"Jaguar E type Series I คันนี้ถือว่าเป็นรถที่มีดีไซน์ยอดเยี่ยมของยุคปี 60 เลยก็ว่าได้ ขนาดที่พิพิธภัณฑ์ดีไซน์ที่ยุโรปมีรถที่แสดงอยู่ทั้งหมด 3 คันและ 1 ในนั้นก็คือจาร์กัวร์คันนี้ครับ"
นี่คือจุดเด่นของรถคันที่สามที่ผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 1956 - ปัจจุบัน หรือเรียกรถที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปอย่างง่ายๆก็คือ "รถคลาสสิก" เรียกได้ว่าคันนี้เราจะเห็นคุณเอ๋ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย พูดถึงบ่อยที่สุด อีกทั้งยังเป็นรถที่เพิ่งกวาดรางวัลคะแนนรวมยอดเยี่ยมและรถคลาสสิคยอดเยี่ยมประเภท 2 ประตู จากงานประกวดรถโบราณครั้งที่ 29 ในปีที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะมาทำความรู้จักกันอีกสักที
"รถคันนี้ผมจะมีชื่อเล่นให้เขาด้วยครับ ชื่อว่าพี่เสือเพราะด้วยสัญลักษณ์ที่โดดเด่นรวมถึงการดีไซน์ที่เขาเรียกกันว่าหัวจรวด แถมยังเป็น หนึ่งในรถคันโปรดของผมที่กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน แต่กว่าจะได้มาเป็นคู่ใจกันขนาดนี้ก็ยากไม่ใช่น้อย เพราะพี่เสือนี่จอดเฉยๆอยู่กับที่มา 25 ปีเต็มคนผ่านไปมาก็มาติดต่อขอซื้อกับเจ้าของเดิมที่เป็นทหารผมเองก็พยายามแวะเวียนไปท่านอยู่บ่อยๆนานเข้าจนกระทั่งคุยถูกคอจนยอมปล่อยพี่เสือมาให้เราดูแล”
คุณเอ๋เล่าว่ารถคันนี้ถือว่านอกจากจะสวยแล้วยังเน้นที่ความปลอดภัยด้วยเพราะเป็นรถ E type ตัวแรกที่มีเข็มขัดนิรภัย เพราะในปี 1964 เป็นปีแรกที่มีกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่รถยนต์ออกมาและจาร์กัวร์ก็ตื่นตัวที่จะทำรถให้สมบูรณ์แบบถูกใจลูกค้าที่สุด ซึ่งตัวเข็มขัดทำด้วยหนังแท้ออกแบบมาให้เพื่อลดแสงที่จะสะท้อนเข้าตาขณะขับขี่
การตกแต่งภายในที่โดยเฉพาะเบาะชนิดเดียวกับรถแข่งนั้น ยังคงเป็นโครงเบาะเดิม หากแต่เปลี่ยนวัสดุซึ่งของเดิมชำรุดไปตามกาลเวลา แต่ยังคงใช้วัสดุนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งหมด ส่วนระบบไฟนั้นถือว่าอยู่ในสภาพที่ดีมากทั้งๆที่ไม่ได้ใช้งานเพราะก่อนหน้าที่คุณเอ๋ได้มานั้นรถคันนี้เป็นที่อยู่ของแมวนั่นเอง
"มันก็ดูตลกดีที่มีแมวอยู่กับเสือ อาจจะเป็นเพราะมันรู้ว่าเป็นพวกเดียวมั้งครับ พอมีแมวอยู่ทีนี้เลยไม่มีหนูมากัดสายไฟรถ ส่วนล้อเป็นล้อซี่ลวดเหมือนเดิมครับ เอาไปชุบโครเมี่ยมใหม่ ทำในเมืองไทยซึ่งจุดนี้ผมคิดว่าช่างบ้านเราเก่งกว่าช่างฝรั่งอีกเพราะมีความเนี้ยบมากกว่าในหลายๆด้านแถวค่าแรงยังถูกกว่าด้วย”
ถามถึงความประทับใจที่มีต่อพี่เสือนั้น คุณเอ๋บอกว่าเหมือนกับเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่ค่อยๆบรรจงวาดขึ้นมา แถมยังชวนให้นึกถึงเพลงๆหนึ่งคือ Only You ที่คุณเอ๋บอกว่าทำให้นึกถึงวันวารที่น่าจดจำเสมอไป.......
