตล์การขับ ของผู้ขับแต่ละคนและเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ให้เหมาะสม ซึ่งหากผู้ขับออกแนวดุดันสไตล์สปอร์ต ระบบก็จะสั่งการให้เครื่องยนต์จ่ายกำลังออกมามากขึ้น และแน่นอนว่ารอบเครื่องยนต์ก็จะสูงขึ้นตามความเร้าใจ
หรืออยากให้ระบบ Autotronic รองรับอารมณ์เกียร์ธรรมดาก็ดูจะไม่ขัดเขิน การเปลี่ยนเกียร์เข้าง่ายใช้คล่อง ราบรื่นตามใจผู้ขับปราศจากการกระตุก-กระชาก
รวมๆแล้วทั้งเครื่องยนต์และระบบส่งกำลัง ทำงานสอดคล้องกันเป็นอย่างดี โดยแรงบิดระดับ 250 นิวตันเมตร นั้นหายห่วงเรื่องอัตราเร่ง ที่ปรู้ดปร้าดทันใจ ความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ 11.1 วินาที (เอ170 เบนซิน 1.7 ลิตร ทำได้ 11.5 วินาที และ เอ200 เบนซิน 2.0 ลิตร ทำได้ 9.9 วินาที)
ขณะที่ตำแหน่งผู้ขับให้ทัศนวิสัยชัดเจน ถึงแม้จะดูสูงพิกล แต่ก็มองออกไปได้กว้างรอบทิศ การขับในเมืองคล่องแคล่ว พร้อมรัศมีวงเลี้ยวแคบๆ ส่วนการควบคุมพวงมาลัยสามก้านที่พร้อมด้วยปุ่มมัลติฟังก์ชั่น ออกจะเบามือไปสักนิด ยิ่งความเร็วสูงเกิน 100 กม./ชม มือคงต้องกำพวงมาลัยแน่นหน่อย
อีกจุดที่ เอ180 ซีดีไอ ยังไม่น่าประทับใจคงเป็นช่วงล่าง ที่เซ็ทมานุ่มนิ่มไปสักนิด ซึ่งการเปลี่ยนเลนกะทันหันที่ความเร็วประมาณ 90 กม./ชม. รถออกอาการโยนพอสมควร หรือการเข้าโค้งแรงๆยังไม่หนึบแน่นเหมือนรุ่นพี่ร่วมค่าย
ส่วนการขับความเร็ว 120 กม/ชม.บนเกียร์สูงสุด รอบเครื่องยนต์จะอยู่ประมาณ 1800 รอบต่อนาที ขณะเดียวกันการขับนอกเมืองเฉลี่ย 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง อัตราซดน้ำมันบนหน้าปัดจะสวิงอยู่ประมาณ 6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือตก 16 กม./ลิตร
“ผู้จัดการมอเตอร์ริ่ง” ใช้เวลาอยู่กับ เอ180 ซีดีไอ ตลอด 3 วัน รวมระยะทาง 224 กิโลเมตร โดยลองขับทุกสภาพ ทั้งความเร็วจัดที่ลองทำไปแตะ 170 กม./ชม. หรือสถานการณ์รถติดในเมือง ซึ่งผลปรากฏว่าตอนนำรถไปคืน น้ำมันยังหมดไปไม่ถึง 1ใน 4 ส่วนของถัง(เต็มถัง 54 ลิตร)...ดังนั้นอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเฉลี่ยตามโบรชัวร์คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงนัก
อย่างไรก็ตามถ้าเป็นรถที่แปะตราดาวสามเฉกคงรับประกันเรื่องระบบความปลอดภัย ที่ระดมมาให้ไม่น้อยหน้า ทั้งดิสก์เบรก 4 ล้อ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า-ด้านข้าง รวมแล้ว 4 ใบ โปรแกรมควบคุมการทรงตัว ESP ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR เบรก ABS และระบบช่วยเบรก BAS
เอ180 ซีดีไอ มาพร้อมราคา 2.19 ล้านบาท ที่ เดมเลอร์ไครสเลอร์ หวังเป็นอาวุธเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะวัยรุ่น หรือคนเริ่มทำงาน ที่เมินความเดิมๆของเบนซ์ ขณะเดียวกันการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ และบุคลิกให้เป็นรถเพื่อคนเมือง คล่องตัว ควบคุมง่าย แฝงความนุ่มนวลไว้ทุกอิริยาบถจึงไม่แปลกใจที่บนท้องถนนจะเห็นสาวๆขับเสียเป็นส่วนมาก
รวบรัดตัดความ...การขับอนุกรมอื่นๆของ เมอเซเดส-เบนซ์ จะแฝงความรู้สึก-อารมณ์เดียวกัน หรืออาจต่างตรงขนาดตัวถังและเทคโนโลยีบ้าง แต่สำหรับเอ-คลาสนั้น ค่อนข้างแปลกออกไป เพราะนอกจากเทคโนโลยีเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และอัตราการจิบน้ำมันที่เป็นจุดเด่นแล้ว ความรู้สึกการขับรวมๆก็ไม่ค่อยสุนทรีนัก โดยเฉพาะแฮนด์ลิ่ง กับช่วงล่างที่ยังไม่เนียน และดูจะห่างชั้นกับรุ่นพี่ๆพอสมควร