บิ๊กเอ็ม ฟรอนเทียร์ 2541-2550
หลังจากนิสสันจำหน่ายบิ๊กเอ็ม ภายใต้รหัสตัวถัง D21 มานานกว่าทศวรรษ ในปี 2541 จึงได้มีการแนะนำกระบะ บิ๊กเอ็ม รุ่นใหม่ ภายใต้รหัส D22 ซึ่งได้สลัดรูปโฉมเดิมๆ ไปโดยสิ้นเชิงด้วยการ ลบเหลี่ยมมุมให้มีความโค้งมนกลมกลืนมากขึ้น ฝากระโปรงหน้าขนาดใหญ่ลาดเอียงพร้อมไฟหน้าฮาโลเจนขนาดใหญ่ให้แสงสว่างสูง กระบะท้ายขึ้นรูป 2 ชั้น
ภายในออกแบบให้มีความหรูหราใกล้เคียงกับรถเก๋งมากขึ้น พร้อมติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกให้มากที่สุด ปรับปรุงซีลยางขอบประตูและบุฉนวนป้องกันเสียงรบกวน แผงหน้าปัดแบบสีขาว พวงมาลัยสปอร์ต 3 ก้าน ปรับระดับขึ้นลงได้ กระจกไฟฟ้า เซ็นทรัลล็อกพร้อมรีโมท ตัวเลขไมล์ดิจิตอล
เครื่องยนต์ยังคงมีให้เลือกทั้ง2 แบบโดยในรุ่นดีเซล รหัส TD27II ขนาด 2,664 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 12 วาล์ว ให้กำลังสูงสุด 90 แรงม้า ที่ 4300 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 180 นิวตันเมตรที่ 2200 รอบ/นาที และเบนซิน รหัส KA24E ขนาด 2400 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 12 วาล์ว ระบบหัวฉีดอิเลคทรอนิกส์ มัลติพอยท์ ซึ่งเป็นรถกระบะรุ่นแรกที่ใช้ระบบจ่ายเชื้อเพลิงด้วยอิเลคทรอนิกส์ ให้กำลังสูงสุด 120 แรงม้า ที่ 5200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 189 นิวตันเมตร ที่ 3600 รอบ/นาที
หลังจากนั้น 2 ปี ในปี 2543 บิ๊กเอ็มก็ได้ฤกษ์ไมเนอร์เจนจ์ครั้งแรก โดยภายนอกเปลี่ยนกระจังหน้าและกันชนใหม่ เพิ่มรุ่นตัวถัง 4 ประตู และเติมท้ายชื่อรุ่นเป็น บิ๊กเอ็ม ฟรอนเทียร์
จุดเด่นเฉพาะรุ่น ขับเคลื่อน 4 ล้อ จะเพิ่มช่องดักอากาศที่ฝากระโปรงหน้า (นิสสันเรียกว่า จมูก) ภายในใช้สีแบบทูโทน น้ำตาล-เบจ และใส่เครื่องยนต์ดีเซล รหัส TD25Ti ขนาด 2500 ซีซี เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า
นิสสัน ฟรอนเทียร์ 2544-2550
ถัดมาในปี 2544 นิสสันเปิดตัวกระบะใหม่ในชื่อ ฟรอนเทียร์ ZDi (รหัสตัวถัง D22 เหมือนเดิม)ซึ่งเดิมนิสสันตั้งใจจะลบชื่อ บิ๊กเอ็มออกไป แต่เนื่องจากนิสสันเกรงว่าหากลบชื่อ บิ๊กเอ็ม ออกไปแล้วอาจจะส่งผลกระทบต่อยอดขายได้ จึงยังคงเรียกกันติดปากในชื่อของ บิ๊กเอ็ม ฟรอนเทียร์
สำหรับโมเดลนี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อรุ่น ตาตั๊กแตน โดยรูปร่างภายนอกยกเอาส่วนหน้าของฟรอนเทียร์ในตลาดอเมริกาเหนือมาใช้ กระจังหน้าโครเมี่ยมแบบวี-เชฟ สัญลักษณ์ใหม่ของนิสสัน กันชันมีขนาดใหญ่ขึ้น ไฟหน้าแบบมัลติรีเฟลคเตอร์ ฝากระโปรงรถใหม่ไร้จมูก ซึ่งจะมีให้เลือกในตัวถัง 3 แบบ คือ ซิงเกิ้ลแค็บ คิงแคป และดับเบิ้ลแคป
ส่วนเครื่องยนต์สำหรับรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อเป็นตัวใหม่ ZD30DD แบบไดเร็กอินเจ็ก- ชั่น ทวินแคม 16 วาล์วกำลังสูงสุด 105 แรงม้า และเพิ่มทางเลือกสำหรับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อด้วยเครื่องยนต์ ZD30DDT 4 สูบแถวเรียง DOHC 16 วาล์ว เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ซึ่งถือว่าเป็นกระบะที่แรงที่สุดในยุคนั้น (แต่ยังคงเครื่องยนต์ TD27 เอาไว้ในรุ่น ซิงเกิ้ลแคป)
และในโมเดลนี้มีการติดตั้งระบบเบรก ABS และถุงลม นิรภัยสำหรับคนขับ เป็นครั้งแรกของกระบะนิสสัน (เฉพาะรุ่นดับเบิ้ล แค็บ)
ในปี 2548 นิสสัน ได้เปลี่ยนเครื่องยนต์ของฟรอนเทียร์ อีกครั้ง เป็นเครื่อง YD-DI เทอร์โบอินเตอร์คูลเลอร์ ให้กำลังสูงสุด 129 แรงม้า ขณะที่ยังคงจำหน่ายรุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ TD27 เอาไว้ด้วย และขายมาจนถึงปัจจุบันก่อนจะเปลี่ยนโฉมอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อต้นปี 2550 ที่ผ่านมาด้วย “ฟรอนเทียร์ นาวารา” พร้อมกับปิดฉากตำนาน บิ๊กเอ็ม ที่ยืนยาวมากว่า 20 ปี (กับรหัสตัวถัง D21 และ D22)