ผ่านไปแล้วสำหรับการแสดงและการประกวดรถโบราณครั้งที่ 31 ซึ่งจัดขึ้นโดยสมาคมรถโบราณแห่งประเทศไทย โดยมีการจัดแสดงรถกว่า 60 คัน รวมถึงรถมอเตอร์ไซค์และรถโมเดลจำลองเต็มห้องคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ ห้างสรรพสินค้า เดอะ มอลล์ บางกะปิ โดยในปีนี้มีไฮไลต์รถที่เด่นๆก็คือ รถโบราณทั้งสมัยก่อนและหลังสงครามที่มีการตกแต่งให้ดูแปลกตาอยู่หลายคัน อาทิ การนำเอามุกมาประดับหรือใช้สีมาวาดลวดลาย รวมถึงการประกวดรถมอเตอร์ไซค์เพิ่มขึ้นมา
นอกจากนี้ก็ยังมีการประกวดรถอีก 8 ประเภทด้วยกันหนึ่งในนั้นที่ "ผู้จัดการ มอเตอริ่ง" นำมาให้ชมกันก็คือรถที่ได้รางวัลคะแนนรวมสูงสุด ของคุณอรรถววิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการสมาคมรถโบราณฯ ใครเลยจะเชื่อว่าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นเจ้าของรถคลาสสิกและรถโบราณกว่า 30 คัน ปัจจุบันคุณอรรถวิทย์เป็นข้าราชการประจำกระทรวงการคลังยามมีเวลาว่างก็จะทุ่มเทให้กับการบูรณะรถโบราณที่น่าหลงใหลและมีเสน่ห์
"สำหรับคันที่ได้รางวัลนี้ก็คือ เมอร์เซเดส - เบนซ์ 300 ปี 1952 เป็นรถที่ผมส่งประกวดในหมวดของของรถก่อนสงครามที่มีอายุระหว่างปี 1940 - 1955 คันนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นรถที่สร้างขึ้นมาตามความต้องการของอดีตประธานาธิบดีของเยอรมันคนหนึ่ง มีเพียงไม่กี่คันในโลก จึงมีตัวอักษร เอ ต่อท้ายเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน ตอนที่ผมได้รถคันนี้มาอยู่ในสภาพที่แทบเป็นซากรถก็ว่าได้ใช้เวลาทำถึง 10 ปีด้วยกันแต่เป็นคันที่ผมภูมิใจที่สุด เครื่องยนต์หรืออะไหล่เป็นการซ่อมแซมให้เหมือนกับของเดิมมากที่สุดถึงแม้ว่าจะต้องรอหลายปีก็ตามแต่ก็คุ้มค่า"
ส่วนการแสดงรถโบราณในครั้งนี้คุณอรรถวิชช์นำรถมาทั้งหมด 11 คันด้วยกัน "ในครั้งนี้ผมส่งประกวดแค่ 2 คัน ที่บ้านมีทั้งหมดเกือบ 30 คัน การที่ผมชื่นชอบเราโบราณเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็มาจากคุณพ่อของผมซึ่งท่านมักจะเอาหนังสือรถคลาสสิกมาอ่านเป็นประจำ มันเลยทำให้ผมรู้สึกซึมซับไปด้วย และเริ่มชอบมาตั้งแต่เด็กก็เลยลองศึกษาเรื่องเล่านี้ดู และหลงใหลมาเรื่อยๆ ตั้งแต่อายุ 15 ปี"
คุณอรรถวิชช์ยังทิ้งท้ายไว้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถคลาสสิกไว้ด้วยว่าอยากให้มองอีกมุมหนึ่งว่ารถเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าคุณค่าทางราคา หากจะลองเข้ามาคลุกคลีก็ควรจะศึกษาข้อมูลของรถแต่ละรุ่นให้ดีจะได้ไม่ถูกหลอก รวมถึงร้านอะไหล่ หาช่างที่ไว้ใจได้ จะได้ไม่ผิดหวัง
