ทิ้งระยะจากการเพิ่งฉลองครบรอบ 30 ปีของการทำตลาดด้วยรุ่นแรงในรหัส GTI ไปได้ไม่นาน ทางโฟล์คสวาเกนนำต้นแบบรุ่นใหม่แกะกล่องที่พัฒนาบนพื้นฐานเดียวกับกอล์ฟ GTI รุ่นปัจจุบันมาอวดโฉม พร้อมความโดดเด่นทั้งในเรื่องของการออกแบบและสมรรถนะที่ไม่ธรรมดา เพราะถอดเครื่องยนต์ 4 สูบของเดิมออก และแทนที่ด้วยขุมพลังใหม่แบบใหญ่สะใจ กับบล็อก W12 ที่ปกติแล้วจะอยู่ใต้ฝากระโปรงของรถยนต์รุ่นใหญ่อย่างเฟตัน, ออดี้ เอ8 และเบนท์ลีย์ คอนติเนนตัล จีที
ปฏิบัติการครั้งนี้ไม่ได้เป็นแค่การเปลี่ยนเครื่องยนต์บนโครงสร้างตัวถังเดิม แต่เป็นการวางเลย์เอาท์ของตัวรถใหม่ทั้งหมด แต่ยังอิงอยู่กับพื้นฐานของรูปลักษณ์และรูปทรงของกอล์ฟ GTI มาร์คไฟว์ เพราะแทนที่จะวางเครื่องยนต์วางด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหน้าเหมือนกับรุ่นปกติ แต่ทีมวิศวกรของโฟล์คสวาเกนจัดการดัดแปลงโครงแชสซีส์ใหม่
โดยจับเครื่องยนต์วางกลางลำและใช้ระบบขับเคลื่อนล้อหลัง เหมือนกับที่เรโนลต์ทำกับรุ่นคลีโอ วี6 ซึ่งเปิดตัวขายเมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ขณะที่รายละเอียดของรูปลักษณ์ภายนอกมีการดัดแปลงเพื่อความสปอร์ตดุดันแบบสุดๆ บนตัวถังแบบ 3 ประตู
ตัวถังได้รับการดัดแปลงใหม่ เช่น มีการดัดแปลงตัวถังช่วงเสาหลัง หรือ C-Pillar เพื่อเอื้อต่อระบบการระบายอากาศ โดยที่ตัวถังด้านท้ายมีการเจาะช่องสำหรับช่วยในการรับลมเข้ามาเป่าอินเตอร์คูลเลอร์ ขณะที่หลังคาผลิตจากคาร์บอนไฟเบอร์ก็ถูกออกแบบให้นำลมไหลเข้ามาช่วยในการระบายความร้อนหม้อน้ำที่วางอยู่ด้านหลัง ส่วนล้อแม็กที่ใช้ลอกแบบมาจากรุ่น GTi แต่ขยายขนาดเป็น 19 นิ้ว
สำหรับเครื่องยนต์ W12 บล็อกนี้มีความลงตัวในด้านขนาด ซึ่งกะทัดรัดพอที่จะวางอยู่ในตัวถังของรถยนต์ระดับคอมแพ็กต์ ด้วยความยาว 513 มิลลิเมตร สูง 715 มิลลิเมตร และกว้าง 710 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นผลมาจากรูปทรงของเครื่องยนต์ที่มาจากการนำเครื่องยนต์ V6 แบบเสื้อสูบองศาแคบ 2 บล็อกมาเชื่อมต่อกันจนเป็นรูปทรง W และแตกต่างจากเครื่องยนต์แบบ V ทั่วไป
จากความจุในระดับ 6,000 ซีซีที่เปิดตัวในรถยนต์หรูรุ่นเฟตัน เครื่องยนต์บล็อกนี้มีกำลังสูงสุด 450 แรงม้า แต่ถูกขยับความแรงด้วยการติดตั้งเทอร์โบคู่เพื่อนำไปใช้กับแบรนด์ระดับหรูอย่างเบนท์ลีย์ ก่อนที่โฟล์คสวาเกนจะนำมาวางในต้นแบบของกอล์ฟ Gti คันนี้ โดยบล็อกที่นำมาใช้มีกำลังสูงสุด 650 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที และแรงบิดสูงสุด 76.3 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบต่อนาที ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติทิปทรอนิก 6 จังหวะ
การจับคู่ระหว่างเครื่องยนต์บล็อกใหญ่พลังแรงกับตัวถังที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักไม่เยอะ ทำให้ต้นแบบรุ่นนี้สามารถทะยานจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ใน 3.7 วินาทีเท่านั้น และมีความเร็วสูงสุดในระดับ 201.8 ไมล์/ชั่วโมง หรือ 324 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ซึ่งส่วนหนึ่งที่แล่นได้เร็วขนาดนี้ โฟล์คสวาเกนเผยว่าเป็นเพราะการลดความสูงลง 70 มิลลิเมตร และออกแบบให้พื้นตัวถังด้านล่างให้เอื้อต่อหลักอากาศพลศาสตร์ โดยมีช่อง Diffuser ในการส่งผ่านกระแสลมใต้ท้องรถให้ไหลผ่านออกไปทางด้านท้ายอย่างเป็นระเบียบ และเมื่อบวกกับสปอยเลอร์หลังขนาดใหญ่ด้วยแล้ว จึงช่วยเพิ่มการทรงตัวที่มั่นคงในช่วงความเร็วสูง
โฟล์คสวาเกนเปิดเผยว่าต้นแบบรุ่นนี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อเข้าร่วมงาน GTi Festival ซึ่งจะมีขึ้นที่เมืองWorthersee ประเทศออสเตรีย และถือเป็นมหกรรมการรวมตัวของคนรัก GTi ที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปรายการหนึ่งเลยทีเดียว