นี่คือจุดเด่นของรถคันที่สามที่ผลิตขึ้นตั้งแต่ปี 1956 - ปัจจุบัน หรือเรียกรถที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไปอย่างง่ายๆก็คือ "รถคลาสสิก" เรียกได้ว่าคันนี้เราจะเห็นคุณเอ๋ อรรถวิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย พูดถึงบ่อยที่สุด อีกทั้งยังเป็นรถที่เพิ่งกวาดรางวัลคะแนนรวมยอดเยี่ยมและรถคลาสสิคยอดเยี่ยมประเภท 2 ประตู จากงานประกวดรถโบราณครั้งที่ 29 ในปีที่ผ่านมา จึงเป็นโอกาสดีที่เราจะมาทำความรู้จักกันอีกสักที
"รถคันนี้ผมจะมีชื่อเล่นให้เขาด้วยครับ ชื่อว่าพี่เสือเพราะด้วยสัญลักษณ์ที่โดดเด่นรวมถึงการดีไซน์ที่เขาเรียกกันว่าหัวจรวด แถมยังเป็น หนึ่งในรถคันโปรดของผมที่กวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน แต่กว่าจะได้มาเป็นคู่ใจกันขนาดนี้ก็ยากไม่ใช่น้อย เพราะพี่เสือนี่จอดเฉยๆอยู่กับที่มา 25 ปีเต็มคนผ่านไปมาก็มาติดต่อขอซื้อกับเจ้าของเดิมที่เป็นทหารผมเองก็พยายามแวะเวียนไปท่านอยู่บ่อยๆนานเข้าจนกระทั่งคุยถูกคอจนยอมปล่อยพี่เสือมาให้เราดูแล”
คุณเอ๋เล่าว่ารถคันนี้ถือว่านอกจากจะสวยแล้วยังเน้นที่ความปลอดภัยด้วยเพราะเป็นรถ E type ตัวแรกที่มีเข็มขัดนิรภัย เพราะในปี 1964 เป็นปีแรกที่มีกฎหมายเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้ขับขี่รถยนต์ออกมาและจาร์กัวร์ก็ตื่นตัวที่จะทำรถให้สมบูรณ์แบบถูกใจลูกค้าที่สุด ซึ่งตัวเข็มขัดทำด้วยหนังแท้ออกแบบมาให้เพื่อลดแสงที่จะสะท้อนเข้าตาขณะขับขี่
การตกแต่งภายในที่โดยเฉพาะเบาะชนิดเดียวกับรถแข่งนั้น ยังคงเป็นโครงเบาะเดิม หากแต่เปลี่ยนวัสดุซึ่งของเดิมชำรุดไปตามกาลเวลา แต่ยังคงใช้วัสดุนำเข้ามาจากต่างประเทศทั้งหมด ส่วนระบบไฟนั้นถือว่าอยู่ในสภาพที่ดีมากทั้งๆที่ไม่ได้ใช้งานเพราะก่อนหน้าที่คุณเอ๋ได้มานั้นรถคันนี้เป็นที่อยู่ของแมวนั่นเอง
"มันก็ดูตลกดีที่มีแมวอยู่กับเสือ อาจจะเป็นเพราะมันรู้ว่าเป็นพวกเดียวมั้งครับ พอมีแมวอยู่ทีนี้เลยไม่มีหนูมากัดสายไฟรถ ส่วนล้อเป็นล้อซี่ลวดเหมือนเดิมครับ เอาไปชุบโครเมี่ยมใหม่ ทำในเมืองไทยซึ่งจุดนี้ผมคิดว่าช่างบ้านเราเก่งกว่าช่างฝรั่งอีกเพราะมีความเนี้ยบมากกว่าในหลายๆด้านแถวค่าแรงยังถูกกว่าด้วย”
ถามถึงความประทับใจที่มีต่อพี่เสือนั้น คุณเอ๋บอกว่าเหมือนกับเป็นงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่ค่อยๆบรรจงวาดขึ้นมา แถมยังชวนให้นึกถึงเพลงๆหนึ่งคือ Only You ที่คุณเอ๋บอกว่าทำให้นึกถึงวันวารที่น่าจดจำเสมอไป.......
