หลังวุ่นอยู่กับการเปิดตลาดใหม่ๆ ด้วยเอสยูวีสายพันธุ์ใหม่ๆ ทั้งคอมมานเดอร์, คอมแพสส์ และเพทริออตอยู่หลายปี คราวนี้ถึงเวลาของการหันมาใส่ใจสายพันธุ์ดั้งเดิมที่อยู่คู่กับบริษัทมานานกว่า 20 ปีอย่างลิเบอร์ตี้ หรือในอดีตเคยใช้ชื่อว่าเชโรกีกันบ้างแล้ว ด้วยการเปิดตัวโฉมใหม่ออกมากระตุ้นตลาดในสหรัฐอเมริกา และคาดว่าคงจะเริ่มส่งออกมาขายในตลาดโลกภายใต้ชื่อเชโรกีอย่างเร็วที่สุดไม่เกินปีหน้า
แม้ลิเบอร์ตี้จะเป็นชื่อที่เพิ่งรู้จักกันในปี 2002 แต่ถ้าย้อนความกลับไปแล้ว เอสยูวีรุ่นนี้มีประวัติความเป็นมายาวนานเพราะเป็นรุ่นเปลี่ยนโฉมซึ่งถูกส่งเข้ามาแทนที่รุ่นเชโรกี ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 1982 โดยจี๊ปใช้ชื่อนี้ทำตลาดเฉพาะอเมริกาเหนือ ส่วนแถบอื่นของโลกยังใช้เชโรกีเหมือนเดิม ยกเว้นเมืองไทยที่เคยเข้ามาขายในชื่อยาวเหยียดว่า เชโรกี ลิเบอร์ตี้ อยู่พักหนึ่งก่อนเงียบหายไป
รุ่นใหม่นี้เป็นการโมเดลเชนจ์หรือเปลี่ยนโฉมที่พลิกรูปโฉมจากรุ่นเดิมอย่างชัดเจน และเปิดตัวครั้งแรกในนิวยอร์ก มอเตอร์โชว์ 2007 เมื่อกลางเดือนเมษายนที่ผ่านมา เพื่อกลับมาทวงบัลลังก์ผู้นำในตลาดเอสยูวีขนาดกลางของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในปี 2005 ลิเบอร์ตี้เคยทำยอดขายสูงสุดเอาไว้ถึง 166,883 คันเลยทีเดียว
ในเรื่องของดีไซน์สามารถสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง แม้ว่าจี๊ปจะยังคงใช้เอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้อย่างกระจังหน้าลายซี่ 7 ช่อง หรือ 7-Slot Grilles แต่ไฟหน้าก็ถูกเปลี่ยนจากดวงกลมมาเป็นทรงเหลี่ยม จึงทำให้ลิเบอร์ตี้ใหม่ดูคล้ายกับการจับเอาเอสยูวีรุ่นใหญ่ที่สุดในตลาดของจี๊ปอย่างคอมมานเดอร์มาย่อส่วน
ตัวถังที่ทำตลาดมีเฉพาะรุ่น 5 ประตูเหมือนเดิมมาพร้อมกับความยาว 4,492 มิลลิเมตร กว้าง 1,838 มิลลิเมตร สูง 1,808 มิลลิเมตร และระยะฐานล้อ 2,694 มิลลิเมตร โดยในรุ่นนี้ถือเป็นครั้งแรกที่มีการใส่ชื่อของระบบสกาย สไลเดอร์ (Sky Slider) หรือหลังคาซันรูฟแบบผ้าใบซึ่งเลื่อนเปิดได้มาเป็นออพชั่นให้กับลูกค้าเลือกซื้อ
ความใหม่ของลิเบอร์ตี้ไม่ได้อยู่ที่เรื่องของรูปลักษณ์ภายนอกและภายในเท่านั้น แต่จี๊ปยังเปิดเผยว่า ในส่วนแชสซีส์ก็ใหม่ด้วยเช่นกัน โดยเลย์เอาท์การวางเครื่องยนต์ยังเป็นแบบวางขวางขับเคลื่อนล้อหลัง และมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบพาร์ทไทม์ให้เลือกใช้เหมือนเดิม แต่ในส่วนของระบบกันสะเทือนหน้า-หลังได้รับการออกแบบใหม่บนพื้นฐานของอิสระ แขนยึดแบบ SLA 2 ชั้น โช้กอัพ คอยล์สปริง
ส่วนด้านหลังเป็นแบบยึด 5 จุด ซึ่งถูกออกแบบบนแนวคิดของการให้สัมผัสแห่งความแข็งแกร่ง เพื่อให้ลิเบอร์ตี้สามารถลุยได้ทุกเส้นทางตามคอนเซ็ปต์ ‘Go Anywhere. Do Anything.’ ของจี๊ป ขณะที่พวงมาลัยแบบแร็กแอนด์พีเนียนได้รับการปรับปรุงให้มีความแม่นยำในการบังคับเลี้ยวมากขึ้นจากรุ่นเดิม
รุ่นที่ทำตลาดมีทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหลังเพียงอย่างเดียว หรือแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมีให้เลือก 2 แบบตามความสมบุกสมบันของการใช้งาน คือ Selec-Trac II เป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา หรือ Full-Time ซึ่งจะมีโหมด 4WD Auto ที่ปรับการกระจายกำลังของล้อขับเคลื่อนเอง หรือโหมด 4WD Low ให้เลือกใช้สำหรับเวลาลุยบนเส้นทางโหดๆ
ส่วนอีกรุ่นมาในชื่อ Command-Trac เป็นระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Part-Time ซึ่งในการขับปกติยังเป็นแบบล้อหลังแต่สามารถปรับเข้าสู่โหมดขับเคลื่อน 4 ล้อได้ 2 แบบ คือ 4H หรือ 4L ได้
อย่างไรก็ตาม ใครที่ต้องการสัมผัสความหลากหลายของเครื่องยนต์จากลิเบอร์ตี้ใหม่คงต้องผิดหวัง เพราะจี๊ปยังยืนพื้นอยู่กับทางเลือกเดียวกับเครื่องยนต์เบนซินวี6 SOHC 12 วาล์ว 3,700 ซีซี 210 แรงม้า ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 32.5 กก.-ม. ที่ 4,000 รอบ/นาทีจับคู่กับเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ หรืออัตโนมัติ 4 จังหวะ ส่วนตลาดนอกสหรัฐอเมริกาได้มีทางเลือกเพิ่มขึ้น เพราะจี๊ปจะมีรุ่นเทอร์โบดีเซลวางขาย เป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ ทวินแคม 16 วาล์ว 2,800 ซีซีบล็อกใหม่
ในสหรัฐอเมริกาจะเริ่มขายในช่วงกลางปีนี้เป็นต้นไปกับราคาที่คาดว่าจะแพงขึ้นจากเดิมอีกเล็กน้อย โดยอยู่เริ่มต้นที่ 23,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 800,000 บาท ส่วนตลาดนอกสหรัฐอเมริกาจะเริ่มขายในปลายปีนี้ และเริ่มที่ยุโรปเป็นแห่งแรก