"ผมไม่อยากให้คนมองว่าพวกที่เก็บรถคลาสสิกหรือรถโบราณต้องเป็นคนที่ฟุ่มเฟือย แต่อยากให้มองว่าผมเป็นนักอนุรักษ์มากกว่า ที่ซื้อมาก็เพราะใจรัก และอยากให้ภาครัฐออกมาส่งเสริมในจุดนี้ด้วยเพราะว่าในเมืองไทยนั้นยังมีรถสวยๆมากมายที่น่าจะนำมาโชว์ให้ชาวต่างชาติดูได้ และทางสมาคมฯ ก็มีนโยบายส่งเสริมการอนุรักษ์รถยนต์โบราณในประเทศไทยไว้ บางคนมีรถโบราณจอดอยู่ที่บ้านแต่ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อมางานนี้เราจะได้ให้คำแนะนำจากสมาชิกในสมาคมถึงขั้นตอนการบูรณะและดูแลที่ถูกต้องและไม่ให้สมบัติของชาติเหล่านี้ต้องสูญหายไปตามกาลเวลา”
นอกจากนี้ก็ยังมีการประกวดรถอีก 8 ประเภทด้วยกันหนึ่งในนั้นที่ "ผู้จัดการ มอเตอริ่ง" นำมาให้ชมกันก็คือรถที่ได้รางวัลคะแนนรวมสูงสุด ของคุณอรรถววิชช์ สุวรรณภักดี เลขาธิการสมาคมรถโบราณฯ ใครเลยจะเชื่อว่าหนุ่มน้อยคนนี้เป็นเจ้าของรถคลาสสิกและรถโบราณกว่า 30 คัน ปัจจุบันคุณอรรถวิทย์เป็นข้าราชการประจำกระทรวงการคลังยามมีเวลาว่างก็จะทุ่มเทให้กับการบูรณะรถโบราณที่น่าหลงใหลและมีเสน่ห์
"สำหรับคันที่ได้รางวัลนี้ก็คือ เมอร์เซเดส - เบนซ์ 300 ปี 1952 เป็นรถที่ผมส่งประกวดในหมวดของของรถก่อนสงครามที่มีอายุระหว่างปี 1940 - 1955 คันนี้มีความพิเศษตรงที่เป็นรถที่สร้างขึ้นมาตามความต้องการของอดีตประธานาธิบดีของเยอรมันคนหนึ่ง มีเพียงไม่กี่คันในโลก จึงมีตัวอักษร เอ ต่อท้ายเพื่อเป็นเกียรติแก่ท่าน ตอนที่ผมได้รถคันนี้มาอยู่ในสภาพที่แทบเป็นซากรถก็ว่าได้ใช้เวลาทำถึง 10 ปีด้วยกันแต่เป็นคันที่ผมภูมิใจที่สุด เครื่องยนต์หรืออะไหล่เป็นการซ่อมแซมให้เหมือนกับของเดิมมากที่สุดถึงแม้ว่าจะต้องรอหลายปีก็ตามแต่ก็คุ้มค่า"
ส่วนการแสดงรถโบราณในครั้งนี้คุณอรรถวิชช์นำรถมาทั้งหมด 11 คันด้วยกัน "ในครั้งนี้ผมส่งประกวดแค่ 2 คัน ที่บ้านมีทั้งหมดเกือบ 30 คัน การที่ผมชื่นชอบเราโบราณเหล่านี้ส่วนหนึ่งก็มาจากคุณพ่อของผมซึ่งท่านมักจะเอาหนังสือรถคลาสสิกมาอ่านเป็นประจำ มันเลยทำให้ผมรู้สึกซึมซับไปด้วย และเริ่มชอบมาตั้งแต่เด็กก็เลยลองศึกษาเรื่องเล่านี้ดู และหลงใหลมาเรื่อยๆ ตั้งแต่อายุ 15 ปี"
คุณอรรถวิชช์ยังทิ้งท้ายไว้สำหรับผู้ที่ชื่นชอบรถคลาสสิกไว้ด้วยว่าอยากให้มองอีกมุมหนึ่งว่ารถเหล่านี้มีคุณค่าทางจิตใจมากกว่าคุณค่าทางราคา หากจะลองเข้ามาคลุกคลีก็ควรจะศึกษาข้อมูลของรถแต่ละรุ่นให้ดีจะได้ไม่ถูกหลอก รวมถึงร้านอะไหล่ หาช่างที่ไว้ใจได้ จะได้ไม่ผิดหวัง
"ผมไม่อยากให้คนมองว่าพวกที่เก็บรถคลาสสิกหรือรถโบราณต้องเป็นคนที่ฟุ่มเฟือย แต่อยากให้มองว่าผมเป็นนักอนุรักษ์มากกว่า ที่ซื้อมาก็เพราะใจรัก และอยากให้ภาครัฐออกมาส่งเสริมในจุดนี้ด้วยเพราะว่าในเมืองไทยนั้นยังมีรถสวยๆมากมายที่น่าจะนำมาโชว์ให้ชาวต่างชาติดูได้ และทางสมาคมฯ ก็มีนโยบายส่งเสริมการอนุรักษ์รถยนต์โบราณในประเทศไทยไว้ บางคนมีรถโบราณจอดอยู่ที่บ้านแต่ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อมางานนี้เราจะได้ให้คำแนะนำจากสมาชิกในสมาคมถึงขั้นตอนการบูรณะและดูแลที่ถูกต้องและไม่ให้สมบัติของชาติเหล่านี้ต้องสูญหายไปตามกาลเวลา”
